"บิ๊กตู่" เปิดใจ Top news ทำไมต้องอยู่ต่อ ชี้ภารกิจสร้างรากฐานปท.ยังไม่จบ ขอแยกแยะโจมตีสืบทอดอำนาจ รับเป็นห่วงขบวนการดึงสถาบันฯลงเป็นคู่ขัดแย้ง

วันที่ 9 พ.ค. 66 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ สัมภาษณ์พิเศษในรายการข่าวเป็นข่าว สถานีโทรทัศน์ ท็อปนิวส์ ทีวี ในหัวข้อ “ทำแล้ว ทำอยู่ เพราะอะไรลุงตู่ต้องทำต่อ” โดยมีนายสันติสุข มะโรงศรี เป็นผู้ดำเนินรายการ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจทำงานการเมืองต่อ ว่า ตนเป็นผบ.ทบ. จะให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคง ในฐานะทหารเห็นว่าประเทศยังมีความเสี่ยงทั้งสถานการณ์ในภูมิภาค สถานการณ์โลก จึงตัดสินใจอยู่ต่อ เพื่อวางรากฐานให้กับประเทศ เมื่อถามว่าทำไมจึงใช้เวลาตัดสินใจนาน นายกฯ กล่าวว่า เพราะตนอยู่มาแล้ว 8 ปีก็ไม่รู้ว่าประชาชนคิดอย่างไร การมีอำนาจต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ที่สำคัญคือความรับผิดชอบกับประชาชน ต้องใช้ให้ถูกต้องเหมาะสม และถูกเวลา และหลังจากการลงพื้นที่สัมผัสได้ถึงความหวังของประชาชน มองแววตาของเขา ๆ ก็อยากเห็นอะไรที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพียงแต่ว่าตนต้องดูแลทั่วประเทศ 70 ล้านคน บางอย่างอาจยังไม่ทั่วถึง

เมื่อถามว่าการเมืองแรง ไม่กลัวเรื่องความปลอดภัยหรือ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนเราทำความดี พระคุ้มครอง แต่ตนไม่ใช่สายมู ตนนับถือพระพุทธศาสนา และสวดมนต์ทุกวัน เพื่อประเทศชาติ ให้บ้านเมืองสงบ ประชาชนมีความสุข ให้ทำงานสำเร็จ ได้รับความร่วมมือจากประชาชน ไปไหนก็เอาหัวใจไปด้วย หัวใจเราต้องยิ่งใหญ่ แบ่งปันให้ทุกคน

ต่อข้อถามว่าทำไมเลือกอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนรู้จักนายพีระพันธุ์มานาน ในฐานะนักกฎหมาย รมว.ยุติธรรม มั่นใจว่าปลอดภัยแน่ ได้ทำงานกับนักการเมืองซื่อสัตย์ มีอุดมการณ์การเมืองเดียวกัน ดีเอ็นเอเดียวกัน ขณะที่ ในพรรคมีคนทุกเจนฯ อยู่ในพรรครวมใจสร้างชาติ เราต้องการความคิดของคนรุ่นใหม่ วันนี้ที่ทำงานก็เอาใจเขามาใส่ใจเรา เหมือนตนคุมกองทัพไปรบอยู่ชายแดน ก็ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา มาประกอบกำลังกัน จึงจะประสบความสำเร็จ จึงมารวมเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ วันนี้ก็มีความสุข

เมื่อถามถึงพรรคเดิมที่สนับสนุนให้เป็นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนเรามีอดีต ปัจจุบัน อนาคต ไม่ได้เกลียดกัน ไม่ได้ทะเลาะกัน แต่มีบางอย่างไม่ตรงกัน ก็เปลี่ยนมาทางนี้ ความรัก ๆ วันเดียวก็รักกันไปตลอดชีวิต เมื่อถามว่าถูกโจมตีว่าอยู่ต่อเพื่อสืบทอดอำนาจ เส้นแบ่งอยู่ตรงไหนระหว่างสืบทอดอำนาจกับทำต่อ นายกฯ กล่าวว่า ก็อยู่ที่ประชาชนจะตัดสิน การที่อยู่ต่อต้องดูว่าอยู่เพื่ออะไรทำประโยชน์ให้แผ่นดินและประชาชนหรือไม่ อันนั้นคือคำตอบว่าทำไมต้องอยู่ต่อ และตนอยู่มา 8 ปี ไม่มีเรื่องเสียหาย ไม่มีเรื่องทุจริต และก็ถูกตรวจสอบมาตลอดเวลา ทั้งการอภิปรายฯ ในสภา แต่ตนไม่ประมาท อะไรที่ไม่ใช่ของเรา ก็อย่าไปเอาเท่านั้นเอง ประชาชนคือหัวใจของพวกเรา ทำต่อคือทำให้บ้านเมือง แต่สืบทอดอำนาจคือทำเอา ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาแล้ว ตนทำอย่างนั้นไม่เป็น ตนไม่ใช่คนขี้โกง

ข่าวที่น่าสนใจ

ต่อข้อถามว่าช่วงที่ตัดสินใจทำต่อ ถามครอบครัวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้ปรึกษาทั้งภรรยา และลูก ก็เป็นห่วง แต่ได้อธิบายความจำเป็นว่าต้องอยู่ต่อ ซึ่งลูกก็เป็นห่วงสุขภาพ และไม่อยากให้ใครมาว่า แต่ตนก็บอกว่าประเทศชาติสำคัญที่สุด ยังมีสติปัญญาก็ขอทำต่อ เขาอยากให้พักผ่อน เพราะ 8 ปี ไม่เคยไปไหนกับครอบครัว ตนค่อนข้างสมถะ ไม่ได้ร่ำรวย ลูกไม่มีของแบรนเนม ซื้อเสื้อผ้าสั่งออนไลน์ตัวละ 300 ซึ่งในที่สุดก็ทำต่อ

เมื่อถามถึงปัญหาค่าครองชีพ พลังงาน และปัญหาหนี้สิน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยู่ในโครงการที่ทำมานานแล้วทั้งเรื่องคลินิกแก้หนี้ แก้หนี้สินไปหลายล้านราย แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าเป็นหนี้ไม่ใช้มันลำบาก นอกจากนี้ต้องยกระดับรายได้ประชาชนให้เพิ่มขึ้น

ผู้ดำเนินรายการถามว่า การเมืองในประเทศพยายามดึงสถาบันเข้ามาเป็นคู่ขัดแย้ง นายกฯ มองหรือไม่ว่ามีการทำเป็นขบวนการ นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนทราบดีว่าไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะประเทศอยู่มา ด้วยสถาบันหลัก คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แผ่นดินผืนนี้ต่อสู้กันมาอยู่ร่มเย็น จนเป็นประเทศไทย เราลืมรากเหง้าไม่ได้ สิ่งที่เขาทำกันอยู่ไม่รู้ไปเอาความคิดมาจากไหน ทำแบบนี้ประเทศชาติจะแตกเป็นเสี่ยง ถ้าแตกแยกไม่นับถือใครเลยจะอยู่กันอย่างไร ตนไม่อยากไปแตะต้องอะไร แต่นี่คืออุดมการณ์ของพรรคเรา เพราะฉะนั้นใครทำอะไรก็ช่วยกันดูแลอย่าให้เกิดปัญหาตรงนี้ เพราะจะลุกลามบานปลายใหญ่โต คนทั้งประเทศไม่ยอม

ด้านนายพีระพันธุ์ กล่าวถึงบางพรรคมีนโยบายนิรโทษกรรมและแก้ม.112 ว่า คนชอบเอาเรื่องนี้มาเป็นเรื่องการเมือง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เป็นเรื่องกฎหมาย ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ ซึ่งแต่ละประเทศมีรากเหง้าไม่เหมือนกัน ทุกประเทศต้องการประชาธิปไตย มีสิทธิเสรีภาพ แต่เราต้องรู้จักใช้สิทธิของตัวเอง ไม่ใช่มาละเมิดสถาบัน ไม่ใช่มีเลือกตั้งและไปละเมิดสิทธิคนอื่นก็เกิดความวุ่นวาย เสาหลักของประเทศที่ทำให้เกิดความมั่นคงในชาติก็คือสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงไม่ใช่แค่เป็นสัญลักษณ์ แต่หมายถึงความมั่นคงของรัฐ การพูดเรื่องม.112 เรื่องสถาบันฯ จึงเป็นเรื่องการไปกระทบความมั่นคงของรัฐ ไม่มีประเทศไหนนิรโทษกรรมให้กับคนที่ทำร้ายบ้านเมือง ทำให้ประเทศสั่นคลอน

นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงการทำงานร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ว่า นายกฯ ทำงานด้วยไม่ยาก เพราะเป็นคนทำงาน ช่วง 3 ปีกว่าที่ผ่านมาตนมีความสุขที่สุดในชีวิตการเมือง ได้ทำงานกับคนดี ก็จะทำให้ชีวิตการทำงานไม่มีปัญหา ตนไม่เคยรู้จักนายกฯ มาก่อน ครั้งแรก ก็รู้สึกเกร็ง แต่พอได้ทำงานด้วยกัน ท่านเป็นคนตลก มีมุขเยอะ ส่วนที่บอกว่าท่านเป็นคนคุยไม่เป็น ก็เพราะไม่รู้ใจ ไปคุยเรื่องไม่ชอบ ต้องคุยเรื่องงาน

“ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ผมอยู่กับคนที่ฟีเวอร์ทางการเมืองมา ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพล.อ.ประยุทธ์ เลย เพราะกระแสตอบรับพล.อ.ประยุทธ์ มีทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กเล็ก เด็กโต จนถึงผู้สูงอายุ เสียงตอบรับต่างจากที่สื่อเขียนวิพากษ์วิจารณ์โดยสิ้นเชิง”