“เรืองไกร” ยื่นกกต.สอบเอาผิด “พิธา” ถือหุ้น ITV พ่วงเพื่อไทยหาเสียงทำปชช.เข้าใจผิด

"เรืองไกร" ยื่นกกต.สอบเอาผิด "พิธา" ถือหุ้น ITV พ่วงเพื่อไทยหาเสียงทำปชช.เข้าใจผิด

วันที่ 10 พ.ค.66 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นเอกสารต่อ กกต. ร้องปม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือหุ้นสื่อ ITV และร้องพรรคเพื่อไทย ฐานทำให้ ปชช.เข้าใจผิด เกี่ยวกับบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลต่อคะแนนเสียงหรือไม่

นายเรืองไกร ให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มีเรื่องมาร้อง กกต.ในเรื่องของ นายพิธา ขณะเดียวกันได้พบข้อมูลพรรคเพื่อไทยด้วย และจะยื่นหนังสือไปพร้อมกัน โดยเรื่องแรก พบข้อมูลของ นายพิธา เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ITV จำกัดมหาชน เอกสารที่พบเป็นเอกสาร ณ วันที่ 7 เม.ย.66 เมื่อพบแล้วตนจึงขอรายชื่อผู้ถือหุ้นจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามาตรวจสอบว่า ก่อนหน้านี้เคยถือหรือไม่ จึงได้มาของเดือน เม.ย. 65 ลำดับที่ 7 พันกว่า จำนวนหุ้นเท่ากัน และบริษัทที่ถือเป็นสื่อหรือไม่ ซึ่งชัดเจนว่าบริษัท ITV ประกอบกิจการด้านสื่อ เป็นสถานี HF ซึ่งภายหลังโอนให้ ThaiPBS แล้วยังเป็นคดีความกันอยู่กับ (สปน.) ซึ่งมีมติ ครม.รองรับ ปัจจุบันบริษัทดังกล่าวยังประกอบกิจการอยู่ แล้วเป็นบริษัทลูก ‘ของอินทัชด้วย’เนื่องจากบัญชีผู้ถือหุ้นที่ขอให้มาตรวจ 9 พันกว่าหน้า มีบริษัทอินทัช เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งสามารถค้นดูได้จากเว็บตลาด ตนจึงเห็นงบการเงินล่าสุด ที่ระบุว่าถึงกองหุ้น ITV แล้วรายงานว่า ITV มีรายได้ปี 65 / 21ล้าน , ปี 64 / 24ล้าน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตรงกันทั้งหมด นี่คือเหตุผล ว่าทำไม’ตน’จึงมาร้องด้วย คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม คนเป็น ส.ส.คุณสมบัติ คือ ต้องสัญชาติไทย โดยแต่เกิด ไม่สามารถแปลงสัญชาติได้ หรือลักษณะต้องห้ามที่เป็นประเด็นนั้น คือ ต้องไม่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้น ในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อใดๆ

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ซึ่งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 98(3) บัญญัติสั้นๆ ว่า ไม่มีข้อแม้ใดๆ และมาตรา 42 พรป.ส.ส.เขียนเหมือนกันเป็นลักษณะต้องห้าม ดังนั้น เมื่อนายพิธา เป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อ และเป็นผู้ถูกเสนออยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรี เพียงวันเดียว ก็มีข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุ ที่ต้องมาร้อง กกต.ว่า อันนี้เข้าลักษณะต้องห้าม เฉพาะนายพิธาในขั้นนี้หรือไม่ และต้องขอบคุณ นายพิธา ที่ชี้แจงในโซเชียลว่า เป็นเรื่องที่เคยแจ้ง ปปช.ซึ่งตนขอบคุณ และยอมรับปรายๆว่า ‘ตน’ ถือหุ้น แต่ในนามใครก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งอันนั้นเป็นกฎหมาย ปปช. ซึ่งเหมือนกับที่ นายพิธา เคยร้อง ว่าหุ้นของผู้สมรส “บริษัทของผู้สมรสทำไมไม่แจ้ง แล้วทำไมไปแจ้งที่ดินทรัพย์ส่วนพระมหากษัตริย์”แต่ในเรือนการลงทุน 45 รายการไม่พบบริษัท ITV ซึ่งนายพิธา ควรจะหารือเรื่องนี้กับ กกต.ไม่ใช่ไปหารือ ปปช. อันนั้นเป็นเรื่องบัญชีทรัพย์สิน อันนี้เป็นลักษณะต้องห้าม ก็ยังไม่มีการตรวจสอบเรื่องนี้ และความปรากฏ แม้จะเลือกตั้งแล้วก็ตามก็ยังมีความจำเป็น ซึ่งตนเสียเงิน 3-4 พันบาทในการคัดเอกสารและเจ้าหน้าที่ได้นำมาส่งถึงหน้าบ้าน

 

 

“ทั้งนี้ นายพิธา ยอมรับว่าชื่อผู้ถือหุ้นอยู่ในบริษัท ITV เป็นความจริงเช่นนั้น และบริษัท ITV ประกอบธุรกิจสื่อตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าแสดงไว้ ซึ่งรายงานตอนท้ายมีผู้ถือหุ้นถามว่า เป็นสื่อไหมประกอบกิจการหรือเปล่า ผู้บริหารบริษัท ITV ตอบและเป็นบันทึกการประชุม อันนี้แนบมาที่หนังสือพร้อมที่จะให้ กกต.เปิด ดังนั้นตนคิดว่าองค์ประกอบต่าง ๆ ครบถ้วนตามข้อมูลกฎหมายที่มาตรา 98(3) ดังนั้นจึงหวังว่า ทาง กกต.จะทำหน้าที่และอำนาจโดยเร็ว

 

 

ในส่วนประเด็นที่ 2 ในเว็บไซต์พรรคเพื่อไทย ตนได้ตรวจดูข้อมูลภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แล้วมีรายชื่ออยู่ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้นำข้อมูลและภาพลงในเว็บไซต์ของตัวเอง โดยระบุว่าขอให้กาเบอร์ 29 ส่วนตัวไม่ติดใจอะไร , คนที่2 ทำเช่นเดียวกัน ตนก็ไม่ได้ติดใจ , ส่วนคนที่ 3 นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านการตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมและอำนาจรัฐ อยู่ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐลำดับที่ 10 ซึ่งตนตรวจหมด แต่อีก 2 คน ที่เป็นเหตุต้องร้อง กกต.คือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แบบเดียวกันเลย เจตนา คืออะไร ซึ่งคนติดตามเป็นแสน มีเจตนาทำให้ ปชช.เข้าใจผิดว่า นายณัฐวุฒิ อยู่ในบัญชีรายชื่อ ซึ่งมันไม่มี นี่จึงเป็นเหตุเนื่องจากมีข้อกฎหมายมาตรา 73(5) และมีข้อกฎหมายที่เป็นส่วนประกอบอื่น อย่างมาตรา 56 132 และ137 รายละเอียดทางข้อกฎหมายค่อนข้างเยอะ และอีก1 คน ตนเคยไปประท้วงมาแล้ว 1 ครั้ง คือ แพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นที่รู้จักในชื่อเล่นว่า “หมอเลี้ยบ” เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการ มหาวิทยาลัยชินวัตร ซึ่งคนนี้ก็อยู่ในเฟซบุ๊ก แล้วอยู่มาจนถึงวันเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว

“ทั้งนี้ 3 ท่านแรก ไม่ติดใจเพราะเป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อนายก และบัญชีรายชื่อ แต่นายณัฐวุฒิและนายสุรพงษ์ ใช่เหรอครับซึ่งมันมีผลต่อคะแนนหรือไม่ และมีผลต่อบัญชีรายชื่อด้วยหรือไม่ นายเรืองไกร กล่าว

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ลุค อิชิคาว่า" นักแสดงลูกครึ่ง ร้องปอท.ถูกใส่ร้ายผ่านโซเชียลฯ สร้างความเสื่อมเสีย วอนชาวเน็ตอย่าเชื่อพวกหิวแสง
แน่นสำนักพม.ขอนแก่น "ผู้พิการ" แห่ต่ออายุ-ทำบัตรใหม่ รอรับเงินหมื่น
สุดเศร้า "สาวใหญ่" ร้องถูก "ผัวตำรวจ" ซ้อมอ่วม ซ้ำพยายามล่วงละเมิดลูกเลี้ยง ยันขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
บริษัทผลิตเพจเจอร์มรณะที่แท้เป็นของอิสราเอล
เลบานอนแบนเพจเจอร์และวอล์กกี้ทอล์กกี้บนเครื่องบิน
“ชนินทร์” จวก “เท่าพิภพ” หยุดเอาดีเข้าตัว ป้ายผู้อื่นเป็นโจรสลัด ชี้ปมร่างสุราก้าวหน้า ถ้าอยากเปลี่ยนแปลง ต้องแสวงหาความร่วมมือ
คุณยายครูเบญเปิดใจทั้งน้ำตา หลังจากที่หลานสาวสอบติดพนักงานราชการแต่ชื่อหาย
"ซีอีโอ TSB" เปิดใจ พัฒนารถเมล์ก้าวสู่ปีที่ 3 พร้อมรับฟัง-นำข้อมูลปรับปรุงทุกจุด ประกาศชัด "รถเมล์คนไทยโตอย่างยั่งยืน"
ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราร่วมกิจกรรมประชุมสภากาแฟครั้งสุดท้าย ก่อนเกษียณอายุราชการ พร้อมปล่อยพันธุ์กุ้งกุลาดำจำนวน 2 แสนตัว เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมประมง
"พิพัฒน์-สุรศักดิ์" จับมือ สร้างโอกาส นศ.ทำงานปิดเทอม หมื่นอัตรา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น