“ธนวรรธน์” ห่วงโควิดทำบริโภคลด 20 % ประเมินเสียหายเดือนละแสนล้าน

ธนวรรธน์ห่วงโควิดทำบริโภคลด 20 % ประเมินเสียหายเดือนละแสนล้าน แนะรัฐใช้งบ 2.5 แสนล้านกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะยาวถ้าไม่ฟื้นเสนอกู้งบ 5 แสนล้านพยุงเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง

ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้สัมภาษณ์ “ท็อปนิวส์” ถึงการประเมินความเสียหายจากการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ที่ต้นตอมาจากสถานบันเทิง โดยระบุว่า เบื้องต้นมีการประเมินความเสียหายว่าการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดทำให้ประชาชนหยุดการบริโภคราว 5-10 % ซึ่งโดยปกติคนไทยจะมีการใช้สอยปกติอยู่ที่วันละ 10,000 – 20,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นเมื่อหยุดการบริโภคลงไป 5-10 % เงินก็จะไปหายไปวันละ 1,000 -2,000 ล้านบาทต่อวัน เฉลี่ยก็ประมาณเดือนละ 30,000 -50,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มันรวมเรื่องการท่องเที่ยวปกติและการไปเที่ยวสถานบันเทิงกลางคืนด้วย ทั้งนี้เราคาดว่าสถานการณ์โควิดจะอยู่ราว 2 เดือนตรงนี้ก็จะทำให้เงินหายจากระบบไปราว 1 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลังรัฐบาลมีมาตรการต่างๆออกไป โดยปกติจะใช้เวลาราวหนึ่งเดือนครึ่งถึงสองเดือนสถานการณ์ต่างๆก็จะค่อยๆดีขึ้นตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง อันนี้เทียบเคียงจากการระบาดเมื่อ21 มี.ค. ถึง 12 เม.ย. 2563 หรือการระบาดที่มหาชัยสมุทรสาครเมื่อต้นปีที่ผ่านมาพอเดือนก.พ.ทุกอย่างก็ดีขึ้น เพราะฉะนั้นภายใต้สมมุติฐานเดียวกันการระบาดรอบนี้ราวกลางเดือนพ.ค.ทุกอย่างก็น่าจะคลี่คลายเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง

อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้า กล่าวต่อว่า สิ่งที่เป็นห่วงในตอนนี้คือหากรัฐบาลคุมสถานการณ์ไม่อยู่แล้วปล่อยให้การระบาดเพิ่มมากขึ้นเกินพันคนเหมือนอย่างวันนี้และคนติดมากขึ้นเรื่อยๆ หรือหากปล่อยให้การระบาดนาน 3-4 เดือนตรงนี้ก็อาจทำให้การประชาชนหยุดการจับจ่ายใช้สอยการบริโภคอาจลดลงถึง 20 % ตรงนี้จะทำให้เกิดความเสียหายเฉลี่ยเดือนละ 1แสนล้านบาท ถ้าปล่อยให้ระบาดนาน 4 เดือนความเสียหายก็จะอยู่ที่ 4 แสนล้านบาท อันนี้เป็นการมองในแง่สถิติแต่ของจริงต้องดูการติดเชื้อเป็นรายวันและองค์ประกอบอื่นๆด้วย

ผศ.ดร.ธนวรรธน์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ข้อเสนอถึงรัฐบาลหลังจากการแพร่ระบาดชะลอตัวลงหรือรัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้แล้ว สิ่งที่ต้องเร่งทำทันที คือ 1.รัฐบาลต้องควบคุมสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิดให้อยู่อย่าปล่อยให้ระบาดนานเกินไป 2. การเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนทุกภาคส่วนโดยเร็วในอัตราที่ต้องเร่ง 3.การอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การต่อมาตรการเดิมที่เคยทำไว้ เช่น คนละครึ่ง ไทยด้วยกัน โดยเน้นการท่องเที่ยวระหว่างสัปดาห์ จันทร์ถึงศุกร์ให้มากขึ้นกระตุ้นการจ้างงาน จัดสัมมนาในพื้นที่ ทั้งนี้มองว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ต้องใช้แรงกระตุ้นจากมาตราการที่มาจากงบ 2.5 แสนล้านบาทในส่วนของการพื้นฟูเศรษฐกิจและเยียวยาสังคม รวมทั้งผลักดันให้มีการท่องเที่ยวภายในประเทศ 4.เร่งใช้งบประมาณของอปท.ทำเรื่องโครงสร้างพื้นฐานให้มากขึ้นเพื่อเกิดการจ้างงานในพื้นที่ ภาครัฐเร่งการลงทุน 5. การเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวจากต่างประเทศในพื้นที่ Sand Box หรือในพื้นที่เดิมที่วางไว้ อาทิ ภูเก็ต สมุย ฯลฯ รวมทั้งเร่งฉีควัคซีนเกิน 50 % ให้กับคนที่อยู่ในพื้นที่เหล่านี้ เพื่อให้พื้นที่ปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเที่ยวในพื้นที่เหล่านี้ได้ง่ายๆ และ 6. หากจำเป็นถ้าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นหรือฟื้นไม่มากรัฐบาลอาจต้องพิจารณากู้เงินเพิ่ม ถ้าดูจากตัวเลขที่หายไปเดือนละแสนล้านบาทหากประชาชนลดการบริโภคไป 20 % รวมถึงหากอนาคตไม่สามารถเปิดการท่องเที่ยวที่สามารถทำรายได้เข้าประเทศได้เดือนละ 1-2 แสนล้านบาท เพราะฉะนั้นหากเราไม่สามารถเปิดการท่องเที่ยวได้และไม่สามารถทำให้คนไทยกลับมาจับจ่ายใช้สอยได้ คิดว่าวงเงิน 5 แสนล้านบาทอาจจะต้องมีการกู้เพื่อเอามาใช้ในครึ่งปีหลังเพื่อพยุงเศรษฐกิจ

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น