วันที่ 15 พ.ค. 66 อ.ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Chuchart Srisaeng” โดยระบุว่า …..กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ไปยื่นคำร้องต่อ กตต. ให้ตรวจสอบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและเป็นผู้ที่พรรคก้าวไกลเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคว่า เป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น ขาดคุณสมบัติผู้รับสมัครเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 ที่บัญญัติว่า บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ฯลฯ
(3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ
…..นายพิธาแจ้งแก่บุคคลทั่วไปว่า หุ้นดังกล่าวไม่ใช่ของตนแต่เป็นของกองมรดก ตนเพียงมีฐานะผู้จัดการมรดก
.
…..ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1711 บัญญัติว่า ผู้จัดการมรดกนั้นรวมตลอดทั้งที่ตั้งโดยพินัยกรรมหรือโดยคำสั่งศาล
…..ถ้านายพิธาถือหุ้นดังกล่าวในฐานะผู้จัดการมรดก นายพิธาก็ต้องมีคำสั่งศาลหรือพินัยกรรมที่ตั้งให้นายพิธาเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งนายพิธาสามารถนำมาแสดงได้
…..ตามรายชื่อผู้ถือหุ้นของใน บมจ. 006 ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ระบุเพียงว่า นายพิธาถือหุ้นจำนวน 42,000 หุ้น ไม่ได้ระบุไว้เลยว่า เป็นของกองมรดกหรือนายพิธาถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดก ซึ่งตามปกติต้องระบุไว้เพื่อให้บุคคลภายนอกได้รับรู้
…..อย่างไรก็ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 บัญญัติว่า เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท
…..เมื่อบิดานายพิธาตายหุ้นทั้งหมดก็ตกทอดแก่ทายาททุกคนรวมทั้งนายพิธาด้วย แม้หุ้นยังไม่ได้จัดการแบ่งให้แก่ทายาท และนายพิธาเป็นผู้จัดการมรดกจริง นายพิธาก็มีกรรมสิทธิ์ในหุ้นดังกล่าวส่วนหนึ่งในฐานะทายาทของผู้ตายคนหนึ่ง
…..ตามข้อกฎหมายและข้อเท็จดังที่กล่าวมา นายพิธาย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นายพิธาไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน)