หลังจากที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้จับมือ 8 พรรร่วม จัดตั้งรัฐบาล โดยมีบันทึกข้อตกลงของ 8 พรรคร่วมจะมีถึง 23 ข้อ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 นั้น ทีมเจรจาระบุว่า จะใช้กลไกของพรรคก้าวไกลผลักดันต่อในสภา แต่ MOU เขียนชัดเจนว่า พระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ เป็นข้อเท็จจริงว่า ขณะนี้การทำบันทึกข้อตกลงของว่าที่รัฐบาลใหม่ ยังไม่มีมรรคผลในทางปฎิบัติ
ขณะที่ในเพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความเรื่อง MOU ไม่ใช่ทั้งหมดที่รัฐบาลก้าวไกลจะทำ โดยระบุว่า วันที่ 22 พฤษภาคม 2566 พรรคร่วมรัฐบาลได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ประกาศวาระที่ทุกพรรคเห็นตรงกัน จะผลักดันร่วมกัน และรับผิดชอบร่วมกัน แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่รัฐบาลก้าวไกลจะทำตลอดวาระ 4 ปีของการเป็นรัฐบาล เรายังมีอีก 2 ช่องทางในการผลักดันกว่า 300 นโยบาย ให้เป็นจริงตามที่เราหาเสียงไว้ คือ
– การใช้อำนาจบริหารผลักดันนโยบายผ่านกระทรวงต่างๆ ซึ่งต้องรอการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้งว่าพรรคไหนจะรับผิดชอบกระทรวงใด และวาระของแต่ละกระทรวงจะมีอะไรบ้าง
– การผลักดันกฎหมายผ่านรัฐสภา โดยผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล ซึ่งในจำนวนกฎหมาย 45 ฉบับที่เราเตรียมยื่นต่อสภา มีหลายฉบับที่มีวาระปรากฏอยู่ใน MOU แล้ว เช่นสุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม ยกเลิกเกณฑ์ทหาร เป็นต้น
พรรคก้าวไกลยืนยันว่า เราจะทำงานอย่างสุดความสามารถ เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้มีการเมืองที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน มีสังคมที่เท่าเทียม เศรษฐกิจเติบโตอย่างเป็นธรรม มีระบบการบริหารราชการที่โปร่งใส มีนิติรัฐ นิติธรรม