“ก้าวไกล-เพื่อไทย” ร้าวลึกศึกชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ

ก้าวไกล-เพื่อไทยเปิดศึกชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ซัดกันนัวไม่มีใครยอมใคร จับตาแตกหักถึงขั้นถอนตัวร่วมรัฐบาลหรือไม่หากเพื่อไทยไม่สมหวัง พร้อมเจาะลึกตำแหน่งประธานรัฐสภาสำคัญเพียงใด

กลายเป็นปัญหาน้ำผึ้งหยดเดียวหรือไม่ สำหรับความขัดแย้งระหว่างพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย ที่ตอนนี้กำลังเปิดศึกช่วงชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานรัฐสภา กันอย่างดุเดือด ซึ่งก่อนหน้านี้นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และอดีตผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัวโดยระบุชัดเจนว่าตำแหน่งประธานประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นของพรรคก้าวไกลจะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด

โพสต์ของนายปิยบุตร ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า “การเจรจาต่อรองของพรรคก้าวไกล จะต้องไม่ไปถึงขนาดที่ยกตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรให้กับ ส.ส.พรรคอื่น เพราะนโยบายของพรรคก้าวไกลที่ใช้รณรงค์หาเสียงได้คะแนนมากกว่า 14 ล้านเสียง หลายเรื่องต้องผลักดันผ่านสภา ต้องตราเป็นพระราชบัญญัติ จึงจำเป็นต้องมี ส.ส.ของพรรคทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อคุมวาระและญัตติ กล่าวจำเพาะกรณีการนิรโทษกรรมในคดีความผิดเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไข ป อาญา มาตรา 112 ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้ไม่อยู่ใน MOU และไม่อยู่ในวาระร่วมหรือนโยบายของรัฐบาลแน่ๆ พรรคก้าวไกลก็ต้องใช้กลไกสภาในการผลักดัน หากไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรมา ก็อาจประสบปัญหาอุปสรรค เรื่องหวังว่าพรรคก้าวไกลจะพิจารณาประเด็นนี้ให้ถ้วนถี่

 

เช่นเดียวกับนายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ที่ออกมาขานรับแนวคิดของนายปิยบุตรทันทีว่า “พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งเป็นลำดับที่ 1 จะขอตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย เพื่อผลักดันกฎหมายต่างๆ พรรคก้าวไกลยืนยันว่า ตำแหน่งดังกล่าว ทางพรรคต้องขอเอาไว้เอง”

 

 

แม้นายปิยบุตร และรังสิมันต์ โรมจะมีจุดยืนในเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรอย่างชัดเจน แต่ในฟากฝั่งของพรรคเพื่อไทยออกมาตอบโต้ประเด็นดังกล่าวในทันที โดยมองว่า ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย โดยนายอดิศร เพียงเกษ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย จัดชุดใหญ่ไปถึงนายปิยบุตร และพรรคก้าวไกลว่า ก้าวไกลจะกินรวบแบบนั้นไม่ได้ ความจริง 152 เสียง ยังไม่เกินครึ่ง ถ้าอยากได้ตำแหน่ง ต้องทำให้ได้ 377 เสียงเหมือนพรรคไทยรักไทยในอดีต จึงต้องดูปอนด์ต่อปอนด์

“ผมมองว่า บุคลากรของพรรคเพื่อไทยมีความเหมาะสมกับตำแหน่งประธานสภาฯมากกว่า คิดว่าตำแหน่งนี้ควรไปโหวตในสภา เมื่อฝ่ายบริหารเราได้คนหนุ่มแล้ว แต่ฝ่ายนิติบัญญัติ ผมคิดว่า พรรคก้าวไกลไม่ควรกินรวบ เล่นสลากกินแบ่งเป็นหรือไม่ แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ถ้าหากพรรคเพื่อไทยไม่เดินไปกับพรรคก้าวไกล คุณจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้อยู่ดี ผมขออนุญาตสอนนายปิยบุตรในฐานะรุ่นน้องที่ต่างเคารพนับถือซึ่งกัน ถ้าจะเป็นรัฐบาลอย่าห่วงเรื่องเล็ก” นายอดิศร กล่าว

 

 

ไม่แตกต่างกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มองว่า โพสต์ของนายปิยบุตรเป็นการกดดันเพื่อปิดช่องไม่ให้พูดคุยกัน โดยระบุว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นของคนที่จะถือว่าเป็นคนทั่วไปก็ได้ หรือเป็นคนที่เกี่ยวข้องโดยตรงหรือทางอ้อมก็ได้แล้วแต่ ซึ่งเรื่องตำแหน่งต่าง ๆ ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งการออกมาพูดเช่นนั้น อาจทำให้บรรยากาศของการทำงานร่วมกัน เจรจาพูดคุยกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยเฉพาะเป้าหมายแรกต้องเลือกนายกฯ ให้ได้ในที่ประชุมร่วมรัฐสภา เสมือนมีการกดดัน ปิดช่องให้ไม่มีการพูดคุยกัน ดูแล้วไม่ค่อยบวกเท่าไหร่

 

การออกมาเปิดศึกชิงเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล และเพื่อไทยในเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะความคิดเห็นของนายปิยบุตรที่ประกาศชัดเจนว่า พรรคก้าวไกลต้องได้ตำแน่งดังกล่าวเท่านั้น ซึ่งเสียงของนายปิยบุตรสะท้อนเจตจำนงค์ของพรรคก้าวไกลอย่างชัดเจน แม้ในฉากหน้านายปิยบุตรจะเป็นเพียงเลขาธิการคณะก้าวหน้า และอดีตผู้ชวยหาเสียงของพรรคก้าวไกล แต่ในทางปฏิบัติเป็นที่รับรู้กันดีว่า นายปิยบุตรถือเป็นโปลิตบูโร และถือเป็นหนึ่งในคณะบุคคลผู้มีอำนาจในการกำหนดยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลอย่างมิอาจปฏิเสธได้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะเดียวกันการออกมาเปิดหน้าสู้ของนายอดิศร และ น.พ.ชลน่าน ที่ไม่ยอมยกตำแหน่งประธานรัฐสภาให้กับก้าวไกลง่าย ๆ ถือเป็นการแสดงจุดยืนที่แฝงนัยนะชัดเจนว่า หากก้าวไกลไม่ยอมถอยงานนี้อาจมีพังกันไปข้าง โดยเฉพาะคำพูดของนายอดิศรที่ระบุว่า ถ้าหากพรรคเพื่อไทยไม่เดินไปกับพรรคก้าวไกล คุณจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้อยู่ดีนั้น จึงอาจประมาณได้ว่า หากก้าวไกลไม่ยอม เพื่อไทยจะถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นไปได้

เกี่ยวกับการตำหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น ก่อนหน้านี้มีข่าวพรรคก้าวไกลจะเสนอชื่อนายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลใหดำรงตำแหนงดังกล่าว เนื่องจากมองว่าเป็นผู้ที่เหมาะสม เพราะมีความแม่นยำในเรื่องข้อกฎหมาย โดยนายณัฐวุฒิจบการศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ,ปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต คหกรรมศาสตรบัณฑิต รัฐศาสตรบัณฑิต รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโชทัยธรรมาธิราช และปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง

 

ขณะที่พรรคเพื่อไทยแม้ยังไม่ได้กำหนดผู้จะมาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรแข่งกับพรรคก้าวไกล แต่ฟากของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนโดดเด่น โดยเฉพาะนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษาด้านกฎหมายของพรรคเพื่อไทย โดยในอดีตเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช

นอกจากนี้ยังมีนายสุชาติ ตัณเจริญ ที่เคยดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรในรัฐบาลพลังประชารัฐ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทยก็น่าจะมีความเหมาะสมเช่นกัน ซึ่งในรัฐบาลพลังประชารัฐนายสุชาติถูกวางตัวให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่เนื่องจากการต่อรองกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อร่วมรัฐบาล ทำให้ตำแหน่งประธานรัฐสภาตกไปอยู่ในโควต้าของประชาธิปัตย์ ส่งผลให้นายชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาในเวลาต่อมา

หลายคนอาจตั้งคำถามว่าตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรสำคัญอย่างไรทำไมพรรคการเมืองถึงได้หมายปองกันนัก

สำหรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นประธานรัฐสภาด้วยอีกตำแหน่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยบทบาทแรกที่ชัดเจน คือ การเป็นผู้นำชื่อนายกรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อพระมหากษัตริย์ หลังที่ประชุมรัฐสภาลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ

ขณะเดียวกันหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎร มีความสำคัญในฐานะผู้กำกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยประธานสภาฯ จะเป็นผู้วินิจฉัยอนุญาต หรือจำกัดการอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในสภา ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติรายจ่ายงบประมาณประจำปี หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี แม้ว่าข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะเขียนไว้ชัดเจนว่าประธานสภาฯ ซึ่งเป็นประธานของที่ประชุม “ต้องวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่” แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายครั้งทำให้เกิดความ “ได้เปรียบ-เสียเปรียบ” ระหว่างพรรคการเมืองแต่ละฝ่ายระหว่างที่มีการประชุมหรืออภิปราย

 

นอกจากนี้ประธานรัฐสภายังหน้าที่และอำนาจอื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ เช่น การบรรจุญัตติเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม โดยตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ญัตติทั้งหลายต้องเสนอต่อประธานสภาฯ เช่นเดียวกันในส่วนของญัตติด่วน ประธานสภาฯ จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าเป็นญัตติด่วนหรือไม่

ยกตัวอย่างเช่นในสภาฯ ชุดที่ผ่านมา มีญัตติหลายประเด็น ที่ไมได้เข้าสภา เช่น พรรคก้าวไกล โดย ส.ส. 44 คน ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เสนอแก้ไขกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก 5 ฉบับ หนึ่งในนั้นคือ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่กลับถูกโต้แย้งโดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และประธานสภาผู้แทนราษฎรว่ามีบทบัญญัติอาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ที่บัญญัติว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ เป็นต้น

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยจะไม่มีใครยอมใคร เพราะตำแหน่งดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่ง และอาจเป็นประตูก้าวแรกที่ทำให้ก้าวไกล และเพื่อไทยก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ก็เป็นไปได้….

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ฮีโร่โอลิมปิคเหรียญทองน้องอร “ฉายาสู้โวย” ร่วมแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ในงานกีฬาประจำปีอบต.ไทยสามัคคี พร้อมลงแข่งขันตีกอล์ฟบก สร้างความสนุกสนานเฮฮา
"สธ." ยันพบชาวเมียนมา ป่วยอหิวาฯ รักษาฝั่งไทย 2 ราย อาการไม่รุนแรง
สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น