“ดร.สมเกียรติ” รับไม่สบายใจ “พิธา” จ้อสื่อนอก ท้าทายคนไทย คิดเรื่องสถาบันฯไปไกลกว่าแค่แก้ม. 112

"ดร.สมเกียรติ" รับไม่สบายใจ "พิธา" จ้อสื่อนอก ท้าทายคนไทย คิดเรื่องสถาบันฯไปไกลกว่าแค่แก้ม. 112

วันที่ 22 พ.ค. 66 ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักสื่อสารมวลชนชื่อดัง กล่าวในรายการโลกยามเช้า ทาง 96.5 FM คลื่นความคิด ถึงกรณีการให้สัมภาษณ์ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 ที่นายพิธาประกาศชัยชนะในการเลือกตั้ง ส.ส.พร้อมกับตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่างชาติเป็นภาษาอังกฤษ

ซึ่งดร.สมเกียรติ ชื่นชมนายพิธามีความสามารถและกล้าตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษ โดยที่ไม่ต้องมีสคริปต์ อย่างไรก็ตามมีความเป็นห่วงในหลายประโยคที่นายพิธาตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมกับยกตัวอย่างประโยคการตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษของนายพิธาที่ฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจ อาทิ

นายพิธากล่าวว่า “The people of Thailand have already spoken their wish and I’m ready to be the prime minister for all wheather you agree with me or you disagree with me” ซึ่งดร.สมเกียรติ ระบุว่า เป็นการบอกว่าคุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับผม ผมก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีของคุณ มีอะไรหรือเปล่า เป็นการท้าทายประมาณนั้นเลย ฉะนั้นครั้งหน้านายพิธาควรเขียนสคริปต์ หรือท่องไว้ แม้นายพิธาใช้ภาษาอังกฤษได้ดี แต่ภาษาอังกฤษทางการเมืองยังไม่ดี

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายพิธากล่าวว่า “and how we should move forward in terms of relationship between the monarchy and the mass” ซึ่งดร.สมเกียรติ เห็นว่า นายพิธาลุยเลย ต้องการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับมวลชน ตรงนี้ตนคิดว่ามันแรงและชัดเจน อีกทั้งความจริงแล้ว เอาประเพณีอังกฤษดีกว่า อังกฤษอยู่มาเป็นพันปีกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ใครประท้วงอยู่ข้างนอกก็ว่าไป แต่มีประเพณีว่านายกรัฐมนตรีจะเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์ทุกสัปดาห์ คุยเรื่องบ้านเมืองกับพระเจ้าอยู่หัวทุกสัปดาห์ และพูดอะไรไปต้องไม่บอกใครทั้งสิ้น เป็นความลับระหว่างพระเจ้าแผ่นดินกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนงดงาม

 

นายพิธา กล่าวว่า “and then we’ll resolve this vonflict(วอนฟลิค) going forward on how the role of the monarchy should be in the 21st century Thailand” ซึ่งดร.สมเกียรติ กล่าวว่า ตรงนี้ก็ทำให้ตนนอนไม่หลับ เพราะนายพิธาบอกว่า เราจะแก้ความขัดแย้งนี้เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้า และจัดการในเรื่องบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ ควรจะเป็นอย่างในประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 นายพิธาพูดเหมือนกับว่าจะไปจัดการด้วยกฏหมาย โดยไม่รู้คุยกับใคร และตอนนี้นายพิธาไม่ได้พูดถึงเรื่อง112 แต่เป็นการเสนอว่าจะเปลี่ยนทั้งหมดที่ว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย ให้มันเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 โดยตนไม่รู้ว่าศตวรรษที่ 21พระเจ้าแผ่นดินจะเป็นอย่างไร

ซึ่งช่วงที่ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ขึ้นครองราชย์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีได้ถามพระองค์ว่า เป็นพระเจ้าแผ่นดินต้องทำอะไรบ้าง ในหลวง รัชกาลที่ 9 ตอบว่า ตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องทำอะไรบ้าง แต่ทุกเช้าตื่นขึ้นมา ออกไปทำให้มันดีที่สุด นั่นหมายความว่า มันไม่มีมาตรฐานสากลในโลก ว่าพระเจ้าแผ่นดินในประเทศทั้งหลายต้องทำยังไง มันสุดแต่ประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการ รวมถึงวัฒนธรรมอันยาวนานหรือไม่ยาวนานของแต่ละประเทศ ที่มีระบอบการปกครองที่เริ่มต้นด้วยการมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแบบเบ็ดเสร็จ และมาเป็นประมุขอยู่ภายใต้ประชาธิปไตย ดังนั้นนายพิธาคิดไกลมากกว่าการแก้ไขมาตรา 112 ฉะนั้นนายพิธาต้องอธิบาย ไม่วันนี้ก็วันหน้า นอกจากนายพิธาจะเลิกพูดเรื่องนี้

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น