วันที่ 17 สิงหาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ท็อปนิวส์ ถึงกรณีถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ตนรู้สึกภูมิใจที่ได้อยู่บนบัลลังค์ อยู่ข้าง ๆ นายกฯ ถ้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ คนเดียว เวลาอภิปรายมาพาดพิงกระทรวงแรงงานตนก็ต้องตอบ มาครั้งนี้ตนถูกอภิปรายฯ ด้วย จะได้ตอบทุกเรื่องที่เกี่ยวพัน กับเรื่องแรงงาน หรือเยียวยา ต่างๆ ตนมีความรู้สึกว่าเป็นสีสันทางการเมือง เป็นความสวยงามของประชาธิปไตย ตนชอบอย่างนี้ ตนไม่ชอบการเมืองข้างถนน หรือลงถนน ตนชอบประชาธิปไตยแบบนี้ ถ้าใครทำผิดมาสู้กันด้วยหลักฐาน และให้ประชาชนฟัง นี่คือความถูกต้องของทางการเมือง
ส่วนข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านที่ระบุมีการปล่อยปละละเลยให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาปะปนกับแรงงานไทยและมีการแสวงหาประโยชน์นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ถ้าพูดถึงภารกิจหน้าที่ ที่ฝ่ายค้านอ้างมาไม่เกี่ยวกับตนเลย เช่น ตนไม่มีเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานไปอยู่ชายแดน ตนมีหน้าที่ตรวจแรงงานในสถานประกอบกิจการเท่านั้น และถ้าตรวจแล้วเจอแรงงานต่างด้าว ตนจึงจะแจ้งเจ้าหน้าที่มาดำเนินคดี ตนจะไม่พูดว่าเกี่ยวพันกับหน่วยไหน ถ้าตนย้อนกลับไปสมัยฝ่ายค้านเป็นรัฐบาลบ้างละ วันนั้นแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายมีมากกว่าวันนี้เท่าไหร่ กี่ล้านคน สมัยนี้ตนขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว แค่ 5 แสนกว่าคน ถามว่าใครปล่อยปละละเลยมากกว่ากัน
เมื่อถามว่ากระทรวงแรงงานไม่มีมาตรการรองรับผลกระทบของผู้ใช้แรงงานทำให้มีแรงงานตกงานจำนวนมาก นายสุชาติ กล่าวว่า คนที่เขียนญัตตินี้ ไม่มีความรู้เลย ไม่เคยศึกษาเลยว่าคนตกงานกับคนเข้าทำงานอย่างไหนมากกว่ากัน ตนอยู่กระทรวงแรงงาน ตนมีข้อมูลมากกว่าเขา แต่เขาเขียนญัตติออกมาอย่างนี้ มันบ่งบอกถึงไม่มีความรู้ แรงงานวันนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม 64 ถึงมิถุนายน 64 สองไตรมาส มีคนงานเข้า ม. 33 จำนวน 5 แสนกว่าคน คนออกจาก ม. 33 จำนวน 4 แสนกว่าคน คนเข้างานมากกว่าคนออกจากงาน เกือบแสนคน เอาตัวเลข 13 หลัก ปริ้นใส่กล่องมาให้ดูก็ได้ ตนจึงว่าคนที่เขียนญัตตินี้นั่งขันน้ำมนต์เขียน นั่งเทียนเขียนโดยไม่รู้เรื่อง และเรื่องที่บอกว่ามีการปล่อยให้เกิดการติดเชื้อในโรงงานจนเป็นคลัสเตอร์ใหม่ นั้น ตนถามว่า ตั้งแต่เกิดโควิด กระทรวงแรงงาน ตรวจโควิด เอาโรงพยาบาลในเครือประกันสังคม ไปตรวจที่สนามไทยญี่ปุ่นดินแดง ตรวจโรงงานต่าง ๆ จนมีหนังสือขอบคุณมาหลายร้อยฉบับ
“ผมสงสัยคนที่เขียนญัตติไม่เคยดูข่าว ถ้าผมไม่ตรวจ ไม่เปิดสายด่วนรักษา ผมเป็นหน่วยงานสุดท้ายที่โดนโควิดรังแก เข้ามาคลัสเตอร์โรงงานสุดท้าย ถ้าโรงงานจริง ๆ คือนิคมอุตสาหกรรม ผมไม่ใช่ผู้ว่าการนิคม ผมมีหน้าที่แค่ให้ความรู้ เพราะไม่ใช่พื้นที่ของผม แต่ผมไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ขอให้ไปศึกษาก่อนว่าคลัสเตอร์โรงงานเกิดเมื่อไหร่ เกิดสุดท้ายใช่ไหมครับ นี่คือผมสู้ สู้ตั้งแต่เตือนเมษายน ตรวจเชิงรุกทุกโรงงาน ทุกพื้นที่อุตสาหกรรม ผมตรวจ 3 พันคน เจอ 20 กว่าคน นำไปรักษาหมด สิ่งที่ผมทำในวันนี้ สิ่งที่ผมได้รับคืออะไร ถ้าผมทำไม่ดีนะ วันนี้สหภาพแรงงานลงถนนไปกับพวกตรงข้ามรัฐบาลแล้ว วันนี้สหภาพแรงงานมีกี่ล้านคน เขาลงถนนไหม ทำไมเขาทำหนังสือมาขอบคุณผม แสดงว่าคนที่เขียนญัตตินี้ไม่เคยศึกษาข้อมูล แต่ก็เป็นสิ่งดีมากที่ทำให้ผมได้พูดผลงานรัฐบาล ครบรอบ 1 ปีที่ผมเป็นรัฐมนตรีพอดี” นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ กล่าวว่า สมัยฝ่ายค้านเป็นรัฐบาล เคยช่วยแรงงานแบบนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ให้เงินเยียวยาม.33 เรารักกันมาเกือบ 6 หมื่นล้าน ล่าสุดอีกเกือบ 6 หมื่นล้าน เคยมีรัฐบาลไหนในอดีตนำเงินมาช่วยแรงงานหรือไม่ มีรัฐบาลไหนในอดีตที่สหภาพแรงงานทำหนังสือมาขอบคุณนายกฯ และขอบคุณตน สิ่งที่ฝ่ายค้านเขียนในญัตติ ต้องขอบคุณมาก ๆ ตนจะทำให้ฝ่ายค้านตาสว่าง สิ่งที่เขียนแสดงว่าไม่เคยมีเครือข่ายผู้นำแรงงานเลย ถ้ามีเครือข่ายผู้นำแรงงานฝ่ายค้านจะไม่กล้ามาตั้งญัตตินี่แน่นอน
เมื่อถามว่าข้อมูลที่ฝ่ายค้านจะนำมาอภิปรายจะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า โควิดมันเป็นกันทั่วโลก ต้องถามถึงความตั้งใจ ความทุ่มเทก่อน รัฐบาลรวมสรรพกำลังทั้งหมดแก้ปัญหา ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ออกมาช่วยเหลือประชาชน ฝ่ายการเมือง รัฐบาล ผู้แทนแต่ละพรรคร่วม ออกมาช่วยเหลือชาวบ้าน จริง ๆ ตนว่าเป็นเรื่องสีสันทางการเมืองอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเป็นสิ่งที่ครบรอบ เป็นสิทธิที่เขาจะยื่นได้ และตนจะชวนสหภาพแรงงานทั่วประเทศดูการอภิปรายครั้งนี้ว่า สิ่งที่ตนและรัฐบาลทำมีอะไรบ้าง อยากให้ฝ่ายค้านรอดูเสียงตอบรับว่าอะไรคืออะไร เมื่อถามว่ารัฐบาลจะผ่านพ้นการอภิปรายไปได้หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า แน่นอน รัฐบาลถ้าไม่มีเรื่องทุจริต และอภิปรายหักล้างกันด้วยเหตุด้วยผล ไม่มีเรื่องทุจริตไม่มีใครทำอะไรได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการที่ฝ่ายค้านพุ่งเป้ามา ให้ซักฟอกรัฐมนตรีแรงงานในครั้งนี้ เพราะมีคนในพรรคพลังประชารัฐ รู้เห็นเป็นใจ กับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้
