จากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า สปิริตทางการเมืองที่ผมหวังให้มีที่สุดในตอนนี้ คือการเห็นทุกพรรคการเมืองไทยยึดโยงและทำตามเสียงประชาชนอย่างแท้จริง ที่ในเร็ว ๆ นี้ จะมีการเสนอและโหวตนายกรัฐมนตรี และผมเองก็สนับสนุนให้คุณพิธาจากพรรคก้าวไกล ได้รับตำแหน่งอย่างสง่างามอย่างเต็มภาคภูมิ พรรคก้าวไกลโตขึ้นมาจาก 81 คนในปี 62 มาเป็น 152 ในปี 66 เลขล่าสุด เลขจำนวน ส.ส. ที่พรรคก้าวไกลได้ เป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนว่าอุดมการณ์ แนวทางของพวกเขา ได้รับฉันทามติของประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริง เป็นปรากฏการณ์ที่ผมคิดว่าปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของสังคมไทย
นายเศรษฐา ระบุอีกว่า กลับมาที่พรรคที่ได้ ส.ส. ในสมัยนี้หลายพรรค ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์เคยแสดงจุดยืนว่าไม่สนับสนุนรัฐธรรมนูญ ปี 60 ที่ให้อำนาจ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายก ตอนนี้เป็นเวลาที่พวกท่านต้องทำตามจุดยืนของพวกท่าน โหวตสนับสนุนนายกที่พรรคก้าวไกลเสนอ ซึ่งก็คือคุณพิธา ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตามกติการะบอบประชาธิปไตยอยางแท้จริง ไม่ต้องรอให้ ส.ว. 250 คนต้องออกเสียง และทำให้ท่านได้ทำหน้าที่ของพรรคและนักการเมืองได้อย่างมีความสง่า มีความภาคภูมิ พูดได้เต็มปากว่า Represent ประชาธิปไตยได้อย่างเต็มตัว ทำให้ประเทศได้ผู้นำที่พร้อมจะนำพาประเทศพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว สร้างความสุขและการเปลี่ยนแปลงให้กับประชาชนทุกคน ทุกสิ่งอย่างที่พรรคทำ จะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในอนาคต การเพิกเฉยต่อหน้าที่เหล่านี้มีราคาแพงที่ต้องจ่ายในอนาคตครับ
ขณะที่ วันนี้ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สื่อถึงกรณีความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มอบหมายให้ตนเป็นตัวแทนของพรรคในการประสานงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้านเดิม ตั้งแต่วันนี้เราจะเริ่มประสานงานพูดคุยกัน โดยเริ่มจากพรรคเพื่อไทยซึ่งถือเป็นพรรคหลัก ซึ่งภายในสัปดาห์นี้เราจะประชุมร่วมกันอย่างเป็นทางการได้เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางการเมือง ว่าวาระหลักของรัฐบาลชุดใหม่มีอะไรบ้างที่เราจะประกาศร่วมกันต่อสาธารณะได้ และวันนี้ทางนายพิธา จะโทรประสานงานกับหัวหน้าพรรคทั้งหมด 6 พรรคอยู่แล้ว มั่นใจรวมเสียงได้ 376 เสียง
เมื่อถามถึงกรณีส.ว. อาจไม่โหวตเลือกนายกฯ นายชัยธวัช กล่าวว่า ทางพรรคก้าวไกลมีความพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนกับส.ว. ซึ่งจะมีการพูดคุยหลายกลุ่มหลายคน ตนคิดว่าการพูดคุยกันอย่างน้อยก็เป็นประโยชน์ที่สุด เพราะความกังวล ความไม่สบายใจของส.ว.เมื่อพูดคุยจะคลายความกังวลได้ ส่วนเสียงจะเป็นเอกภาพหรือไม่นั้น เสียงส.ว.ไม่ได้เป็นเอกภาพขนาดนั้นเสียงส.ว.แต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน หลายคนก็มีวุฒิภาวะปรารถนาดีกับบ้านเมือง ไม่อยากเห็นทางตันทางการเมืองเกิดขึ้น หลายท่านก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ความขัดแย้งที่ผ่านมาไม่ได้เป็นผลประโยชน์กับใคร
นายชัยธวัฒน์ ยังกล่าวถึง กรณีผู้สนับสนุนของพรรคก้าวไกลออกมาข่มขู่ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกฯ ว่า ก็เป็นอารมณ์ของสังคมที่สะท้อนว่าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ไม่มีอุปสรรคทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหญ่ คิดว่าทาง ส.ว.จะนำความเห็นของสังคมไปพิจารณาซึ่งมีเวลาอีก 2 เดือน
เมื่อถามว่าเชิญพรรคภูมิใจไทยมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่จำเป็น ส่วนการร่วมยกมือโหวตนายกฯ ต้องเป็นการตัดสินใจของแต่ละพรรค เบื้องต้นทิศทางจะเป็นอย่างไรพรรคก้าวไกลจะฟังพรรคเพื่อไทย เสรีรวมไทย ประชาชาติ ไทยสร้างไทย และพรรคเป็นธรรม
ส่วนที่การเรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ยกมือโหวตนายกฯ นั้น ถ้าเป็นไปอย่างที่สังคมคาดหวังได้ ก็เป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะตอนนี้ภาคส่วนต่างๆในสังคมก็คาดหวังว่าอยากจะเห็นความชัดเจนแน่นอนอยากเห็นความมีเสถียรภาพทางการเมือง ไม่อยากจะเห็นเหตุการณ์ทางการเมือง
เมื่อถามว่ามีความเป็นกังวลหรือไม่ถ้าเราไม่สามารถรวมเสียงโหวตนายกฯในสภาได้ พรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนสูตรไปจับมือภูมิใจไทย คนอื่นขึ้นเป็นนายกฯนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยแถลงชัดเจนแล้วว่าพร้อมสนับสนุนและเคารพหลักการในระบอบประชาธิปไตย