วันนี้ (15 พ.ค.66) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ว่า จะต้องขึ้นอยู่กับตัวนโยบายรัฐบาลใหม่ว่าเป็นอย่างไร โดยสิ่งแรกที่ต้องดำเนินการก่อน คือ การส่งออกสินค้า และการเร่งทำตลาดเพื่อการส่งออก / สอง การแก้ปัญหาปากท้องประชาชน แม้ว่าการบริโภคยังขยายตัวดี รวมถึงราคาค่าไฟฟ้าแนวโน้มช่วงถัดไป คาดว่าจะปรับตัวลดลงจากราคาก๊าซ LNG ในตลาดโลกที่ปรับลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาว่าดูแลราคาพลังงงานที่จะมีผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร ซึ่งโดยรวมเศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือนั้น ในส่วนของเศรษฐกิจภายในประเทศมองว่า ไม่มีปัญหา ยังคงมีการขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งการบริโภคและการท่องเที่ยว
นายดนุชา ได้ประเมินถึงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล โดยคาดว่าในส่วนของงบประมาณประจำปี คาดว่า จะสามารถนำออกมาใช้ได้อย่างช้าสุดคือในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ส่วนจะเป็นพรรคไหนที่จะจัดตั้งรัฐบาล สภาพัฒน์ไม่สามารถที่จะเข้าไปช่วยจับขั้วให้ได้ ต้องขึ้นกับฝั่งการเมืองที่ต้องมีการพูดคุยกัน โดยรัฐบาลที่จะเข้ามาจะต้องให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไป ได้อย่างราบรื่นไม่มีปัญหาและให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ เพราะนักลงทุนยังรอความชัดเจนในเรื่องนี้เพื่อตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทย โดยหากมีความชัดเจนได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะช่วยดึงดูดนักลงทุนเข้ามาได้เร็วขึ้น
ส่วนเรื่องของทีมเศรษฐกิจรัฐบาลชุดใหม่จะเป็นเช่นไร ตนไม่สามารถตอบได้ถึงการประสานงานพรรคร่วม โดยตนเองเห็นรายชื่อในแต่ละพรรคตามสื่อที่นำเสนอ และมองว่า แต่ละท่านมีความสามารถในเชิงเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาของพรรคการเมือง
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาไทยเจอวิกฤตโควิด ทำให้ต้องใช้นโยบายการเงินการคลังอย่างเต็มที่เพื่อให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติดังกล่าว และพยุงเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้น ในส่วนของนโยบายการเงินการคลังช่วงถัดไปจะต้องมุ่งรักษาวินัยทางการเงินการคลังของประเทศ อย่างเคร่งครัด เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ต่างชาติใช้ประเมินเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย และความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจไทยในช่วงถัดไป