นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค เปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า สถานการณ์ติดเชื้อโควิด-19 ในระลอกการระบาดเดือนเมษายนจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะวันนี้มีผู้เสียชีวิต 312 คน ซึ่งจำนวนนี้ได้ถูกตรวจสอบเฉลี่ย 7 วันย้อนหลัง ซึ่งเป็นยอดผู้เสียชีวิตตกหล่น แล้วมีการตรวจสอบ 212 คน โดยมีผู้เสียชีวิต 50 คน ที่เสียชีวิตก่อนเดือนสิงหาคม และ อีก 50 คน เสียชีวิตช่วงต้นเดือนสิงหาคม จนถึงปัจจุบัน ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 8,191 คน
ขณะเดียวกัน ผู้เสียชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลมากที่สุด เป็นชายมากกว่าหญิง ชาย 174 คน หญิง 138 คน ช่วง อายุมีตั้งแต่ 28 ปี ถึง 102 ปีในจำนวนผู้เสียชีวิต ตัวเลขผู้สูงอายุมีอายุ 60 ปีขึ้นไปมีถึง 194 คน คิดเป็นร้อยละ 62 และอายุน้อยกว่า 60 ปีมีโรคเรื้อรัง 77 คน คิดเป็นร้อยละ 24 ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 41 คน คิดเป็นร้อยละ 13 ในส่วนนี้มีอายุ 28 ถึง 59 ปี โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตวันนี้ มีบุคลากรด้านหน้าเสียชีวิต 1 คน เจ้าหน้าที่เวรเปล โรงพยาบาลแม่สอด มีโรคประจำตัว ซึ่งยังไม่ได้รับวัคซีน
สำหรับ ปัจจัยเสี่ยงนำไปสู่การเสียชีวิต คือ มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคไต อ้วน ติดเตียง โดย พบ เสียชีวิตที่บ้าน 3 ราย และมีประวัติเสี่ยงไปพื้นที่ระบาด 139 คนติดมาจากคนรู้จัก 90 คน และติดจากคนในครอบครัว 47 คน ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิต 312 คน มี 147 คน ยังไม่ได้รับวัคซีน คิดเป็นร้อยละ47 โดยได้รับวัคซีนโควิด1เข็ม มี 33 คน มี 132 คน ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล คิดเป็นร้อยละ 42 โดยไม่มีรายได้เลยที่ได้รับวัคซีนโควิดครบ 2 เข็ม ซึ่งวัคซีนทุกชนิดที่มีอยู่ในขณะนี้ หลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ เพราะยังไม่สามารถป้องกันเชื้อได้ 100%
นพ.เฉวตสรรต ระบุอีกว่า ตอนนี้ต้องยกระดับ การป้องกันการติดเชื้อโควิดตลอดเวลา สิ่งสำคัญ คือการระมัดระวังป้องกันตนเองตลอดเวลา ทุกคนขอให้คิดเสมอว่าคนรอบตัวเราทุกคนไม่ว่าจะสนิทหรือไม่สนิท อาจมีการติดเชื้อแฝงอยู่ได้ การป้องกันจะช่วยให้ปลอดภัยไม่ติดเชื้อ