“บิ๊กตู่” กำชับเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเหตุวาตภัย จ.พิจิตร ยันรัฐบาลไม่ทอดทิ้ง สั่งถอดบทเรียน ต้องพร้อมสแตนบายทุกพื้นที่

"บิ๊กตู่" กำชับเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเหตุวาตภัย จ.พิจิตร ยันรัฐบาลไม่ทอดทิ้ง สั่งถอดบทเรียน ต้องพร้อมสแตนบายทุกพื้นที่

วันที่ 24 พ.ค. เวลา 10.20 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธ์สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอนุชา บูรพชัยศรี นางสาวทิพานันท์ ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายเสกสกล อรรถาวงศ์ เดินทางตรวจราชการ จังหวัดพิจิตร เพื่อติดตามสถานการณ์ เหตุวาตภัย ที่ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ และให้ความช่วยเหลือสาธารณภัย วาตภัย ณ โรงเรียนวัดเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร โดยมีผู้เสียชีวิต 7 ราย ได้รับบาดเจ็บ 18 คน สำหรับที่อำเภอสามง่ามมีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 3 ตำบล คือ เนินปอ รังนก กำแพงดิน กว่า 408 หลังคาเรือน

เวลา 10.25 พลเอกประยุทธ์ เดินทางด้วยรถ Toyota Alphard หมายเลขทะเบียน 1 ขศ 87 กรุงเทพ พร้อมคณะ เดินทางถึงโรงเรียนวัดเนินปอ จ.พิจิตร โดยทันทีที่มาถึง นายกรัฐมนตรี ได้ตรวจจุดเกิดเหตุบริเวณลานสนามฟุตบอล และดูสภาพความเสียหายของโรงเรียน โดยได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้ถอดบทเรียน และกำชับเรื่องการดูแลเยียวยา หากส่วนไหนทางจังหวัดไม่สามารถดำเนินการได้ ก็ให้ร้องขอมาทางส่วนกลาง ทั้งนี้เบื้องต้นได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหารและตำรวจ ฟื้นฟูดูแลโดยเร็วที่สุด

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังบรรยายสรุป จากกองอำนวยการร่วมช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย โดยระบุ วันนี้ ตนมาดูความเดือดร้อนต่าง ๆ เพื่อรับทราบในสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ ซึ่งทราบว่ามีการประกาศภัยพิบัติตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงมหาดไทยแล้ว ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียสิ่งเหล่านี้ไม่มีใครอยากให้ใครเกิดขึ้น ในส่วนความช่วยเหลือ ขอย้ำให้รวดเร็วที่สุด ส่วนเรื่องการซ่อมบ้านต่าง ๆ ตำรวจ ทหาร ต้องเข้ามาช่วยกัน พร้อมขอให้กองอำนวยการร่วม ติดตามขั้นตอนการช่วยเหลือ จนกว่าสถานการณ์จะเรียบร้อย โดยขอสั่งการในเชิงนโยบายวันนี้ ให้ติดตามพื้นที่ความเสี่ยงในทุกพื้นที่ ทุกอย่าง เมื่อมีเหตุ ก็ต้องมีวิธีการบริหารต่อไป จะต้องมีการสแตนบายของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งเข้าช่วยเหลือไม่ใช่เกิดแล้วเพิ่งเรียกมา ต้องมีช่องทางการสื่อสาร สิ่งสำคัญความพร้อม ของส่วนอำนวยการผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้องมีแผนขั้นต้นว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภัยพิบัติ จังหวัดเคยมีอะไรบ้าง ทั้งน้ำท่วม ฝนแล้ง อุทกภัย สาธารณภัย ทั้งหมดจะต้องมีแผนสำรองไว้ ทั้งระดับ 1 ระดับ 2 และระดับ 3

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ดูแลทุกอย่างในการช่วยเหลือ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง นี่คือสถาบัน ที่ สร้างขวัญกำลังใจ ของพวกเราทุกคนซึ่งต้องอยู่ด้วยความรักความสามัคคี ตนเสียใจกับผู้สูญเสีย ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ก็ต้องมาดูแล ซึ่งไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ขอให้ กระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้น พวกท่านอยู่ยาวนาน บ้านเมืองต้องอยู่ รัฐบาลมาเดี๋ยวก็ไป

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เดินพบปะให้กำลังใจ ประชาชน และ นักเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุวาตภัย โดยมีกลุ่มประชาชนและเด็กเล็ก ตะโกนเชียร์ เสียงดัง ว่า เรารักลุงตู่ ด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการลงพื้นที่ให้กำลังใจประชาชนวันนี้ มีนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. มาร่วมคณะพร้อมพลเอกประยุทธ์ ด้วย โดยเจ้าตัว ระบุว่า มาในฐานะคนในพื้นที่

จากนั้นพลเอกประยุทธ์ ได้เดินทางมาให้กำลังใจประชาชน ภายในศาลาวัด พร้อมกล่าวว่า ในนามนายกรัฐมนตรี มาเยี่ยมเยียนติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น วันนี้มาพบทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐมนตรีมหาดไทย รัฐมนตรีกระทรวงศึกษา ในนามรัฐบาลและประชาชนทั้งประเทศ ขอแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เราเรียกกลับมาไม่ได้คือชีวิต ซึ่งก็ต้องอุทิศส่วนกุศลทำพิธีให้อย่างสมเกียรติ และอีกกลุ่ม คือ คนบาดเจ็บ หนักบ้างเบาบ้าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในส่วนรัฐบาล มีงบประมาณจากสำนักนายกรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ ขอให้ใช้อย่างเป็นประโยชน์มากที่สุด เพราะแลกมาด้วยความสูญเสียหลายอย่าง ขอให้ใช้อย่างประหยัดที่สุด ในการดูแลซ่อมสร้างบ้านเรือนต่าง ๆ ให้เกิดความแข็งแรง และกลับมาเหมือนเดิม ทั้งนี้ได้สั่งให้ ทหารมาดูแล

“ในฐานะนายกฯ ก็ต้องคิดว่าสถานการณ์จะเกิดขึ้นอีกไหม มันน่าจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล เพราะโลกเปลี่ยนแปลง เคยพูดไปแล้ว นี่คือสภาวะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง อะไรไม่เคยรุนแรงก็จะรุนแรง อะไรไม่เคยเกิดก็จะเกิด เพราะวันนี้โลกมีปัญหาเรื่องโลกร้อน ตนพูดมาพอสมควร ซึ่งเราจะต้องดูแลรักษา ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าดูแลรักษาโลกไปด้วย นั่นคือสิ่งที่ขอฝากพวกเราทุกคน รัฐบาลไม่เคยละทิ้งความห่วงใย ที่มีให้กับประชาชน ไม่ว่าจะมีรายได้เท่าไหร่ก็ตาม ซึ่งต้องดำรงชีวิตอยู่อย่างพอเพียงให้ได้ แล้วจะมีการพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้น ลูกหลานครอบครัวจะต้องมีความมั่นคงแข็งแรง เข้มแข็ง ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของประเทศไทย ขอฝากพวกเราช่วยกันดูแลอย่างดีที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ ที่เตรียมความพร้อมไว้อย่างดี เหลืออย่างเดียวคือการปฏิบัติ วันนี้คนไทยต้องรักกัน ดูแลกัน จะต้องไม่แตกแยกกัน นี่คือประเทศไทยของเรา และเนื่องจากวันนี้ ยังมีปัญหาในเรื่องของกฎหมายอยู่เรื่องการแจกของต่าง ๆ จะให้ทางปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ในการมอบของใช้ที่จำเป็น ถุงยังชีพ อย่างน้อยมีข้าวปลาอาหารกิน เงินทองก็จะทยอยเบิกมาได้ สั่งไปหมดแล้ว หากติดขัดอะไรต่าง ๆ ก็ประสานกันให้ดี หากทุกคนมีหลักฐาน ก็จบ เพราะเรามีการเดินสำรวจอยู่แล้ว ขอให้ทุกคนซื่อสัตย์กับตัวเอง โอเคนะ รักทุกคนเหมือนเดิม ยิ่งเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ยิ่งรักมากกว่าเดิม เพราะคนไทยหัวใจเดียวกัน ความรักความสามัคคี และความห่วงใย มีอุดมการณ์ในทางที่ดีถูกต้อง ขอบคุณทุกคนอีกครั้ง ขออย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในพื้นที่อื่น หรือที่ใดก็ตาม ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งจะต้องระมัดระวัง ในโอกาสต่อไป ขอบคุณท้องถิ่นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ปภ.ต่าง ๆ ในพื้นที่ กรมสุขภาพจิต ใครคิดอะไรไม่ออกก็ปรึกษากรมสุขภาพจิต เขาจะพูดให้เรารู้สึกสงบขึ้น โรงเรียนจะหาวิธีการทำอย่างไรให้ได้เรียนได้สอนต่อ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ได้มาดูแล้ว วันนี้บินมาก็เห็นน้ำท่าดี แต่ปัญหาคือ สินค้าด้านการเกษตรเรามีกำลังขายแต่กำลังซื้อ ไม่เพียงพอ ซึ่งรัฐบาลจะเข้ามาช่วยในสิ่งที่ทำได้ ไม่ทอดทิ้งพวกเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ข่าวที่น่าสนใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักปลัด สำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้มอบถุงยังชีพแทนเนื่องจากช่วงนี้ ยังไม่รับรองผลการเลือกตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง

จากนั้นเวลา 11.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปเยี่ยมบ้านครอบครัวของผู้เสียขีวิต ณ บ้านเลขที่ 5 และบ้านเลขที่ 116/5 หมู่ที่ 18 ตําบลเนินปอ อําเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร และได้เข้าเคารพศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีเยี่ยมบ้านเรือนและทักทายประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์วาตภัยในบริเวณใกล้เคียงด้วย

ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปเยี่ยมผู้ประสบภัยจากสถานการณ์วาตภัย ณ โรงพยาบาลพิจิตร จังหวัดพิจิตร โดยนายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมผู้ป่วยที่ยังพักรักษาตัวอยู่ ณ หอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง ชั้น 3 จำนวน 2 ราย และหอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูก ชั้น 2 จำนวน 2 ราย นายกรัฐมนตรีให้กำลังใจแก่ครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บพร้อมขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นและหายป่วยในเร็ววัน ขอให้ญาติและครอบครัวมีกำลังใจที่ดี ในส่วนของการดูแลช่วยเหลือเยียวยาขอให้หน่วยงานประสานดูแลให้ครบถ้วนและดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐบาลได้มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย จากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ดังนี้
1) ค่าจัดการศพ รายละ 50,000 บาท
2) เงินทุนเลี้ยงชีพ สำหรับครอบครัวผู้เสียชีวิต 30,000 บาท และครอบครัวผู้เสียชีวิตที่มีบุตรอายุไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์ อีกครอบครัวละ 50,000 บาท
สำหรับผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สาธารณภัยทั่วไป จะได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี โดยผู้บาดเจ็บสาหัส รายละ 30,000 บาท และผู้บาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 15,000 บาท ทั้งนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างรอข้อมูลสรุปรายละเอียดผู้บาดเจ็บจากทางจังหวัดพิจิตร เพื่อนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเงินกองทุนช่วยเหลือฯ พิจารณาจ่ายเงินให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บต่อไป

ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 10,000 บาท (จ่ายแล้ว) และเงินช่วยเหลือสำหรับผู้บาดเจ็บสาหัส รายละ 5,000 บาท ผู้บาดเจ็บ รายละ 3,000 บาท อยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการจะมอบเงินช่วยเหลือเฉพาะนักเรียน โดยจะมีการพิจารณาทบทวนการมอบเงินช่วยเหลือให้ครอบครัวอีกครั้ง


พร้อมกันนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดพิจิตร มอบเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ดังนี้
1) ค่าสะเทือนใจ รายละ 2,300 บาท
2) ค่าทำศพ รายละ 29,700 บาท
3) ในกรณีที่ผู้เสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือเป็นผู้ที่ทำงานเลี้ยงดูครอบครัวเป็นหลัก มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวเพิ่มให้อีก 29,700 บาท
4) ผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เกิน 3 วัน มอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมรายละ 4,000 บาท

นอกจากนี้ ภาคราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม องค์กรการกุศล มูลนิธิต่าง ๆ ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยเพิ่มเติม ทั้งในเรื่องของสถานภาพความเป็นอยู่ การเยียวยาด้านจิตใจ รวมถึงการฟื้นฟูสถานที่เกิดเหตุเพื่อให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
จีนเตือนสหรัฐกำลังเล่นกับไฟหลังส่งอาวุธให้ไต้หวัน
อิลอน มัสก์วิจารณ์แรงผู้นำเยอรมันเหตุโจมตีตลาดคริสต์มาส

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น