AFP รายงานว่าดร.วิเวก เมอร์ธี นายแพทย์ใหญ่ของสหรัฐออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้โดยได้เตือนพ่อแม่ผู้ปกครองให้ตระหนักถึงภัยจากการใช้โซเชียล มีเดียในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยกล่าวว่าพบหลักฐานหลายอย่างที่เพิ่มขึ้นและชี้ชัดมากขึ้นว่าโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อภาวะจิตใจของเด็ก และว่าแม้จะมีข้อดีที่ช่วยให้เด็กและเยาวชนสามารถเชื่อมโยงกับคนอื่นๆและได้เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนต่างๆที่มีความคิดใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม โซเชียลมีเดียมีคอนเท้นท์หรือเนื้อหาจำนวนมากที่รุนแรง, ไม่เหมาะสมและเป็นอันตราย ซึ่งทำให้เด็กและวัยรุ่นมองการทำร้ายตัวเองและการฆ่าตัวตายเป็นเรื่องปกติธรรมดา
เนื้อหาที่อันตรายเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบทำให้เกิดความผิดปกติด้านการกิน, ซึมเศร้า, มีประสบการณ์หรือพบเห็นการบูลลี่ในโลกโซเชียล ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่เด็กและเยาวชนกำลังมีพัฒนาการด้านสมองและความคิด ซึ่งข้อมูลของสำนักงานด้านสุขภาพและการบริการด้านมนุษย์ของสหรัฐชี้ว่าร้อยละ 95 ของเยาวชนอเมริกันใช้โซเชียล มีเดีย ซึ่งมีจำนวนใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆทั่วโลก และมากกว่า 1 ใน 3 มีการใช้อย่างต่อเนื่องและเกือบตลอดเวลา
ในแถลงการณ์ดังกล่าว หมอเมอร์ธีได้เรียกร้องสมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐให้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและออกกฎหมายคุมเข้มโซเชียลมีเดียมากขึ้น รวมทั้งเรียกร้องให้ผู้บริการโซเชียลมีเดีย แพล็ตฟอร์มทั้งหลายให้ประเมินผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน รวมทั้งแชร์ข้อมูลผลประเมินกับผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ก็แนะนำพ่อแม่ผู้ปกครองให้จัดโซนเทคฟรี หรือโซนปลอดโซเชียล มีเดียในบ้าน และส่งเสริมให้มีการพูดคุยสนทนาแบบซึ่งๆหน้ามากขึ้น รวมทั้งให้ความรู้แก่เด็กๆด้วยการทำให้เห็นเป็นแบบอย่างถึงการใช้โซเชียลที่ถูกต้องและรับผิดชอบ
แถลงการณ์ของผู้เชี่ยวชาญสหรัฐมีขึ้นท่ามกลางความพยายามของเจ้าหน้าที่รัฐที่กำลังหาทางออกกฎควบคุมโซเชียลมีเดียทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยรัฐยูท่าห์ออกกฎหมายควบคุมการใช้โซเชียล มีเดียในเด็กและเยาวชนเป็นรัฐแรก โดยกำหนดให้เด็กๆต้องขออนุญาตพ่อแม่ในการเปิดบัญชีโซเชียล มีเดีย ขณะที่รัฐมอนทาน่าก็ออกกฎหมายแบน TikTok ในระดับประชาชนเป็นรัฐแรก ทั้งนี้หมอเมอร์ธีกล่าวว่าสหรัฐกำลังประสบภาวะวิกฤติด้านสุขภาพจิตในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งมีโซเชียลมีเดียเป็นตัวการสำคัญ