ที่ประชุมอาเซียนถกสถานการณ์ในเมียนมาที่น่าวิตก พร้อมร่วมกันให้คำมั่นปราบปรามแกงค์ต้มตุ๋นออนไลน์ ที่ระบาดหนักในภูมิภาค
การประชุมสุดยอดอาเซียน บนเกาะฟลอเรสของอินโดนีเซีย เริ่มต้นเมื่อวานนี้ ด้วยการหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนสันติภาพ 5 ประการในเมียนมา หลังจากความพยายามไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความรุนแรงล้มเหลว และกำลังเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้น จากเหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์ ที่ขบวนรถที่บรรทุกนักการทูตและเจ้าหน้าที่ที่ประสานงานด้านการบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรมของอาเซียนในเมียนมาถูกยิง
ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ของอินโดนีเซียในฐานะประธานกล่าวขณะเปิดการประชุมว่า เขาเรียกร้องให้อาเซียนรวมกันเป็นหนึ่ง เพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลกที่เพิ่มขึ้น ด้วยความสามัคคี อาเซียนจะสามารถมีบทบาทสำคัญในการนำสันติภาพและการเติบโต
การเป็นประธานกลุ่มของอินโดนีเซียในปีนี้ มุ่งหวังว่า อาเซียนจะสามารถหาทางออกอย่างสันติ ผ่านทางการค้าและการทูต ซึ่งเรตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า อินโดนีเซียกำลังเจรจาแบบเงียบๆ เพื่อพูดคุยกับทุกฝ่ายในเมียนมาร์ ในความพยายามในการสร้างสันติภาพอีกครั้ง ส่วนรัฐมนตรีอาวุโสของอินโดนีเซียกล่าวว่า อาเซียนอยู่ในทางแยก และเสี่ยงที่จะเป็นองค์กรที่ล้มเหลว หากไม่สามารถจัดการกับเมียนมาและเหตุฉุกเฉินอื่นๆ ในภูมิภาค
นอกจากนี้ผู้นำอาเซียนยังให้คำมั่นว่า จะร่วมกันปราบปรามการหลอกลวงออนไลน์ ที่ดำเนินการโดยแกงค์ค้ามนุษย์ ที่หลอกลวงเหยื่อที่หางาน ซึ่งแถลงการณ์ฉบับแรกของอาเซียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ระบุว่า การใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิดเพิ่มมากขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการค้ามนุษย์ โดยมีการล่อลวงโดยโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ที่สัญญาว่าจะได้งานรายได้ดีในประเทศต่างๆ เช่น กัมพูชา ลาว และเมียนมา ทำให้ผู้คนหลายพันคนติดกับดัก บางกรณีถูกจับขังและถูกบังคับให้ฉ้อโกงประชาชน
โดยผู้ตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเหยื่อมากกว่า 1พันคนได้รับการช่วยเหลือในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งกัมพูชากลายเป็นแหล่งรวมอาชญากรรมทางไซเบอร์ ที่มักมีความเชื่อมโยงกับแก๊งอาชญากรในจีน และขยายไปยังประเทศต่างๆ เช่น เมียนมาร์และลาว
ความพยายามของอาเซียนในการต่อต้านการค้ามนุษย์ จะรวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการสอบสวน รวบรวมข้อมูล แลกเปลี่ยนข้อมูล และดำเนินการฝึกซ้อมร่วมกัน