“เศรษฐา” จ้อสื่อใหญ่อเมริกา เปิดเวทีถล่ม “บิ๊กตู่” ลั่นไม่ร่วมรัฐบาล 2 ป.เปิดกว้างคุยรื้อม.112

“เศรษฐา” จ้อ “ว๊อยซ์ออฟอเมริกา-ซีเอ็นเอ็น” หันเล่นการเมืองเพราะความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม ขอเป็นนายกฯ ที่นำความเปลี่ยนแปลงให้เศรษฐกิจและสังคมไทย ลั่นไม่เอารัฐประหารเมินร่วมรัฐบาล “ประยุทธ์-ประวิตร” ยอมสละตำแหน่งนายกฯ

จากกรณีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์ว๊อยซ์ออฟอเมริกา สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ที่ครอบคลุมทั้งสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และออนไลน์กว่า 40 ภาษาทั่วโลก มีผู้รับชมและผู้อ่าน กว่า 236 ล้านคน ถึงกรณีที่โพลหลายสำนักระบุว่าพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำอยู่ในขณะนี้ว่า ผมขอสละตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหากต้องร่วมรัฐบาลกับพรรคของ พล.อ.ประยุทธ์ ผู้ซึ่งทำรัฐประหารในปี 2557 หรือ พล.อ. ประวิตร วงศ์สุวรรณ พันธมิตรของ พล.อ. ประยุทธ์

 

 

“ผมไม่เชื่อในการทำรัฐประหาร ผมไม่สามารถนึกภาพตัวเองทำงานร่วมรัฐบาล นั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรีกับพวก พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร ได้ ผมอยากเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่แค่เพียงได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ผมอยากเป็นนายกรัฐมนตรีที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงให้เศรษฐกิจและสังคมไทย หากสภาพแวดล้อมไม่อำนวยให้ผมสามารถทำได้ ผมยินดียอมสละตำแหน่งนายกรัฐมนตรี”

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายเศรษฐา ยังกล่าวอีกว่า รู้จักกับนายทักษิณมาหลายสิบปี โดยทั้งสองครอบครัวต่างประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นความรู้สึกสิ้นหวังที่ชักนำให้เข้าสู่การเมือง เวลาที่นั่งอยู่บนยอดพีระมิด ตนจะเฝ้ามองดูว่าคนทั่วไปเขาใช้ชีวิตกันยังไง ตนรู้สึกเศร้าใจกับสิ่งที่เห็น เพราะความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมทั้งในด้านการศึกษา ระบบสาธารณสุข และปัจจัยพื้นฐานอย่างอาหารที่อยู่บนโต๊ะ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นในประเทศที่มีศักยภาพมากอย่างประเทศไทย

 

 

แรงจูงใจที่กระตุ้นให้เข้าสู่การเมืองมากขึ้น คือการที่ประเทศได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 อย่างหนัก ซึ่งรายงานไอเอ็มเอฟระบุจีดีพีประเทศดิ่งลงถึง 6.1% ในปี 2563 ขณะเดียวกันผลสำรวจธนาคารโลกรายงานว่า 70% ของครัวเรือนประสบภาวะรายได้ลดลง และสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเลือกพรรคเพื่อไทย ก็เพราะพรรคมีหัวใจคือประชาชน พวกเขาได้ชักชวนให้มาร่วม จนในที่สุดก็มีความเห็นร่วมกัน

 

นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงการจัดการกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศไทยด้วยว่า เราต้องมีความคาดหวังอยู่กับพื้นฐานของความเป็นจริง ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับกลุ่มทุน แต่ต้องมั่นใจว่าจะสร้างโอกาสให้กลุ่มธุรกิจรายย่อยโตได้ ไม่ได้มาเพื่อทำร้ายกลุ่มทุนแต่มาเพื่อช่วยคนตัวเล็ก

 

“ส่วนในประเด็นความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ต่อ ม.112 ผมยังไม่เคยมีโอกาสคุยกับพวกเขานานพอ ยังไม่แน่ใจว่าอะไรคือสิ่งที่คนรุ่นใหม่โอเคหรือไม่โอเค ต้องหารือกัน ต้องพูดคุยกัน บางทีบางเรื่องอาจจะไม่ใช่ประเด็นที่เป็นปัญหาก็ได้ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องคุยต่อ ถ้าคิดว่ากฎหมายปัจจุบันต้องแก้ไข ก็เป็นกระบวนการของรัฐสภา” นายเศรษฐากล่าว

 

 

ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า นายเศรษฐา หนึ่งในสามตัวเลือกนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยระบุว่า เขาไม่ใช่คนของนายทักษิณ และกระตือรือร้นที่จะมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขความไม่เท่าเทียมทางรายได้ของประเทศไทย ส่งเสริมสิทธิ LGBTQ+ รวมถึงการแต่งงานเพศเดียวกัน ขจัดการทุจริต และนำประเทศไทยกลับสู่เวทีโลก

 

“ประเทศไทยอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่มาตลอด 5-8 ปีที่ผ่านมา เราอยู่ในอาการโคม่า คุณต้องมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อให้พวกเขากลับมายืนได้และสามารถกลับมาสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศอีกครั้ง ผมต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ ต้องส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างจริงจัง เราต้องออกไปคุยกับโลก เราต้องขายของให้ประเทศไทย เราต้องหาความได้เปรียบในการลงทุนในประเทศ และตีโจทย์ให้แตกว่าเราจะขายอะไรให้กับตลาดโลก” นายเศรษฐากล่าว

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ในทวิตเตอร์ของสถาบันทิศทางไทย ได้โพสต์ข้อความ ระบุไว้ด้วยว่า “ความลับไม่มีในโลก! รายงานลับจากหน่วยความมั่นคง เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา คณะทูตจากสหรัฐ อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และตัวแทนอียูเชิญตัวแทน พท. ก้าวไกล พปชร. ไปคุยที่บ้านทูตนิวซีแลนด์ เรื่องการตั้งรบ.ใหม่ และการยกเลิก ม.112”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมียไรเดอร์ เปิดใจเสียงสั่น กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังรู้ข่าว หนุ่มอินเดียซิ่งเก๋งได้ประกันตัว ลั่น ‘คนมีเงินมันยิ่งใหญ่’
นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น