เปิดจม.คนไทยรักสถาบันฯ ส่งถึง Top news ยอมไม่ได้ ขบวนการบั่นทอนเบื้องสูง แชร์ความเห็น ร่วมมือต้าน”ก้าวไกล”เปลี่ยนไทยเสี่ยงวิกฤต

เปิดจม.คนไทยรักสถาบันฯ ส่งถึง Top news ยอมไม่ได้ ขบวนการบั่นทอนเบื้องสูง แชร์ความเห็น ร่วมมือต้าน"ก้าวไกล"เปลี่ยนไทยเสี่ยงวิกฤต

21 พ.ค.2566 กลุ่มคนไทยรักสถาบันฯ ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงสถานีข่าวท็อปนิวส์ โดยมีรายละเอียด ระบุว่า จดหมายจากเด็กเมื่อวานซืน

 

ถึง เพื่อนร่วมชาติที่รักทุกท่าน…
สิ่งที่ท่านกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้ คือเสียงจากพวกเรา เด็กเมื่อวานซืน ซึ่งมีอายุไล่ไปตั้งแต่
ต้นๆ 20 จนถึงเกือบ 30 ปี

พวกเราอยู่ในหลากหลายวงการ ทั้งข้าราชการพลเรือน ทนายความ วิศวกร นักธุรกิจ
สื่อมวลชน และนักเรียน นักศึกษา พวกเราจบการศึกษาจากโรงเรียนที่เรียกได้ว่าสอบเข้ายากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ จบมหาวิทยาลัยใหญ่ใจกลางเมือง บ้างก็ออกไปศึกษาต่อต่างประเทศ หรือได้ทำงานในองค์กรที่มีชื่อเสียง มีผู้คนนับหน้าถือตาในวงสังคมในอีกมุมหนึ่ง ตลอดระยะสี่ห้าปีให้หลังมานี้ ตั้งแต่เรากำลังเรียนหนังสือ จนจบออกมามีงานการประจำ พวกเรากลายเป็นชนกลุ่มน้อยในหมู่คนรุ่นราวคราวเดียวกัน เพียงเพราะเราคิดเห็นแตกต่างจากเพื่อนพ้องน้องพี่ ซึ่งถูกครอบงำด้วยแนวความคิดที่ขัดต่อค่านิยมของสังคมไทย และเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองของประเทศ
หรือจะว่า เราเป็นคนส่วนน้อย ในสถาบันการศึกษาที่คลาคล่ำไปด้วยยุวชนสีส้ม
ใช่แล้ว พวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใครๆ เรียกว่า สลิ่ม

ท่านทราบหรือไม่ว่า ประเทศไทย…บ้านเกิดเมืองนอนของเรา กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ถูก
บีบคั้นจากทั่วทุกทิศไม่ว่าจะเป็นสงคราม ปัญหาผู้ลี้ภัยและภาวะข้าวยากหมากแพงในทวีปยุโรป ปัญหาเงินเฟ้อ ในสหรัฐอเมริกา ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ปัญหาในทะเลจีนใต้ ตลอดจนความตึงเครียดระหว่างชาติมหาอำนาจที่อาจเป็นชนวนให้สงครามโลกปะทุขึ้นเมื่อไหร่ก็ ได้…ไม่มีใครรู้ การที่ประเทศไทยมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค จึงมีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นแนวรบระหว่างมหาอำนาจ ทั้งสงครามแสนยานุภาพ สงครามเศรษฐกิจ หรือแม้แต่สงครามข้อมูลข่าวสาร

 

 

 

ไทยจึงต้องรักษาความเป็นกลาง แสดงบทบาทและท่าทีให้เหมาะสม เล็งเห็นว่าสิ่งใดคือ
ผลประโยชน์ของชาติและมุ่งรักษาเอกราชอธิปไตย ไม่ให้ชาติมหาอำนาจชาติหนึ่งชาติใดมา
กอบโกยผลประโยชน์ มายุ่มย่าม หรือย่ำยีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเปรียบเสมือนหัวใจ
ของคนไทยที่รักชาติรักแผ่นดินทั้งปวง

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ ประเทศไทย กำลังเผชิญกับวิกฤตที่พวกเราไม่เคยเห็น และไม่เคย
รู้จักมาก่อนเพราะเรากำลังตกอยู่ภายใต้การครอบงำทางความคิดจากกลุ่มคนจำพวกหนึ่ง ซึ่งมี
พฤติกรรมดูถูกเหยียดหยามประเทศชาติ ทำลายศาสนา มุ่งที่จะบั่นทอนพระราชสถานะของ
สถาบันพระมหากษัตริย์ โดยอ้างว่า เพื่อจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงสถาพร
ก็ไม่ทราบว่า การที่ให้พระมหากษัตริย์ต้องลงมาฟ้องคดีหมิ่นประมาท เป็นคู่กรณีกับ
ประชาชนเอง จะทำให้สถาบันฯ มีความมั่นคงสถาพรตรงไหน ?

แต่ในทางปฏิบัติ กลุ่มคนดังกล่าวโจมตีให้ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง
โดยใช้วิธีการสร้างข่าวเท็จ หรือใช้ข้อมูลบิดเบือนสร้างงานต่างๆ ผ่านทั้งสื่อออนไลน์ และสื่อ
สิ่งพิมพ์โดยมีจุดประสงค์ทำลายเกียรติคุณของพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ กระทั่งทำลาย
ค่านิยมอันดีของสังคม โดยบ่มเพาะความเกลียดชังระหว่างกันทั้งในระดับภูมิภาค ระดับจังหวัด
หรือแม้แต่ในระดับครอบครัวซึ่งเป็นรากเหง้าของสังคม อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ทั้งคนกลุ่มนี้ยังมีพฤติกรรมแอบแฝงที่จะชักจูงให้ประเทศมหาอำนาจอายุสองร้อยกว่าปีซึ่ง
มีพฤติกรรมมุ่งแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นที่ตนเล็งเห็นผลประโยชน์ให้เข้ามาก้าว
ก่ายกิจการภายในของประเทศไทย

และมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่กลุ่มคนเหล่านี้จะกำหนดท่าทีไทยให้เข้าสู่วงความขัดแย้ง
ของชาติมหาอำนาจ รวมถึงกระทบกระทั่งกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่ไม่ได้มีความจำเป็นหรือ
ส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการภายในชาติของเราแต่อย่างใดเลย ความเลวร้ายระยำตำบอนของคนกลุ่มนี้ที่นับวันจะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น มากเสียจนทำให้พวก เราเกือบลืมไปชั่วขณะว่า อดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งของไทยก็มีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน และเคยปลุกปั่นสร้างความแตกแยก และสร้างความเสียหายแก่ประเทศไทยอย่างใหญ่หลวงมาก่อน ก็คิดดูเอาเองก็แล้วกันว่ามันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง

ข่าวที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปเมื่อวันที่ 14
พฤษภาคม 2566 ปรากฏว่าคนกลุ่มนี้ซึ่งขยายตัวจากขบวนการใต้ดินขึ้นมาตั้งตนเป็นพรรค
การเมือง กลับได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นจำนวนมาก มากจนกระทั่งได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดกว่าสิบสี่ล้านคะแนน ในขณะที่พรรคการเมืองที่ได้รับการจัดให้อยู่ในฝ่ายที่เรียกว่าอนุรักษ์นิยม ได้รับคะแนน เสียงไม่เป็นไปตามความคาดหมาย ไม่เป็นไปตามความหวังตั้งใจของประชาชนที่มีจิตใจเป็นธรรม ยึดมั่นในชาติ นับถือศาสนา และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องการเห็นพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของประชาชนที่มีอุดมการณ์ดังกล่าว ได้รับการเลือกตั้งให้ได้รับเสียงข้างมากและจัดตั้งรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข สิ่งที่กำลังจะเกิดนับจากนี้ เป็นอันตรายต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง

ในระยะสองสามวันให้หลังมานี้พวกเราได้ยินเสียงสะท้อนจากบรรดา ‘ช้างศึก’ ทั้งหลาย
ที่คาใจว่าเหตุใดคนกลุ่มนั้นจึงได้รับคะแนนเสียงท่วมท้น สามารถเอาชนะพรรคการเมืองใหญ่ๆ ที่เคยเป็นแชมป์ไร้พ่ายมาตลอดยี่สิบปีได้สำเร็จ ความกังวลของเหล่า‘ช้างศึก’ ทำให้พวกเราต้องร่วมกันคิดวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มีข้อสังเกตต่อความพ่ายแพ้ของฝ่ายอนุรักษ์นิยม คือ

 

หนึ่ง ฝ่ายอนุรักษ์นิยมขาดผู้นำที่มีคุณลักษณะและบารมีที่จะสามารถครองใจผู้คนทุกวัย
ดังจะเห็นได้ว่า พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีของฝ่ายอนุรักษ์นิยมสามารถครองใจได้เฉพาะผู้สูงอายุ แต่ไม่สามารถครองใจคนรุ่นลูกหลานได้เลย ซึ่งแตกต่างจากผู้นำอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งสามารถครองใจฐานเสียงของต้นที่มีทุกวัยอย่างเหนียวแน่น

 

สอง ฝ่ายอนุรักษ์นิยมมุ่งเน้นแต่การทำงานโดยยึดหลักการปิดทองหลังพระ ทั้งที่ ควรจะ
ตระหนักได้ว่า หลักการดังกล่าวใช้ไม่ได้ผลเสียแล้วในโลกการเมืองปัจจุบัน การปิดทองหลังพระทำให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมคิดไปเองว่าผู้คนจะเห็นผลงานของตน โดยลืมนึกไปว่า พระที่ตนปิดนั้นมีขนาดเทียบเท่าหลวงพ่อโตวัดอินทรวิหาร การปิดทองแผ่นเท้านิ้วโป้งก็ยากที่จะมีผู้ใดสนใจ ยิ่งถ้าไม่บอกให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองเป็นคนลงทุนลงแรงปิดทองแล้ว ก็ต้องมีคนมา
เคลมอย่างแน่นอน

 

สาม ฝ่ายอนุรักษ์นิยม ขาดยุทธวิธีในการสื่อสารมวลชนที่ทันสมัย ไม่สามารถสื่อสารให้คน
ทุกวัยรับรู้ถึงผลงานและนโยบายของตนได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ผู้นำไม่มีจิตวิทยาในการสื่อสาร ที่จะผูกมัดจิตใจคนฟังให้คล้อยตามได้แม้แต่น้อย อีกทั้งการหาเสียงก็ยังคงใช้วิธีการแบบโบราณไม่น่าสนใจ ไม่แปลกใหม่ ขอบอกว่า…เชย และเปิ่นมากครับ

 

 

สี่ฝ่ายอนุรักษ์นิยม ขาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แสดงบทบาทนำเพื่อชี้นำทางความคิด ในขณะที่
อีกฝั่ง มีทั้งนักการเมือง นักยุทธศาสตร์รุ่นใหม่ ที่มีการศึกษาสูง บุคลิกภาพหน้าตาดี สื่อสารได้ หลายภาษา มีนักแสดง ศิลปิน Influencer ที่หาญกล้าผลิตงานที่ตอบสนองแนวคิดทางการเมือง แล้วแพร่ขยายให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของตนได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว
ก็ดูอีกฝ่าย เขาเล่นเอาดาวโป๊ หรือเจ้าพ่อพนันเถื่อนมาโฆษณากันปาวๆ อันนี้เห็นว่า เราไม่ควรเอาอย่าง…ในแบบเลว ๆ

 

 

ห้า ฝ่ายอนุรักษ์นิยม ยังคงใช้แว่นสายตาตัวเก่ามองโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงทำ
ให้ขาดการวางยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่เหมาะสม ยังคงใช้ความคิดที่ว่าการชี้นำหรือครอบงำ ความคิด ด้วยวิธีการเก่าๆ เช่น บ้านใหญ่ในท้องถิ่น จะสามารถเอาชนะในสนามเลือกตั้งได้ นักการเมืองที่ลงพื้นที่ตลอดเวลา ช่วยเหลือชาวบ้าน กลับพ่ายแพ้ต่อกระแสการส่งต่อชุดข้อมูล ผ่านสื่อออนไลน์ของอีกฝั่งที่สามารถเข้าไปสร้างความหวังในความรับรู้ขอผู้คนได้ทุกที่ทุกเวลา ข้อนี้ เราก็ขี้เกียจเอง ช่วยไม่ได้ครับ

 

 

หก ฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่ได้ตรองดูถึงลักษณะนิสัยของคนไทย ที่มีนิสัยเป็นกบเลือกนาย มี
ความเบื่อหน่ายเป็นลมหายใจแห่งชีวิต จึงไม่ได้พิจารณาว่า ปัจจุบันมีคนไทยจำนวนมาก ที่แม้ว่าจะยังคงยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ แต่ ‘เบื่อลุงตู่’ จึงทำให้คนเหล่านี้ตัดสินใจลงคะแนนให้พรรคการเมืองหน้าใหม่อย่างไม่ลังเลใจ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะในปลายรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เริ่มมีกระแส ‘เบื่อเปรม’ คุกกรุ่น แต่ด้วยปรีชาญาณของพลเอกเปรมฯ จึง เกิดวลี ‘ผมพอแล้ว’ และลงจากตำแหน่งอย่างสง่างาม

 

เรื่องนี้ บางคนที่หันไปเลือกพรรคสามเหลี่ยมหัวกลับ เขาก็บอกว่า เขาไม่ได้เบื่อลุงตู่ แต่
เขาเบื่อคนรอบๆ ลุงตู่…ที่เป็น เสือ สิงห์ กระทิง แรด …ต่างหาก เขาว่ามายังงี้ครับ
เจ็ด ฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่มีความเป็นเอกภาพ ข้อนี้จะเห็นได้จากผลการเลือกตั้งที่จังหวัด
ภูเก็ต ที่พรรคการเมืองฝ่ายอนาธิปไตย ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด ทั้งที่ในความเป็นจริง เมื่อรวมคะแนนเสียงพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม ๔ พรรค กลับพบว่ามีคะแนนเสียงมากกว่าถึงเท่าตัว

 

ดังนั้น ถ้าฝ่ายอนุรักษ์นิยมยังไม่ยอมแพ้ ไม่สิ้นหวัง และยังไม่หมดกำลังใจในการรักษา
บ้านเมืองพวกเรา จึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยม พิจารณาดำเนินยุทธศาสตร์ ดังนี้

 

หนึ่ง ขอให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยม เฟ้นหาผู้นำที่มีทักษะด้านการสื่อสารการเมือง มีความสามารถ
ทั้งบู๊และบุ๋น สามารถสื่อสารและแสดงออกให้ผู้คนเกิดความนิยมและศรัทธาได้ ทั้งต้องไม่มี
ประวัติทางการเมืองและประวัติส่วนตัวที่เสื่อมเสีย มีการศึกษาในระดับสูง เป็นผู้ที่สามารถเข้าถึงจิตใจของชาวบ้านได้ทุกระดับ ไม่วางตนเป็นเจ้าขุนมูลนาย ไม่ถือตัวว่าเป็นเจ้านายประชาชน ไม่ต้องมีพิธีรีตองชนิดพันผ้าสามสีขึ้นป้ายต้อนรับใหญ่เท่าบ้าน ทั้งต้องไม่มีพฤติกรรมเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น หรือเก่งแต่ปาก ดีแต่พูด จนทำให้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ทยอยหนีออกจากพรรคไปทีละคน ตัวอย่างผู้นำโลกที่มีลักษณะนี้ ขอให้ศึกษาบทบาทของ วินสตัน เชอร์ชิล และมากาเร็ต แธตเชอร์แห่งเกาะบริเตน ลีกวนยูแห่งสิงคโปร์ หรืออังเกล่า แมร์เคิล แห่งเยอรมนี

 

 

สอง ขอให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์จำนวนมาก เร่งใช้ยุทธวิธีใหม่ๆ ใน
การสื่อสารเพื่อสร้างความนิยมในหมู่ประชาชน เช่น

– การใช้แนวทางวิจัยข้อมูลในระดับบุคคล หรือ Data Analytics เพื่อวิเคราะห์การใช้
คำพูดที่กินใจ กระทบใจคน และฝังลึกในใจ หรือคำพูดใดที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อสร้าง
ความจดจำในเชิงบวก และทำให้ฝ่ายตรงข้ามถูกตีตราในแง่ลบ

– การทำ Social Listening Analytics เพื่อวิเคราะห์การวางยุทธศาสตร์สร้างการสื่อสาร
ผ่านไซเบอร์โดยเฉพาะ Social Media ทั้งหมด ตรวจสอบ trends ที่เกิดขึ้นทุกที่ทุก
เวลาในทุกช่วงวัย เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมาย และ feed ข้อมูลเพื่อสกัดกั้นข้อมูลฝ่ายตรง
ข้าม เพื่อควบคุมความคิดของผู้คน  หากสามารถดำเนินการตามแนวทางข้างต้น พวกเราเชื่อว่า ฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะมี ประสิทธิภาพสูงขึ้นมากในการสื่อสารกับคนไทยที่ใช้เวลาใน Social Media เป็นเวลามากกว่า 16 ชั่วโมงต่อวัน

 

 

 

 

 

และขอเรียนให้ทราบตรงๆ ว่า ถ้าคิดจะปิดทองหลังพระ ก็ขอให้ใช้ทองแผ่นใหญ่ๆ ปิด
ครั้งเดียวให้งามบริบูรณ์ทั่วองค์พระ และให้คนอื่นๆ เห็นว่าตนเป็นคนปิด
เพราะงานการเมือง ไม่ใช่งานปิดทองหลังพระในมุมมืด แต่ต้องตีฆ้องร้องป่าวให้คนรู้ว่า
ทำอะไร ทุกท่วงท่าต้องเท่ไว้ก่อน ที่เหลือค่อยว่ากัน

สาม ขอให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยม ทุ่มเททุนมนุษย์ และทุนทรัพย์ เพื่อสร้างแคมเปญการสื่อสาร
รูปแบบใหม่ มากกว่าการทุ่มงบประมาณเพื่อแปะป้ายสติกเกอร์ที่สร้างความสกปรกรุงรังแก่
บ้านเมือง หรือไล่ฉีดพ่นลูกน้ำยุงลายตามชุมชน ที่วันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่มีใครเห็นคุณค่า โดย หลีกเลี่ยงการสั่งการสื่อสารแบบเจ้าขุนมูลนาย และอย่าเหนียมอายว่าจะต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ

 

 

สี่ขอให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมผูกไมตรีทั้งทางใจ หรือทางวัตถุกับสื่อมวลชน ศิลปิน นักเขียน
หรือ Influencer เพื่อให้คนกลุ่มนี้ทำหน้าที่ใช้ ศาสตร์ และศิลป์ เพื่อช่วยเป็นตัวกระจายความคิดและค่านิยมของฝ่ายเราให้แพร่หลายกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเป็นชาตินิยม หรือการผสานความคิดอนุรักษ์นิยมและการพิทักษ์ปกป้องสิทธิมนุษยชน รวมถึงการสร้างความนิยมในสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่จะต้องทำให้ประชาชนเห็นคุณค่าและประโยชน์ของสถาบันฯ ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศ และมีบทบาทนำในโลกยุคปัจจุบันให้ได้ก็ถ้าฝั่งตรงข้ามใช้เงินซื้อสื่อได้ แล้วทำไมเราจะซื้อบ้างไม่ได้…

 

 

ห้า ขอให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในฝ่ายอนุรักษ์นิยม พิจารณาความบกพร่องของตนเอง และส่งไม้ต่อ
ให้คนรุ่นใหม่ที่มีพลังและมีศักยภาพ ให้เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนความคิดเพื่อปกป้องประเทศชาติต่อสู้กับศึกในและศึกนอกได้อย่างเข้มแข็ง

 

 

หก หากเป็นไปได้ เราอยากให้พรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่มีแนวคิด มีมุมอง และมี
อุดมการณ์ใกล้เคียงกัน รวมตัวกันเป็นพรรคการเมืองใหญ่พรรคเดียว ซึ่งจะได้ประโยชน์มากจากกติการเลือกตั้งแบบที่เป็นอยู่ อย่าแตกแบงก์พัน อย่าเสียงแตก ถ้าคิดไม่ออก ขอให้ดูตัวอย่าง พรรคอนุรักษ์นิยมในอังกฤษ พรรครีพับลิกันในอเมริกา พรรคแอลดีพีในญี่ปุ่น พรรคกิจประชาชนในสิงคโปร์ ว่าเขามีเคล็ดลับความสำเร็จยังไง หรือถ้ายังคิดไม่ออกอีก…ก็ลองปรึกษานายทักษิณ ชินวัตร ต้นตำรับพรรคไทยรักไทย ดูแต่อย่าทำอะไรบ้าๆ บอๆ ให้โดนยุบพรรคแบบพี่แม้วก็แล้วกัน

 

 

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว…ก็อาจจะมีคำถามว่า
เฮ้ย ไอ้หนู เอ็งเป็นใครวะ มาเที่ยวสั่งสอนคนอื่น ?
“พวกผมก็เป็นคนไทยที่รักชาติ และไม่ต้องการเห็นชาติพังต่อหน้าต่อตาน่ะสิครับ”
หรือ

โถ่ ก็แค่ไอ้พวกเด็กเมื่อวานซืน

ก็อยากจะบอกว่า
“ก็ไอ้เด็กเมื่อวานซืนเหมือนกันนี่ละครับ ที่มันทำให้ลุงตู่หลุดตกเก้าอี้แบบหมดสภาพ”
พวกเราอยากจะฝากถึงบรรดาลุงๆ ป้าๆ ให้ทราบว่า บ้านเมืองนี้มีทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ต่าง
ฝ่ายต่างต้องรับฟังซึ่งกันและกันด้วยความเคารพในท่าทีของแต่ละฝ่าย อะไรที่เห็นว่าดีว่าเหมาะก็พึงนำมาคิดไตร่ตรอง สิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง ก็ค่อยๆ แก้ไขกันไป

 

 

เพราะเดิมพันครั้งนี้สูงมาก คือ ความสุขความเจริญของประเทศไทย และคนไทย
หากท่านต้องการมีชัยชนะเหนือคู่แข่ง สิ่งที่ต้องทำ ไม่ใช่การไปบังคับหรืออ้อนวอนฝ่าย
ตรงข้ามให้เป็นไปในสิ่งที่ต้องการ เพราะของแบบนั้นฝังรากลึกเข้าไปถึงเส้นเลือดและไขกระดูกของคนกลุ่มนั้นแล้ว ขุดยากยิ่งกว่าสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยา
สิ่งที่ท่านต้องทำ คือการปฏิรูปตนเองในทุกๆ ด้านเสียก่อน แล้วจึงปฏิรูปประเทศไทย
เราจึงต้องรวมแรงกายแรงใจของคนไทยผู้เป็นเจ้าของประเทศ สร้างชาติไทยให้พัฒนา
อย่างยั่งยืนเพื่อให้พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย หรือลุงป้าน้าอา ได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้อย่างสุขสบาย
เพื่อให้พวกเราที่จะเป็นกำลังของประเทศในวันข้างหน้า ทำมาหากินอย่างราบรื่น
และเพื่อให้ลูกหลานรุ่นถัดไป มีความภาคภูมิใจในแผ่นดินไทย
อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนที่รักยิ่งของพวกเราทุกคน !

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“อนุทิน” มอง “ปทุมธานี” เป็นเมืองต้นแบบกระจายอำนาจ ยินดี “บิ๊กแจ๊ส” นั่งนายกฯอบจ.
สุดเศร้า ลูกเศร้า กลับจากโรงเรียนเจอพ่อผูกคอดับ ขณะแม่ได้ข้อความขอโทษจากลูกชาย แต่ไม่ได้เอะใจ
จังหวัดฉะเชิงเทรา จัดงานนมัสการหลวงพ่อโสธรและงานประจำปีจังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 134 ระหว่างวันที่ 12 - 24 พฤศจิกายน 2567 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา
‘ทนายไพศาล’ ยืนยันไม่ได้เป็นทนายให้ ‘ซินแสดัง’ขออีกฝ่ายอย่าเอารูปถ่ายคู่กันไปแอบอ้าง
งาน CIIE ครั้งที่ 7 เปิดฉากแล้วที่จีน
ตร.เมืองชล ตั้งด่านป้องปรามอาชญากรรม-ยาเสพติดกลางดึก หนุ่มขนยาบ้า 3 แสนเม็ด ขับผ่านด่านแต่ไม่รอด สารภาพรับจ้างขนยา 3 หมื่น ยังไม่ได้รับค่าจ้าง ถูกจับเสียก่อน
เลือกตั้งสหรัฐเปิดฉากขึ้นแล้ว
ศรชล.ภาค1 ร่วมกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะในทะเลและชายหาดกับนักดำน้ำ เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมใต้ทะเล (นพอ.) ณ เกาะยอ สัตหีบ
สว.จร.พัทยา วางแผนจัดทัพรับมืองานพลุนานาชาติ เตรียมที่จอดรถกว่า 30,000 คัน ไว้รองรับนักท่องเที่ยว พร้อมออกมาตรการวินผีฟันค่าโดยสารราคาเกินจริง
ฉาว "ชาวบ้าน" ยันเห็น "หลวงตา" ล็อคห้องอยู่กับสีกา สองต่อสอง อ้างชวนไปนับขวด ก่อนเผ่นหนีไปอยู่อีกวัด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น