ย้อนดูคำพิพากษาคดี “สุรโชค” อดีตว่าที่ผู้สมัครส.ส.ไทยภักดี ถือหุ้นสื่อ 1 หุ้น ยังไม่รอด งานนี้ “พิธา” มีหนาว

เทียบคดีหุ้นสื่อ “พิธา” ย้อนคดี “สุรโชค” อดีตว่าที่ผู้สมัครส.ส.ไทยภักดี ถือหุ้นอสมท. แค่หุ้นเดียวยังไม่รอด ศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน แต่รออาญา โดนตัดสิทธิ์การเมืองอีก 20 ปี

จากกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ถูกตรวจสอบการถือหุ้นสื่อไอทีวี ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาตรวจสอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. โดยหลายฝ่ายยังมีความเห็นต่างทางกฎหมาย มีทั้งชี้ว่าผิดและบอกว่าไม่ผิด

 

 

อย่างไรก็ดีทีมข่าวท็อปนิวส์ไ ด้รับเอกสารคดีที่เกี่ยวกับผู้สมัครรับเลือกตั้งลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ถูกตัดสิทธิ์ เพราะถือหุ้นสื่อ โดยเป็นคดีที่อัยการจังหวัดกาญจนบุรีสั่งฟ้อง นายสุรโชค ทิวากร อดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี เขต 2 พรรคไทยภักดี ต่อศาลกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ในฐานความผิดลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ,แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน และแจ้งให้พนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ และขอให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยเป็นเวลา 20 ปี

 

จากการที่นายสุรโชค ลงสมัครสมาชิกสภาเทศบาล หรือ ส.ท. ตำบลหนองตากยา อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ทั้งที่ตนเองมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากถือหุ้นในบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 หุ้น มูลค่า 5 บาท ซึ่งบริษัท อสมท. เป็นบริษัทที่ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ทำให้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 วงเล็บ 3 ที่บัญญัติว่า บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งวงเล็บ 3 บัญญัติเพิ่มเติมว่า “เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ”

ข่าวที่น่าสนใจ

ซึ่งสุดท้ายแล้วคดีนี้ศาลชั้นต้น ได้พิพากษาจำคุกนายสุรโชคเป็นเวลา 1 ปี 9 เดือน แต่จำเลยรับสารภาพ ลดโทษเหลือครึ่งหนึ่ง และให้รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท พร้อมกับตัดสิทธิ์ทางการเมือง 20 ปี

 

 

 

ขณะที่กรณีของนายพิธา ถือหุ้นสื่อไอทีวีจำนวน 42,000 หุ้นนั้น ชัดเจนว่าไอทีวียังประกอบธุรกิจและแจ้งงบการเงิน ปี 2565 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าซึ่งเป็นปีล่าสุดว่า บริษัทมีรายได้รวม 19,863,244 บาท และรายจ่ายรวม 9,191,619 บาท จ่ายภาษีเงินได้ 2,142,305 บาท และผลประกอบการมีกำไรสุทธิ 8,524,445 บาท อีกทั้งจากเอกสารการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 มีการสอบถามว่า บริษัท ไอทีวี มีการดำเนินงานเกี่ยวกับสื่อหรือไม่ โดยทางบริษัทได้ตอบในที่ประชุมว่า ปัจจุบันบริษัทยังดำเนินกิจการอยู่

 

 

 

 

 

และล่าสุดนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยังเปิดเผยอีกว่า นายพิธาได้รับหุ้นไอทีวีจากบิดามาตั้งแต่ปี 51 จนถึงปัจจุบัน แต่ไม่ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.ทันทีขณะรับตำแหน่ง ส.ส.ในปี 62 โดยเป็นการมาแจ้งเพิ่มเติมในภายหลัง ซึ่งนายเรืองไกรยังตั้งข้อสังเกตว่า หากจะบอกว่าอยู่ในสถานะ “ผู้จัดการมรดก” เว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าก็ระบุชัดเจนว่า ต้องเขียนวงเล็บ “(ในฐานะผู้จัดการมรดกของ…)” ไว้ในรายชื่อผู้ถือหุ้น

แต่เมื่อดูหลังชื่อของนายพิธา ไม่มีวงเล็บไว้ และไม่ว่าจะถือกี่หุ้น ถือมากหรือน้อย มันก็คือมีหุ้นสื่อ ดังนั้นนายพิธาขาดสภาพความเป็น ส.ส. นับย้อนไปตั้งแต่ปี 62 ที่มีหุ้นอยู่แล้ว แต่มาลงสมัคร ทั้งนี้ต้องดูว่าศาลจะวินิจฉัยเรียกเงินคืนหรือไม่ ส่วนเด้งที่สอง อาจส่งผลไปถึง ส.ส.ของพรรคก้าวไกลที่ได้รับเลือกตั้งในสมัยนี้ทั้งหมด เพราะนายพิธา เป็นคนเซ็นรับรองให้ลงสมัครในขณะที่ตัวเองขาดคุณสมบัติ ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่าศาลจะวินิจฉัยอย่างไรต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น