หลังพูดคุยกันนอกรอบวานนี้ (17 พ.ค.2566 ) ตอนเย็นที่ร้านอาหาร Chez Miline ถนนสุโขทัย ในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลนอกรอบกันเป็นที่เรียบร้อย ล่าสุดเช้านี้ (18พ.ค.2566) เวลา 10.30 น. ณ โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำ 8 พรรค ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย วสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลังปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม, และ เชาวฤทธิ์ ขจรพงศกีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ แถลงข่าวประกาศตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน ภายใต้เสียงส.ส. 313 คน ” พวกเราขอขอบคุณทุกเสียงที่ประชาชนมอบให้ เสียงของประชาชนทุกเสียงคือเสียงแห่งความหวังเสียงแห่งการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลชุดใหม่จะทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ ต่ออำนาจของประชาชน และเราจะเป็นรัฐบาลของคนไทยทุกคน ทุกพรรคประกาศจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชนร่วมกัน
พิธาจับ 8 พรรคตั้งโต๊ะแถลงได้แนวร่วมจากพรรคเล็กใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 พรรค จาก 310 คนเป็น 313 คน ประกาศ 3 แนวทางตั้งรัฐบาลภายใต้การบริหารของฝ่ายส้มล้มเจ้า 1.ทุกพรรคเห็นชอบที่จะสนับสนุนให้ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตามผลการเลือกตั้งของประชาชน 2. ทุกพรรคจะร่วมการจัดทำข้อตกลงร่วมหรือที่เรียกว่า MOU ในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแสดงถึงแนวร่วมในการทำงานร่วมกัน และวาระร่วมของทุกพรรคจะแถลงให้สาธารณชนทราบในวันที่ 22 พ.ค.เพื่อแก้ไขวิกฤตทางการเมืองเศรษฐกิจ และสังคม 3. ทุกพรรคจะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเพื่อเตรียมความพร้อมให้สามารถบริหารราชการแผ่นดินต่อจากรัฐบาลเดิมได้อย่างไร้รอยต่อ ด้วยความเคารพในเสียงข้างมากของประชาชน โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงาน 2 คณะ คณะแรกดูเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล คณะสองดูเรื่องการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล
” เรามั่นใจว่าเสียง 313 เป็นความปกติเพียงพอ มั่นใจตั้งรัฐบาลได้แน่นอน……ทั้ง 2 คณะประกอบด้วยคณะเจรจา คณะเปลี่ยนผ่านมีวางแผนไว้หลายรูปแบบ ว่าในอนาคตจะมีฉากทัศน์แบบไหนเกิดขึ้นบ้าง แล้วฉากทัศน์แบบนี้เราจะมีการบริหารจัดการอย่างไร เพราะฉะนั้นเราสามารถลดความเสี่ยงต่างๆที่จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล ตรงนี้ไม่ได้เป็นกังวลอะไร ปล่อยให้คณะทำงาน หัวหน้าพรรคทุกคนช่วยกันจัดตั้งบริหารจำนวนเสียงที่เหมาะสม สานต่อนโยบายตามที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน ซึ่งขนาดนี้ไม่กังวลเพราะมีโรดแมปที่ชัดเจน มีเป้าหมายที่ชัดเจน ” พิธาตอบคำถามสื่อ หลังถูกถามกังวลหรือไม่ว่าเสียงอาจไปไม่ถึง 376 เสียงไม่ได้การสนับสนุนจากส.ส.หรือส.ว.มากกว่ากึ่งหนึ่งของสองสภา ที่งานนี้ดูเหมือนเจ้าตัวไม่ห่วงและมั่นใจว่าจะไปถึงเป้าหมายได้โหวตเป็นนายกฯแน่นอน
ทั้งนี้ในส่วนของประเด็นแก้ไขกฎหมายอาญา ม.112 ที่เป็นธงหลักของส้มล้มเจ้าในการหาเสียงและชูเป็นหัวใจมาตลอด พิธาตอบคำถามเรื่องนี้แบบไม่เต็มปากเต็มคำใช้วิธีเลี่ยงบาลีที่จะตอบไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้ที่อาจจะกลายเป็นความขัดแย้งของพรรคร่วม รวมถึงอาจเป็น “ต้นเหตุ” ให้พรรคเพื่อไทยที่ถูกมองว่ากำลังรอจังหวะกำลังเดินเกมลุ้นจังหวะสองหากก้าวไกลพลาดตั้งรัฐบาลไม่ได้พิธาไม่ได้เสียงโหวตเป็นนายกฯ ฝ่ายแดงทุนนิยมสามานย์ก็พร้อมเสียบเพื่อชาติแบบนิ่มๆ โดยอ้างจุดยืนเรื่อง “ปกป้องสถาบัน” ที่เป็นจุดอ่อนของส้มในการหาพันธมิตรตั้งรัฐบาล แต่อาจกลายเป็น “จุดแข็ง” ของฝ่ายแดงในการถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลจากก๊วนส้มล้มเจ้าก็เป็นได้ พิธาตอบคำถามเรื่องนี้ว่า ” สำหรับจุดยืนเกี่ยวกับ ม.112 เรื่องนี้ตอนก่อนเลือกตั้ง ก็มีการดีเบต มีการพูดถึงเรื่องนี้กันเยอะแล้ว แต่ละพรรคก็มีความชัดเจนในเรื่องจุดยืน ม.112 อยู่แล้ว พื้นที่นี้คงไม่ได้เป็นพื้นที่ๆ จะเหมาะอะไรกับการ Clarify เรื่องเหล่านั้น เพราะเชื่อว่าทุกพรรคคงได้แสดงจุดยืนไปแล้ว ส่วนที่พรรคภูมิใจไทยแถลงจุดยืน ไม่สนับสนุนแก้ไขมาตรา 112 มองว่าก็เป็นเรื่องของพรรคภูมิใจไทย” พิธาเลี่ยงบาลีที่จะพูดถึงเรื่องนี้แบบชัดๆ เพราะรู้ดีว่าไม่ใช่เวทีที่จะมาเปิดแลกในตอนที่อำนาจยังไม่อยู่ในมือตัวเอง แถมยังไม่ชัวร์ว่าจะได้เป็น “นายกฯ” เป็น “รัฐบาล” หรือไม่เพราะยังมีขวากหนามอีกมาก
ขณะที่ฝ่ายแดงหมอชลน่านตอบประเด็น 112 ในลักษณะแทงกั๊กแต่ก็พูดชัดว่าในร่าง MOU หลายอย่างที่เพื่อไทยไม่เห็นด้วย ” จุดยืนนโยบาย มาตรา 112 ว่า ก่อนอื่นเรามี 141 เสียง เรายืนยันว่าพรรคเพื่อไทย ยืนยันสนับสนุนหัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ คนที่ 30 และร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพื่อเป็นรัฐบาลแห่งความหวัง ความฝันของประชาชนให้ได้ ยืนยันเป็นครั้งที่ 500 600 กระแสปั่นตรงนี้เยอะเหลือเกิน ส่วนแนวทางที่เราประกาศเข้าร่วมรัฐบาล นำมาประกอบการพิจารณาทั้งหมด เราไม่ได้เป็นผู้เสนอเงื่อนไข เรายกหน้าที่เป็นของพรรคแกนนำผู้เสนอ ผ่านการจัดทำร่าง MOU มาให้ทุกพรรคช่วยกันดู ขั้นตอนนี้แต่ละพรรคดูว่าอะไรที่เราเห็นว่ารับได้ อะไรที่เห็นว่าสมควรปรับแก้ อะไรที่ไปไม่ได้ด้วยกันเลย ก็ต้องพิจารณาตรงนั้น แต่ในร่างนั้น ไม่ได้ผูกมัดอะไรมากมายนัก พรรคเพื่อไทยก็เสนอไปตรงนี้ ” หมอชลน่านกล่าว ฝ่ายเจ๊หน่อยออกตัวชัดเจนว่าเคารพ ปกป้องสถาบันในหลักการ แต่ในรายละเอียดที่อาจมีการนำกฎหมายนี้ไปกลั่นแกล้งหรือบังคับใช้แบบไม่เป็นธรรมก็ต้องมาคุยกัน ” พรรคไทยสร้างไทย ชัดเจน 112 ในทุกเวที ว่า หน้าที่พรรคการเมือง ต้องรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ไว้ ดังนั้น การที่ไปทำอะไรที่เกิดกระทบ แล้วทำให้สถาบันเสื่อมเสีย หน้าที่ของทุกพรรคการเมืองต้องปกป้อง ส่วนการที่ผู้มีอำนาจมาใช้ประเด็น 112 กลั่นแกล้งหรือทำร้ายบุคคล ต้องมีการพิจารณาและมาดู แต่ประเด็นที่ทำให้มาตรา 112 ปกป้องสถาบันได้อย่างดี ไม่เป็นเครื่องมือให้กับใครที่มีอำนาจไปทำร้ายคนอื่น เป็นหลักการ ” เจ๊หน่อยยัน
เรื่องการแก้ไข ม.112 จะมีใน MOU หรือไม่ยังไม่ชัด แต่ล่าสุดหมอชลน่านออกมาบอกสื่อแล้วว่าในร่างMOU ที่เห็นไม่มีเรื่อง ม.112 ดูจากทรงนี้คงก้าวไกลยากที่จะเขียนเรื่องนี้ไว้ใน MOU ตั้งรัฐบาล เพราะจะกลายเป็น “ชนวน” เรียกแขกเรียกจีนเรียกฝรั่งกลุ่มตรงข้ามตั้งแต่ต้น ขืนลองใส่เรื่องนี้ใน MOU สิ รับรองได้เลยส.ว.ส่วนใหญ่ไม่มีทางโหวตให้พิธาแน่นอน เพราะฉะนั้นเรื่อง ม.112 เชื่อว่าก้าวไกลคงไม่คิดฆ่าตัวเองใส่ไว้ใน MOU ตั้งรัฐบาลแน่ แม้อาจจะทำให้ต้อง “เสียหมา” ขัดใจมวลชน ไม่สบอารมรณ์พวกฮาร์ดคอที่เชียร์พรรค ที่รู้กันอยู่ว่าเรื่องแก้ ม.112 เป็นธงหลักที่ก้าวไกลเอามาหาเสียงกับมวลชนตัวเองตลอด แต่ตอนนี้เมื่อดูทางลมบวกกับยังอยู่ในภาวะลูกผีลูกคนที่จะเข้าสู่อำนาจ ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องเก็บไว้ก่อนพยายาม “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการเรียกแขกแบบโง่ๆ ตั้งแต่ต้นทางตั้งรัฐบาลเลย หนำซ้ำยังอาจกลายเป็นการ “เข้าทาง” พรรคแดงคอกโทนี่ ที่รอหาเหตุอ้างถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลหรือทำงานด้วยกันไม่ได้อยู่แล้ว ก้าวไกลอาจจะได้เสียงเลือกตั้งรอบนี้มามาก แต่เพื่อไทยนั้นเป็นประเภทเขี้ยวรากดิน พระใหม่เพิ่งบวชกับเจ้าอาวาสหลายพรรษา ไหนเลยส้มล้มเจ้าจะตามทันเล่ห์เหลี่ยมกลอุบสายของฝ่ายแดง ตอนนี้เพื่อไทยก็เล่นเกมเออออห่อหมกให้พิธาเชลียร์ก้าวไกลให้เป็นรัฐบาลไปแบบนั้นแหละ ดราม่าบูชาประชาธิปไตย ถึงเวลาจริงๆพิธาพลาด “อุ๊งอิ๊ง-เสี่ยนิด” ก็พร้อมเสียบแทงข้างหลังทันที การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร โทนี่ไม่ได้เป็นรัฐบาลตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปเป็นรัฐบาลตอนไหน ตอนนี้หน้าฉากก็ตามน้ำไปก่อน หลังฉากก็เดินเกมส์แน่นๆ ต่อสายพรรครัฐบาลปัจจุบันเอาไว้ตอนสลับขั้ว เชื่อมสะพานกับลุงป้อมผูกสัมพันธ์กับส.ว.ไว้หนักๆ จังหวะเปิดโอกาสเข้าทางพิธาเจ๊งตอนไหน ก็พร้อมทะยานเข้าเส้นชัยคว้าเก้าอี้สร.1 ได้ทันที 99.99 % พิธามีโอกาสสูงลิ่วที่จะได้เป็นนายกฯคนที่ 30 ก้าวไกลมีความหวังมากที่จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่เผื่อใจไว้บ้างสัก 0.01 % ก็จะดี เพราะโอกาสพลิกล็อกตกม้าตายหล่นมาเป็นฝ่ายค้านก็ยังมี ตราบใดก็ตามที่ยังหาเสียงไม่ถึง 376 คน โหวตนายกฯไม่ได้ระวังจะหนาว ถึงตอนนั้นจากนายกฯอาจกลายเป็นผู้นำฝ่ายค้านก็เป็นได้ใครจะไปรู้
///////////////