เปิด 10 วิธีรับมือ เมื่อลูกโดน "บูลลี่" แนะพ่อแม่ทำความเข้าใจ เพราะ ความเจ็บปวดทางใจไม่ใช่เรื่องเล็ก
ข่าวที่น่าสนใจ
ปัจจุบัน มีเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดจากการถูก “บูลลี่” ในหลายรูปแบบและรุนแรงเพิ่มขึ้น ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการบูล ลี่กันเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก มีการศึกษาพบว่า การบูล ลี่มักเกิดขึ้นในโรงเรียนมากที่สุด
การบูล ลี่ คืออะไร
- เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากความตั้งใจทำให้ผู้อื่นรู้สึกอับอาย รู้สึกเป็นทุกข์
- โดยที่ผู้กระทำนั้นรู้สึกสนุก สะใจ และพฤติกรรมนี้มักมีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำ ๆ
- การบู ลลี่มี 4 ประเภท คือ
- การบูล ลี่ทางกาย
- การบูล ลี่ทางคำพูด
- การบูล ลี่ทางสังคม
- การบูล ลี่ทางไซเบอร์
ซึ่งการบูล ลี่เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบกับทุกช่วงวัย โดยเฉพาะวัยเด็กเป็นวัยต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
การบูล ลี่แม้ดูเหมือนเป็นปัญหาเล็ก ๆ แต่อาจจะสร้างบาดแผลในใจจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ เนื่องจาก แต่ละคนมีความต้านทานทางใจไม่เหมือนกัน และบางครั้งอาจส่งผลกระทบให้เด็กมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น
- ไม่อยากไปโรงเรียน
- รู้สึกไม่มีความสุข
พ่อแม่หรือผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตบุตรหลาน พูดคุยแลกเปลี่ยนเป็นประจำ เพื่อบุตรหลานจะได้รู้สึกปลอดภัย หากบุตรหลานมีพฤติกรรมการถูกบูล ลี่ พ่อแม่หรือผู้ปกครองสามารถช่วยหยุดพฤติกรรมเหล่านี้และลดการเกิดความรุนแรงหรือปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของเด็กได้
นายแพทย์อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า การ “บูลลี่” สามารถเกิดขึ้นกับทุกช่วงวัย
เด็กเล็กมักจะเป็นการบูล ลี่ทางร่างกาย มีตั้งแต่เบาไปถึงหนัก เช่น
- การรังแก
- การทำร้ายร่างกาย
วัยปฐมจะเป็นการบูล ลี่ทางวาจา เช่น
- การล้อชื่อพ่อชื่อแม่
- ล้อปมด้อย
- รูปร่างหน้าตา
วัยรุ่นจะเป็นวัยที่มีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์เป็นของตนเอง จึงมักเกิดการบูล ลี่ได้ง่าย
- บูล ลี่เรื่องบุคลิกท่าทาง ฐานะ ค่านิยม สิ่งของเครื่องใช้
- รวมไปถึงการบูล ลี่ทางสังคม เช่น
- การไม่ยอมรับเพื่อนเข้ากลุ่ม หรือปล่อยข่าวลือให้ผู้อื่นรู้สึกอับอาย
- การบูล ลี่ทางไซเบอร์ในกลุ่มวัยรุ่น เช่น การลงข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง การลงรูปถ่ายหรือวีดีโอที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการคอมเม้นหยาบคาย
พ่อแม่หรือผู้ปกครองจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะ เป็นวัยที่สามารถเข้าถึงโลกออนไลน์ได้เต็มที่ อาจทำให้บุคคลอื่นเสียหาย และเข้าข่ายผิด พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้
วิธีการสังเกตเมื่อลูกถูกบูล ลี่
- พ่อแม่หรือผู้ปกครองสามารถสังเกตจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากการพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนเรื่องราว
- การใช้เวลาร่วมกัน เมื่อเด็กถูกบูล ลี่มักจะไม่กล้าเล่า กังวล โดนข่มขู่ การใช้คำถามปลายเปิด ไม่ชี้นำ ก็จะสามารถช่วยให้เด็กรู้สึกปลอดภัย มั่นใจในการเล่า
- โดยที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองคอยรับฟัง สอบถามความรู้สึกว่าลูกรู้สึกอย่างไร
- ชื่นชมบุตรหลานมีความกล้าในการเล่าเรื่องยาก ๆ ให้ฟัง
วิธีการรับมือเมื่อลูกถูกบูล ลี่
เด็กเล็ก
- แนะให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองฝึกบุตรหลานจากหนังสือนิทาน
- ฝึกวิธีการพูดบอกเพื่อน เพราะ บางครั้งเพื่อนไม่ได้ตั้งใจ
- หากยังถูกบูล ลี่อีกควรฝึกให้เด็กขอความช่วยเหลือจากคุณครู ผู้ปกครอง
- หลีกเลี่ยงในการพบเจอ
- มองหาเพื่อนกลุ่มใหม่
- ฝึกให้เด็กช่วยเหลือตัวเองซึ่งจะทำให้เด็กรู้สึกว่า ตนเองมีความสามารถปกป้องตัวเองได้
เด็กโต
- หมั่นพูดคุยบ่อย ๆ คอยช่วยเหลือ เมื่อเด็กต้องการความช่วยเหลือ
- หากเด็กไม่สามารถแก้ปัญหาได้ พ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องหมั่นพูดคุย สอบถาม
- หาวิธีแก้ปัญหาร่วมกัน
- หากพบว่าลูกมีสภาวะจิตใจไม่ดีหรือเคยถูก บูล ลี่ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์
การบูล ลี่นั้นเกิดขึ้นอยู่รอบตัวของเราทุกคน พ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องหมั่นระมัดระวัง หากบุตรหลานถูกบูล ลี่ พ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องหาวิธีป้องกันร่วมกันกับทางโรงเรียนและนักจิตวิทยา เพื่อที่จะแก้ปัญหาไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น แนะปรึกษาปัญหากับสายด่วนกรมสุขภาพจิต โทร 1323
ข้อมูล : กรมการแพทย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง