พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยกรณี การชุมนุมของ กลุ่มทะลุฟ้า เมื่อวานที่ผ่านมา หลังจากทำกิจกรรม บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและเคลื่อนไปยังทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะกลับมาที่ สามเหลี่ยมดินแดง ทำให้มีเหตุประทะกับเจ้าหน้าที่ คฝ. มีทรัพย์สินทางราชการ คือ ป้อมสัญญาณไฟจราจร ได้รับความเสียหาย 4 แห่ง คือ พื้นที่ สน.นางเลิ้ง , พหลโยธิน , สุทธิสาร และห้วยขวาง และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 13 คน เป็นเยาวชน 5 คน
นอกจากนั้น ยังมีเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้น บริเวณ สน.ดินแดง จนมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 3 คน โดยคนแรกอายุ 14 ปี ถูกยิงที่ไหล่ขวา คนที่ 2 อายุ 20 ปี มีวัตถุเป็นโลหะค้างที่บริเวณลำคอ กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาลราชวิถี ส่วนอีกหนึ่งคน ถูกโลหะเข้าที่บริเวณเท้า รักษาตัวที่โรงพยาบาลเพชรเวช และแพทย์มีความเห็นให้กลับบ้านแล้ว อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบสวน
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหาชาย อายุ 14 ปี ที่ถูกยิงบริเวณไหล่ขวา ได้สอบปากคำผู้เป็นบิดา เบื้องต้นแล้ว ให้การว่า น่าจะถูกยิงบริเวณโรงบำบัดน้ำเสีย ห่างจาก สน.ดินแดง ประมาณ 50 เมตร ส่วนชาย อายุ 20 ปี ที่โลหะฝังอยู่ที่ลำคอ พบว่าวิ่งมาจากโรงแรมปริ้นซ์ตัน ผ่านหน้า สน.ดินแดง และมาล้มลงที่บริเวณโรงบำบัดน้ำเสีย
ส่วนกรณีที่มี ภาพชาย ยืนอยู่บน สน.ดินแดง และใช้ปืนยิงควบคุมสถานการณ์ ยืนยันว่า เป็นตำรวจจริง แต่เป็นการใช้กระสุนยางยิงข่มขู่ เพื่อป้องกันสถานที่ราชการ ไม่มีการใช้กระสุนจริง โดยช่วงบ่ายวันนี้ ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานจะลงพื้นที่เข้าไปจำลองเหตุการณ์ และตรวจวิถีกระสุนในระหว่างเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้ ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า กระสุนที่ผู้บาดเจ็บถูกยิงมาจากทิศทางใด แต่ยอมรับว่าในพื้นที่มีการใช้กระสุนจริง แต่ไม่ใช่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับยุทธวิธี การควบคุมฝูงชนนั้น ยืนยันว่า เป็นการปฏิบัติตามแผน ส่วนเครื่องมือ ได้รับการอนุมัติจากมติคณะรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งเป็นอาวุธที่ไม่สามารถทำให้อันตรายถึงแก่ชีวิต หากผู้ใดมีหลักฐาน หรือ คลิปที่ปราฏว่ามีตำรวจยิงอาวุธปืนจริงกับผู้ชุมนุม ก็ขอให้ส่งได้มาได้ แล้วจะติดตามดำเนินคดี แต่ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมเองก็มีอาวุธที่สร้างอันตรายกับตำรวจ และตำรวจจะเริ่มตอบโต้ ก็เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ความรุนแรง หากมีการเผาทำลายสถานที่ราชการ และจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
ส่วนกรณีการแชร์ข้อมูล ที่บอกว่า ผู้ชุมนุมถูกกระป๋องแก๊สน้ำตา เข้าที่ใบหน้าจนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ยืนยันว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการทำหนังสือขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยรายละเอียดการรักษา และบาดแผลว่า เกิดจากอะไร พร้อมกับได้นำกระป๋องแก๊สน้ำตา มาแสดงต่อสื่อมวลชนว่า ส่วนที่เป็นโลหะเป็นปลอกกระสุน เมื่อหลังยิงไปแล้ว จะค้างอยู่ในลำกล้อง ส่วนที่ยิงออกไปคือวัสดุคล้ายยางทรงกระบอก ที่ภายในบรรจุแก๊สน้ำตา เมื่อกระทบกับร่างกายจะไม่เกิดอันตราย และหากพบว่า ผู้ใดมีการแชร์ข้อมูลที่ผิด จะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
สำหรับการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึงปัจจุบัน มีแล้ว 40 คดี ผู้ต้องหาเข้าข่ายความผิด 309 คน จับแล้ว 152 คน และกำลังสอบสวนผู้ที่กระทำความผิดเพิ่มเติม