วันที่ 18 ส.ค. 64 นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าหน้า เรียกร้องให้รัฐสภาสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้กระสุนจริงยิงประชาชนว่า เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ออกมายืนยันชัดเจนว่าไม่ได้มีการใช้กระสุนจริง และปฎิบัติตามหลักสากล ตนอยากถามนายธนาธรและนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลว่า ม็อบชุมนุมสันติจริงหรือ ซึ่งคำตอบคือไม่จริง ประชาชนทั่วประเทศก็รู้แจ้งเห็นจริงเหมือนกัน มีการใช้อาวุธ มีด ปืน หัวน็อตทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เผาทำลายข้าวของราชการ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องใช้กระสุนยาง หรือเมื่อมีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ นายธนาธร นายรังสิมันต์ และส.ส.พรรคก้าวไกล ก็รีบออกมาเกาะกระแสกล่าวหาว่าตำรวจฆ่าประชาชน การกระทำแบบนี้จงใจทำลายเกียรติของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศชาติ ทำลายบ้านเมือง และสร้างความแตกแยกในประเทศหรือไม่
นายธนกร กล่าวอีกว่า ตนสงสารเยาวชนที่บริสุทธิ์ ซึ่งตกเป็นเครื่องมือแสวงหาอำนาจของคนบางกลุ่ม สุดท้ายเมื่อถูกดำเนินคดีก็ต้องติดคุกโดยไม่มีใครมาสนใจใยดีนอกจากครอบครัวตัวเอง ที่ผ่านมาก็เห็นตัวอย่างมาแล้ว แกนนำหลายคนถูกกล่าวหาว่าอยู่ในประเภทสู้แล้วรวย การที่นายธนาธรจะให้รัฐสภาตรวจสอบการทำงานของตำรวจนั้นสามารถทำได้ แต่อยากถามจริงๆ ว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้สูญเสียคงจะสะใจนายธนาธรใช่หรือไม่ นายธนาธรเคยคิดหรือไม่ว่าตำรวจก็คือคนไทย มีลูก มีครอบครัวเช่นเดียวกับม็อบ ถ้าม็อบไม่ออกมาชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองแล้วตำรวจจะออกมาหรือ ตนอยากจะบอกว่า รัฐบาลต้องการให้บ้านเมืองสงบ เพื่อเอาเวลาและสรรพกำลังทั้งหมดไปแก้ปัญหาโควิด-19 การชุมนุมประท้วงจะทำให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานหนักขึ้น แกนนำม็อบหลายคนก็ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว และไม่รู้ว่าจะมีการแพร่ระบาดในม็อบบ้างแล้วหรือไม่ สงสารประเทศไทยจริงๆ แทนที่จะมาช่วยกันในภาวะวิกฤติ แต่กลับมาขัดแย้งกันเองเพียงเพื่อหวังผลทางการเมืองของคนบางกลุ่ม