พลโทอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ออกแถลงการณ์ประกาศว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา กองทัพสหพันธรัฐรัสเซียได้ทำการโจมตีอย่างเข้มแข็ง ด้วยขีปนาวุธระยะไกลที่มีความแม่นยำสูง ทั้งทางอากาศและทางทะเล ณ ที่ตั้งของหน่วยทหารของยูเครน รวมถึงสถานที่เก็บกระสุน อาวุธ และอุปกรณ์ทางทหาร ที่ประเทศตะวันตกจัดหาให้ยูเครน ซึ่งเป้าหมายทั้งหมดที่ได้มีการมอบหมาย ได้ถูกโจมตีสำเร็จแล้ว
อย่างไรก็ดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพยูเครน ได้มีการรายงานในภายหลังว่า รัสเซียได้ทำการยิงขีปนาวุธ 18 ลูก แต่ขีปนาวุธทั้งหมดได้ถูกสกัดโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ซึ่งขีปนาวุธที่สกัดได้นั้น มีขีปนาวุธคินซาล 6 ลูก, ขีปนาวุธคาลิบร์ 9 ลูก, และขีปนาวุธอีสแคนเดอร์ อีก 3 ลูก
การกล่าวอ้างของยูเครนได้รับตอบโต้ทันทีจากนายพลเซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย โดยชอยกูได้กล่าวว่า ยูเครนมักจะพูดเกินจริงถึงประสิทธิภาพของการป้องกันต่อต้านทางอากาศ ซึ่งรัสเซียไม่ได้ทำการยิงขีปนาวุธคินซาลเข้าไปมากเท่าที่ยูเครนกล่าวหา ขณะที่นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกแห่งทำเนียบเครมลินของรัสเซีย ก็กล่าวว่า ไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่ง ที่ยูเครนจะยิงขีปนาวุธคินซาล ที่มีความเร็วเหนือเสียงของรัสเซียตกได้ เพราะขีปนาวุธคินซาลนั้น มีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร
ทั้งนี้ หลังจากที่รัสเซียไม่มีการโจมตียูเครนมานานหลายสัปดาห์ แต่นับตั้งแต่เริ่มต้นเดือนพฤษภาคมจนถึงตอนนี้ รัสเซียได้ทำการโจมตีทางอากาศ โดยมุ่งเป้าไปที่เมืองหลวงยูเครนไปแล้ว 8 ครั้ง และในการโจมตีครั้งล่าสุดนี้ หัวหน้าคณะบริหารด้านทหารของยูเครนก็ระบุว่า มีการยิงขีปนาวุธที่หนาแน่นเป็นพิเศษ เป็นการโจมตีด้วยขีปนาวุธที่มากที่สุด แต่เป็นช่วงเวลาที่สั้นที่สุด