รองปธ.สภาหอการค้าฯ ชี้กระทบหนักถึงขั้นปิดกิจการ “ก้าวไกล” ดันค่าแรงพุ่ง 450 บาท

“ดร.พจน์” เตือนนโยบายขึ้นค่าแรง 450 บาทต่อวัน กระทบภาคการลงทุนอย่างรุนแรง หวั่นทำนักลงทุนต่างชาติย้ายฐานลงทุนไปประเทศอื่น เพิ่มต้นทุนผู้ประกอบการ มองแรงงานต่างด้าวได้ประโยชน์มากกว่าแรงงานไทย ชี้ควรเพิ่มทักษะฝีมือเพื่อได้รับค่าแรงสูงขึ้น แนะภาคการเมือง ต้องหารือทุกฝ่ายเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ “อย่ามาตัดขาตัวเอง” ด้วยนโยบายการเมือง

เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยกับทีมข่าว TOP NEWS ถึงนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน โดยมีผลทันที และจะมีการปรับขึ้นทุกปีตามค่าครองชีพและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ของแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างพรรคก้าวไกล ว่า ต้องขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา เป็นว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

 

 

 

 

โดยหอการค้าในเรื่องของค่าแรงของแรงงานนั้น ได้มีจุดยืนที่ชัดเจนมาตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมา รวมถึงรัฐบาลคสช.ว่า ในการปรับค่าแรงทั้งหมดจำเป็นที่จะต้องสอดคล้องกับข้อกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานของไทย และ สอดคล้องกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO ซึ่งใน ทางกฎหมายมีความชัดเจน คือ ความจำเป็นของการปรับค่าแรงในแต่ละพื้นที่ที่จะต้องไม่เท่ากัน เพราะสภาพ สังคมเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน รวมถึงความสามารถในการทำรายได้ของแต่ละจังหวัด รวมถึงได้มีหน่วยงานไตรภาคีภาคแรงงานของจังหวัด ซึ่งประกอบด้วย นายจ้าง – ลูกจ้างและหน่วยงานราชการ ที่จะมีการประชุมร่วมกันก่อนจะมีการปรับค่าแรงในแต่ละครั้ง ว่า ในแต่ละจังหวัดได้ประสบปัญหาใดบ้าง เศรษฐกิจหลักของแต่ละจังหวัดคืออะไร ซึ่งไม่เหมือนกันทุกจังหวัด

 

 

 

โดยจะมองถึงความจำเป็นในแต่ละจังหวัดก่อนจะพิจารณาออกมาว่า จะมีการปรับค่าแรงหรือไม่ และปรับในอัตราเท่าใด หรือไม่ปรับ ก่อนจะแจ้งกลับมาที่ส่วนกลางเพื่อพิจารณาให้รอบด้านอีกครั้ง เพื่อให้แรงงานอยู่ได้ โดยการนำตัวเลข 10 ดัชนี เช่น เงินเฟ้อ ค่าครองชีพ ดอกเบี้ย พลังงาน ค่าไฟ น้ำมัน เป็นต้น เพื่อนำมาเปรียบเทียบให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจของไทย

 

 

 

“เงินเฟ้อ เป็นตัวสำคัญมากที่มีการชี้ให้เห็นว่า ควรปรับประมาณเท่าไหร่ หอการค้าฯ เรายืนยันในจุดนี้ ว่า เราสนับสนุนสิ่งที่เป็นไปตามกฎหมาย , ตามพ.ร.บ. และตาม ILO โลก (องค์การแรงงานระหว่างประเทศ) โดยหอการค้าฯ ได้มีการกล่าวไปหลายครั้งตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ว่านโยบายเรื่องค่าแรง นำมาใช้เป็นการหาเสียงค่อนข้างอันตรายมาก เนื่องจากเป็นสิ่งที่เปราะบางมากกับโครงสร้างเศรษฐกิจ การขึ้นค่าแรงโดยที่ไม่มีตัวที่อ้างอิงได้ตามกฎหมาย หรือวิธีขึ้น จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อนักลงทุนที่ลงไปแล้ว และนักลงทุนทั้งไทยและเทศที่กำลังจะมาอยู่ หรือกำลังจะลงทุนอยู่ เพราะถ้าไม่มีมาตรฐานในการขึ้นค่าแรงที่จับต้องได้ กลายเป็นว่า นักลงทุนมาก็ไม่รู้ว่า เดี๋ยวคนต่อไปจะปรับเท่าไหร่ มันไม่มีหลักการของมัน เพราะฉะนั้น จะส่งผลกระทบกระเทือนต่อการลงทุนมาก สำหรับการลงทุนใหม่ ขณะที่ นักลงทุนรายเดิมที่ลงทุนอยู่ในประเทศไทย จะเป็นการเพิ่มภาระในเรื่องของค่าใช้จ่ายให้เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงให้แก่ผู้ประกอบการ ทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ”

ข่าวที่น่าสนใจ

 

ดร.พจน์ ระบุว่า ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมนั้น เมื่อได้รับผลกระทบ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปใช้ AI หรือ โรบอท แทนการจ้างงานคนได้ แต่ในส่วนของผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะภาคบริการ ภาคการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจเอสเอ็มอี ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปรับขึ้นค่าแรง ไม่มีทางที่จะหลบหลีกได้เลย

 

โดยสมมุติว่า ค่าแรงได้ปรับขึ้นมาเป็น 450 บาทต่อวัน จากปัจจุบันประมาณ 350 บาทต่อวัน ส่งผลให้มีส่วนต่างค่าแรงสูงขึ้น 100 บาทต่อวัน คิดเป็นเกือบ 30% ของค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการปรับเพิ่มที่สูงมาก จนอาจทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ตั้งรับไม่ทัน และอาจจะต้องปิดกิจการลงในที่สุด จึงขอให้พรรคที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลได้คำนึงถึง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยอย่างรุนแรง ที่มีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวและบริการที่จะต้องใช้แรงงานคนเป็นหลัก

ดร.พจน์ ระบุอีกว่า ในส่วนของแรงงานไทยในปัจจุบันที่ใช้แรงงานแบบเข้มข้นมีจำนวนที่น้อยมาก อีกทั้งประชาชนวัยทำงานก็ค่อนข้างที่จะลดน้อยลง จึงทำให้ไทยต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าวเป็นหลัก อีกทั้งในส่วนของแรงงานไทยบางส่วนได้มีการยกระดับโดยการผ่านการพัฒนาฝีมือแรงงาน ดังนั้น ในส่วนของรัฐบาลใหม่จึงจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบในการเพิ่มทักษะฝีมือแรงงานไทยให้มีความชำนาญในระดับที่สูงขึ้น เพื่อให้ได้รับค่าแรงที่สูงขึ้น

ขณะเดียวกัน การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่จะเกิดขึ้นของรัฐบาลใหม่ นายพจน์ มองว่า ในส่วนของแรงงานไทยนั้น ตนไม่มั่นใจว่าจะได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมากน้อยเพียงใด เพราะสุดท้าย เชื่อว่า แรงงานต่างด้าวในประเทศไทยจะได้รับประโยชน์มากกว่าแรงงานไทย อีกทั้งมองว่า การที่ว่าที่รัฐบาลใหม่ บอกว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อนั้น สุดท้ายผู้ประกอบการจะไม่จ่ายเพียง 450 บาทต่อวัน เท่านั้น เพราะยังมีในเรื่องของค่าทำงานล่วงเวลา หรือ โอที อย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อวัน และเมื่อนำฐานเงินเดือน 450 บาทต่อวันมาคำนวนค่าล่วงเวลา จะทำให้สุดท้ายแล้วแรงงานจะได้รับเงินกว่า 600 บาทต่อวัน ในเวลา 8 ชั่วโมง ซึ่งในการขึ้นค่าแรงนั้นจะต้องคำนวนให้ดี เพราะมิเช่นนั้น จะสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นอย่างมาก

อีกทั้งในการปรับขึ้นค่าแรงนั้นหากผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนไม่ไหว และลดการใช้แรงงานลง ทำให้ ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าจะมีการลดการใช้แรงงานลงเป็นจำนวนมากทั้งในส่วนของแรงงานไทยและแรงงานต่างชาติ จนอาจทำให้แรงงานไทยขาดงานทำได้

 

 

นอกจากนี้สิ่งที่จะต้องคำนึงถึงอีกเรื่องคือการลงทุน เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ ปัจจุบัน มองว่าอัตราค่าแรงของไทยมีความเหมาะสม และการขึ้นค่าแรงก็เป็นไปตามระเบียบถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด รวมถึงการดูแลที่ดีของภาครัฐจากกองทุนประกันสังคมที่ดูแลในเรื่องแรงงานอย่างดี

 

 

ดังนั้นหากรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาได้ มีนโยบายในการปรับค่าแรง ซึ่งตนเองไม่อยากใช้คำว่า ตามอำเภอใจ แต่ เป็นการปรับที่รัฐบาลใหม่คิดว่ามีความเหมาะสม โดยไม่ได้มีการสอบถามความคิดเห็นจากนักลงทุนหรือผู้ประกอบการ จากนายจ้าง ลูกจ้างว่าคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นไร เพราะ การขึ้นค่าแรงหากผู้ประกอบการไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ก็จะเลิกกิจการ และจะไม่มีการลงทุนเพิ่ม ซึ่งตนมองว่าการขึ้นค่าแรงดังกล่าวจะกระทบกับภาคการลงทุนอย่างรุนแรงของประเทศไทย

 

 

ทั้งนี้ดร.พจน์ มองว่า ในการปรับขึ้นค่าแรงอาจจะส่งผลกระทบต่อความน่าสนใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติให้ย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศอื่นแทนประเทศไทย เพราะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศไทย แม้ว่า นักลงทุนต่างชาติจะสนใจประเทศไทยก็ตามแต่ก็ให้ความสำคัญในเรื่องของนโยบายค่าแรงและความสามารถในการแข่งขันเรื่องค่าแรง ซึ่งมองว่าสิ่งที่ดำเนินการมาในเรื่องของการปรับขึ้นค่าแรงนั้นเป็นการดำเนินการที่ผิด ลูกจ้างทุกคนควรที่จะไปฝึกฝนพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อเพิ่มทักษะการทำงาน ซึ่งนายจ้างพร้อมที่จ้างแรงงานที่มีศักยภาพ แต่การออกนโยบายกวาดการขึ้นค่าแรงทั่วประเทศ ตนเชื่อว่า จะทำให้นักลงทุนหนีออกจากประเทศไทยแทน

 

 

ดร.พจน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ปัจจุบันไม่ได้มีแต่ภาคการผลิต แต่มีภาคบริการรวมอยู่ด้วย ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้แรงงานคน และวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงาน แบะค่าแรงที่ปรับขึ้นเมื่อเดือน ต.ค.65 รวมถึงดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นมา ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอี ดังนั้น วันนี้ การจะปรับขึ้นค่าแรงจะเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการรายย่อย และหากมีการปรับขึ้นจริงเชื่อว่า ธุรกิจจะเกิดการชะลอ และหยุดชะงัก เพื่อตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร

 

ทั้งนี้ในฐานะสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เชื่อว่า ในส่วนของภาครัฐ ข้าราชการประจำ โดยเฉพาะกระทรวงแรงงานมีความเข้าใจความจริงหมด เพราะได้ทำงานร่วมกันมานาน จึงอยากเสนอแนะถึงฝ่ายการเมืองที่จะมากำกับดูแล ว่า เรื่องแรงงานไม่ใช่เรื่องจะนำมาหาเสียงเล่นๆ ตามใจชอบ โดยค่าแรง 450 บาทต่อวัน ตนเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะต้องเข้ามาเห็น และพิจารณาอย่างรอบคอบ ก่อนตัดสินใจ

 

“อยากฝากถึงฝ่ายการเมืองที่จะมาเป็นรัฐบาล ที่มากำกับดูแลข้าราชการในการทำงาน เรื่องแรงงาน ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาหาเสียงกันเล่นๆ ตามใจชอบ เรื่องค่าแรงจะต้องศึกษาดูดีๆ จริงๆ เข้ามาทำงานก่อน เอากฎหมายมาดูกันก่อน เชิญลูกจ้าง นายจ้างทั้งหมดมาคุยกัน มีสภาลูกจ้าง มีสภานายจ้าง มีกกร. หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ซึ่งทุกคนมีข้อมูลดัชนีหมด”

 

 

ดร.พจน์ ระบุว่า วันนี้ เรื่องค่าแรงไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางการเมือง นอกจากคะแนนเสียง แต่ค่าแรงเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการและลูกจ้างแรงงาน รวมถึงเศรษฐกิจ ที่จะเพิ่มต้นทุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกอย่าง จึงฝากไปยังภาคการเมืองว่าก่อนจะตัดสินใจทำอะไรให้มาหารือร่วมกัน เพราะฝ่ายการเมืองไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้จ่ายค่าแรง ไม่ได้รับค่าแรง ไม่ได้เสียหาย ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องช่วยเหลือกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และ “อย่ามาตัดขาตัวเอง” ด้วยนโยบายการเมือง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ชาวบ้านบุกรุกพื้นที่อุทยานขุดพรุน 14 ไร่ หาแร่ทองคำล้ำค่า เจ้าหน้าที่บุกจับแจ้ง 6 ข้อหาอ่วม
“ณัฐวุฒิ” ไม่เชื่อมีม็อบใหญ่ไล่รัฐบาล หยันหากมีก็แค่ ‘กองเชียร์ส้ม’ ในคราบอนุรักษ์นิยม
“ทนายสายหยุด” หน้าชา! “ทนายเดชา” ซัดคบไม่ได้-ขายลูกความ ไม่เชื่อ “ทนายตั้ม” ค้านประกันเมีย
รองพ่อเมืองกรุงเก่า ร่วมงานวิ่ง 'CPF & KASETPHAND RUN FOR CHARITY 2024' มอบรายได้แก่ 4 โรงพยาบาล ใน จ.พระนครศรีอยุธยา
ซีพีเอฟ คว้า 2 รางวัล Excellence Awards 2024 เป็นเลิศด้านการตลาด-ด้านสินค้าและบริการ
ดีเอสไอ คุมตัว ‘สามารถ-แม่’ ยื่นฝากขังอศาลอาญา ด้านแม่ ตะโกนร้องขอความเป็นธรรม ลั่นถูกกลั่นแกล้ง
สุดชื่นมื่น จัดงานวิวาห์ LGBTQ สวมใส่ชุดผ้าพื้นเมืองที่ตัดเย็บกันเองจากความรัก
ฟ้าเปิด น้องรดาข้าวไข่เจียว 15 บาท ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกท่านที่สนับสนุน ทั้งมอบทุนการศึกษาและเหมาข้าวไข่เจียวสัญญาจะตั้งใจเรียนหนังสือไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังที่ช่วย
"ออกแบบ ชุติมณฑน์" คว้ารางวัลนำหญิงยอดเยี่ยม International Emmy Awards
กองเรือยุทธการ ต้อนรับ ทัพเรือรัสเซีย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น