21 พ.ค.2566 กลุ่มคนไทยรักสถาบันฯ ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงสถานีข่าวท็อปนิวส์ โดยมีรายละเอียด ระบุว่า จดหมายจากเด็กเมื่อวานซืน
ถึง เพื่อนร่วมชาติที่รักทุกท่าน…
สิ่งที่ท่านกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้ คือเสียงจากพวกเรา เด็กเมื่อวานซืน ซึ่งมีอายุไล่ไปตั้งแต่
ต้นๆ 20 จนถึงเกือบ 30 ปี
พวกเราอยู่ในหลากหลายวงการ ทั้งข้าราชการพลเรือน ทนายความ วิศวกร นักธุรกิจ
สื่อมวลชน และนักเรียน นักศึกษา พวกเราจบการศึกษาจากโรงเรียนที่เรียกได้ว่าสอบเข้ายากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ จบมหาวิทยาลัยใหญ่ใจกลางเมือง บ้างก็ออกไปศึกษาต่อต่างประเทศ หรือได้ทำงานในองค์กรที่มีชื่อเสียง มีผู้คนนับหน้าถือตาในวงสังคมในอีกมุมหนึ่ง ตลอดระยะสี่ห้าปีให้หลังมานี้ ตั้งแต่เรากำลังเรียนหนังสือ จนจบออกมามีงานการประจำ พวกเรากลายเป็นชนกลุ่มน้อยในหมู่คนรุ่นราวคราวเดียวกัน เพียงเพราะเราคิดเห็นแตกต่างจากเพื่อนพ้องน้องพี่ ซึ่งถูกครอบงำด้วยแนวความคิดที่ขัดต่อค่านิยมของสังคมไทย และเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองของประเทศ
หรือจะว่า เราเป็นคนส่วนน้อย ในสถาบันการศึกษาที่คลาคล่ำไปด้วยยุวชนสีส้ม
ใช่แล้ว พวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใครๆ เรียกว่า สลิ่ม
ท่านทราบหรือไม่ว่า ประเทศไทย…บ้านเกิดเมืองนอนของเรา กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ถูก
บีบคั้นจากทั่วทุกทิศไม่ว่าจะเป็นสงคราม ปัญหาผู้ลี้ภัยและภาวะข้าวยากหมากแพงในทวีปยุโรป ปัญหาเงินเฟ้อ ในสหรัฐอเมริกา ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ปัญหาในทะเลจีนใต้ ตลอดจนความตึงเครียดระหว่างชาติมหาอำนาจที่อาจเป็นชนวนให้สงครามโลกปะทุขึ้นเมื่อไหร่ก็ ได้…ไม่มีใครรู้ การที่ประเทศไทยมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค จึงมีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นแนวรบระหว่างมหาอำนาจ ทั้งสงครามแสนยานุภาพ สงครามเศรษฐกิจ หรือแม้แต่สงครามข้อมูลข่าวสาร
ไทยจึงต้องรักษาความเป็นกลาง แสดงบทบาทและท่าทีให้เหมาะสม เล็งเห็นว่าสิ่งใดคือ
ผลประโยชน์ของชาติและมุ่งรักษาเอกราชอธิปไตย ไม่ให้ชาติมหาอำนาจชาติหนึ่งชาติใดมา
กอบโกยผลประโยชน์ มายุ่มย่าม หรือย่ำยีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเปรียบเสมือนหัวใจ
ของคนไทยที่รักชาติรักแผ่นดินทั้งปวง
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ ประเทศไทย กำลังเผชิญกับวิกฤตที่พวกเราไม่เคยเห็น และไม่เคย
รู้จักมาก่อนเพราะเรากำลังตกอยู่ภายใต้การครอบงำทางความคิดจากกลุ่มคนจำพวกหนึ่ง ซึ่งมี
พฤติกรรมดูถูกเหยียดหยามประเทศชาติ ทำลายศาสนา มุ่งที่จะบั่นทอนพระราชสถานะของ
สถาบันพระมหากษัตริย์ โดยอ้างว่า เพื่อจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงสถาพร
ก็ไม่ทราบว่า การที่ให้พระมหากษัตริย์ต้องลงมาฟ้องคดีหมิ่นประมาท เป็นคู่กรณีกับ
ประชาชนเอง จะทำให้สถาบันฯ มีความมั่นคงสถาพรตรงไหน ?
แต่ในทางปฏิบัติ กลุ่มคนดังกล่าวโจมตีให้ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง
โดยใช้วิธีการสร้างข่าวเท็จ หรือใช้ข้อมูลบิดเบือนสร้างงานต่างๆ ผ่านทั้งสื่อออนไลน์ และสื่อ
สิ่งพิมพ์โดยมีจุดประสงค์ทำลายเกียรติคุณของพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ กระทั่งทำลาย
ค่านิยมอันดีของสังคม โดยบ่มเพาะความเกลียดชังระหว่างกันทั้งในระดับภูมิภาค ระดับจังหวัด
หรือแม้แต่ในระดับครอบครัวซึ่งเป็นรากเหง้าของสังคม อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ทั้งคนกลุ่มนี้ยังมีพฤติกรรมแอบแฝงที่จะชักจูงให้ประเทศมหาอำนาจอายุสองร้อยกว่าปีซึ่ง
มีพฤติกรรมมุ่งแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นที่ตนเล็งเห็นผลประโยชน์ให้เข้ามาก้าว
ก่ายกิจการภายในของประเทศไทย
และมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่กลุ่มคนเหล่านี้จะกำหนดท่าทีไทยให้เข้าสู่วงความขัดแย้ง
ของชาติมหาอำนาจ รวมถึงกระทบกระทั่งกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่ไม่ได้มีความจำเป็นหรือ
ส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการภายในชาติของเราแต่อย่างใดเลย ความเลวร้ายระยำตำบอนของคนกลุ่มนี้ที่นับวันจะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น มากเสียจนทำให้พวก เราเกือบลืมไปชั่วขณะว่า อดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งของไทยก็มีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน และเคยปลุกปั่นสร้างความแตกแยก และสร้างความเสียหายแก่ประเทศไทยอย่างใหญ่หลวงมาก่อน ก็คิดดูเอาเองก็แล้วกันว่ามันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง