เจาะรากแนวคิดร้าย 2475 จากอนาคตใหม่สู่ก้าวไกล

เจาะลึกรากแนวคิด 2475 จากอนาคตใหม่สู่ก้าวไกล เป้าหมายใหญ่เปลี่ยนแปลงหรือไม่ พร้อมเปิดคำพูด “ธนาธร-ปิยบุตร-พิธา” สืบทอดเจตนารมย์ 90 ปีกลุ่มคณะราษฏรต้องทำให้สำเร็จ เผยทุกถ้อยคำส่อเจตนาต่อสถาบันหรือไม่

ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองสำหรับการแถลงข่าวรวม 8 พรรคการเมือง 313 เสียงของนำโดย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยการแถลงในวันนั้นมีการพูดถึงการประกาศจับขั้วรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคก้าวไกล รวมถึงการทำเอ็มโอยูเพื่อลงสัตยาบรรณร่วมกันระหว่าง 8 พรรคการเมืองในการร่วมเสียงจัดตั้งรัฐบาล

ที่น่าสนใจคือในประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 “พิธา” เลี่ยงที่จะให้ความชัดเจนเมื่อถูกผู้สื่อข่าวยิงคำถามใส่ เรื่องมาตรา 112 ว่า พรรคก้าวไกลได้แสดงเจตจำนงไปก่อนนี้หลายครั้งแล้ว โดยเรื่องเกี่ยวกับมาตรา 112 ทุกพรรคตกผลึกแล้ว ไม่มีอะไรน่ากังวลใจ

การแถลงข่าวของ “พิธา” แม้จะไม่ได้เคลียร์ในประเด็นที่พรรคก้าวไกลมีนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งว่าจะแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่ที่แน่ ๆ คือธงของก้าวไกลคือการแก้ไข มาตรา 112 อย่างแน่นอนแม้กระทั่งย้อนไปถึงต้นกำเนิดจากพรรคอนาคตใหม่จะทราบว่า ทั้งก้าวไกล และอนาคตใหม่มีแนวคิดเป็นลบกับสถาบันหรือไม่

การถกเถียงในประเด็นมาตรา 112 ในช่วงการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลนั้น “พิธา” รู้ดีว่าเรื่องนี้หากพูดมากไปอาจเป็นสิ่งที่น็อกให้ก้าวไกลตายในทุกเวลา แต่เมื่อย้อนดูคำพูดของ “พิธา” ที่มีต่อสถาบันนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสุ่มเสี่ยง และร้ายแรง ซึ่งคำพูดดังกล่าวถูกนำไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย

“นี่คือเจตจำนงที่ต้องการจากเปลี่ยนระบอบการเมือง จากระบอบเจ้าชีวิตมาสู่ระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ สร้างสถาบันการเมืองที่ยึดโยงอำนาจสูงสุดของราษฎร หาใช่อำนาจที่ทำนาบนหลังราษฏร”

เมื่อย้อนดูแนวคิดของพรรคก้าวไกลมีรากเหง้ามาจากพรรคอนาคตใหม่นั้นจะทราบว่า อนาคตใหม่ต้องการสานต่อเจตจำนงของคณะราษฏร 2475 ที่กลุ่มคนเหล่านี้เคยเข้ามายึดอำนาจทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงการปกครองส่งผลให้สถาบันสั่นคลอนเมื่อ 90 ปีที่ผ่านมา

จุดเริ่มต้นที่เห็นภาพ ไพร่หมื่นล้านมาจากชาย 3 คน คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ , ชัยธวัช ตุลาธน และ ศรายุทธ ใจหลัก ซึ่งเพื่อนร่วมอุดมการณ์เมื่อครั้งเป็นนักศึกษาหัวก้าวหน้าทำกิจกรรมนอกรั้วมหาวิทยาลัย โดยธนาธร เป็นอุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2542 และรองเลขาธิการสหพันธ์นักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.) ปี 2543 ขณะที่ชัยธวัช เป็นนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สนนท. ปี 2541 ปัจจุบันนั่งเป็นเลขาธิการพรรคก้าวไกล ส่วนศรายุทธ เป็น เลขาธิการ สนนท. ปี 2543 ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการพรรคอนาคตใหม่ และที่พรรคก้าวไกล

ต่อมาหลังจากทั้ง 3 คนจบจากรั้วมหาวิทยาลัยต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปทำงาน แต่แนวคิดหัวก้าวหน้าที่ต้องการสานต่อเจตนารมย์ของคณะราษฎร 2475 ไม่ได้จบไปกับรั้วมหาวิทยาลัย เพราะธนาธร ชัยธวัช และศรายุทธ ยังคงมุ่งมั่นจะทำให้งานของคณะราษฎรให้สำเร็จลุล่วง ดังนั้นทั้ง 3 คน จึงมีความคิดก่อตั้งหนังสือพิมพ์เพื่อเป็นสื่อกลางในการขยายแนวทางดังกล่าวออกสู่สังคม และนั่นเป็นการได้พบกับหนึ่งในแนวร่วมที่มีอุดมการณ์เดียวกัน คือ ธนาพล อิ๋วสกุล รุ่นพี่ของนายธนาธร และ นายชัยธวัช ซึ่งทั้งหมดได้ร่วมก่อตั้งสำนักพิมพ์ “ฟ้าเดียวกัน” เมื่อปี 2544 ซึ่งเป็นหนังสือที่ผลิตนั้นจะมีหนังสือเกี่ยวกับบทบาทสถาบันกษัตริย์ สำหรับคนที่เป็นคอลัมนิสต์ อย่างสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

 

ข่าวที่น่าสนใจ

หลังจากเปิดสำนักพิมพ์ “ฟ้าเดียวกัน” ธนาธร ชัยธวัช ศรายุทธ ปิยบุตร แสงกนกกุล ซึ่งตอนนั้นเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ”ช่อ”พรรณิการ์ วานิช ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่จดแจ้งเมื่อ 15 มี.ค.61 โดยนโยบายรากฐานของอนาคตใหม่ ได้แก่ 1.การกระจายอำนาจ 2.รัฐสวัสดิการ และ3.ลงทุนการศึกษา ส่วนนโยบายเสาหลัก เช่น การล้างมรดกรัฐประหาร การต่อต้านการผูกขาด การเลิกการเกณฑ์ทหาร การปฏิรูปกองทัพ โดยธนาธร ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปิยบุตร ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค แต่นายธนาพลนั้นไม่ได้มีความชอบในด้านการเมืองจึงขอสานต่องานที่ “ฟ้าเดียวกัน” ต่อไป
ภายหลังจากพรรคอนาคตใหม่ถือกำเนิดทั้งธนาธร นายปิยบุตร และพรรณิการ์ ใช้เวทีสาธารณะในฐานะนักการเมืองสานต่อแนวคิดของคณะราษฎร 2475 รวมถึงแนวคิดที่แปลกแยกต่อสถาบันออกมาอย่างต่อเนื่อง

-21 ก.พ.62 ธนาธร พร้อมด้วยแกนนำพรรคอนาคตใหม่ลงพื้นที่พบปะนักศึกษาที่ม.ราชภัฏสวนดุสิต โดยนายธนาธร กล่าวว่า อีกไม่กี่วันจะถึงวันเลือกตั้งแล้ว ต้องใช้การเลือกตั้งให้เป็นประโยชน์ เพื่อส่งเสียงคนรุ่นใหม่ให้ดังว่า เราพร้อมแล้ว คนอายุระหว่าง 18-25 ปี มี 8 ล้านเสียง คิดเป็น 1 ใน 8 ของจำนวนส.ส.ในสภา หรือ 62 ส.ส. ถือว่า มีความหมายมาก อย่าไปเชื่อว่าไม่มีความหมาย เสียงของเราเปลี่ยนประเทศไทยได้ อนาคตใหม่มุ่งมั่นที่จะเอาสิทธิ เสรีภาพ และความเป็นธรรมกลับคืนมาให้สังคมไทย ใครฝันเหมือนกันให้มาร่วมลองทำกันให้ได้สักครั้ง สร้างสังคมที่เท่าเทียมเกิดให้เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย มาร่วมกันทำภารกิจเมื่อพ.ศ.2475 เพื่อให้ประชาธิปไตยยั่งยืนกัน ซึ่ง 86 ปี ยังทำไม่สำเร็จ ให้สำเร็จกันสักครั้ง” นายธนาธรกล่าว

24 มิ.ย.62 ธนาธรบรรยายที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นว่า ภารกิจที่ยังทำไม่สำเร็จ และพรรคอนาคตใหม่จะสานต่อ คือ การสร้างประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ภารกิจ 2475 ไม่ใช่ล้มล้างสถาบันฯ อย่างที่เราถูกใส่ร้าย เราเชื่อมั่นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์จะมั่นคงสถาพรเมื่อประชาธิปไตยเข้มแข็ง วันนี้เรายังมีความหวังในการสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น เราเห็นผู้คนตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น มีการติดตามดูถ่ายทอดสดการประชุมสภาฯ หลายล้านคน อยากให้ทุกท่านให้ความสำคัญกับ วันที่ 24 มิถุนายน 2475 ช่วยกันฟื้นฟูวัฒนธรรมอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ร่วมกันสถาปนาระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคง”

24 มิ.ย.62 ปิยบุตร กล่าวในเวทีเดียวกันว่า คณะราษฎรที่ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้สถาปนาหลักการรธน.เป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ โดยมีหลัก 6 ประการ ได้แก่ เอกราช ปลอดภัย เศรษฐกิจ เสมอภาค เสรีภาพ และ การศึกษา คือภารกิจสำคัญที่จะดำเนินการ วันนี้ยังมีเรื่องใหญ่ ที่เป็นหัวใจ เป็นหลักการสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่ยังไม่ลงหลักปักฐานในประเทศ เช่นหลักรัฐธรรมนูญนิยม เริ่มแพร่หลายหลังการปฏิวัติอเมริกา เป็นรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรมีสาระสำคัญ คือ การจำกัดอำนาจผู้ปกครอง ประชาชนเป็นผู้ก่อตั้ง รัฐไม่อาจละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน หลักการนี้ดำรงอยู่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 แต่มาสะดุดลงหลังการรัฐประหาร 2490 และรัฐธรรมนูญถูกทำให้กลายมาเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจจนทุกวันนี้

 

ต่อมาหลังการเลือกตั้งปี 62 พรรคอนาคตใหม่นำ ส.ส.เข้าสู่สภาได้ถึง 80 ที่นั่ง แต่ธนาธร ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี เนื่องจากถือหุ้นสื่อ และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษายุบพรรคอนาคตพร้อมตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปีห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 กรณีที่นายธนาธรให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจำนวน 191 ล้านบาท ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยหลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร ปิยบุตร และ ช่อ พรรณิการณ์ ประกาศจุดยืน ตั้งคณะก้าวหน้า

จากนั้นสถาบันถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีโจมตีเรื่อยมากระทั่งปัจจุบัน โดยผ่านหลายช่องทางในโซเชียลมีเดียเช่น การเปิด Channel บน Youtube เพื่อเผยแพร่เนื้อหาใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์ ,มีการแอบอ้างว่าถูกเผด็จการทหารอันเป็นเครื่องมือของสถาบันพระมหากษัตริย์ รังแกหรือข่มขู่ ทำร้ายต่าง ๆ นา ๆ , มีทีมที่ผลิตเนื้อหาใส่ร้ายป้ายสีทั้งการเขียนบท การเขียนงานวิชาการโดยนักวิชาการล้มเจ้ากลุ่มใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์,มีนักรบไซเบอร์ (Cyber warriors) เป็นจำนวนมาก ทั้งที่ไม่เปิดเผยตัวจริงเพื่อเผยแพร่เนื้อหาดังหรือโพสต์ข้อความใส่ร้ายป้ายสีสถาบัน

น่ากลัวยิ่งนักกับรากแนวคิดของคณะราษฏร 2475 ที่ถ่ายทอดจากอนาคตใหม่สู่ก้าวไกล ซึ่งมีเป้าหมายใหญ่ที่จ้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อหวังสืบสานเจตนารมย์ร้ายที่ผ่านมากว่า 90 ปี โดยหวังจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ชาติไทยให้สำเร็จลุล่วง…!

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"โคราช" หมอกลงจัด ปกคลุมหลายพื้นที่ ทัศนวิสัยแย่ มองไม่เห็นเส้นทาง สัญญาณอากาศหนาวมาเยือนแล้ว
ห้ามพลาด ลงทะเบียน-เช็กเงื่อนไข ใช้สิทธิประกันสังคม "กู้ซื้อบ้าน" ธอส.ดอกต่ำ 5 ปีแรก
ดีเดย์ "BRT" เริ่มเก็บค่าโดยสาร 15 ตลอดสาย ผู้สูงอายุ 11 บาท
"นิพิฏฐ์" โพสต์เดือด "ทนายความหรือปีศาจ" ชี้ขนาดทนายดัง ยังมีคดีอิรุงตุงนัง
“ดิ ไอคอน” ประกาศปิดสำนักงานชั่วคราว หลังดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ
ฝนยังไม่หมด กรมอุตุฯ เตือน 28 จว. รับมือฝนตกหนัก กทม.ก็ไม่รอด
ฮาโลวีนแปดริ้วผีแดนซ์และเหมือนจนเด็กร้องกรี๊ด
ผบช.ทท. สั่งการ ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา คุมเข้ม ดูแล นทท. คืนปล่อยผี พร้อมแจกอมยิ้มสร้างสีสัน
“พิชัย” เร่งเจรจา FTA ไทย-ยูเรเซีย เปิดการค้าการลงทุน
ตร.บช.ก.สอบ "เจ๊อ้อย" มาราธอนนานกว่า 10 ชั่วโมง ปมเงิน 71 ล้านบาท

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น