“ธนกร” สวนกลับ “พิธา” ขรก.ไม่เคยขอพบ แต่ “ก้าวไกล” เป็นฝ่ายทำหนังสือเชิญ

“ธนกร” เอาใจช่วย “พิธา” ตั้งรัฐบาลให้ได้ แต่รับดูไม่ง่าย เหน็บอย่าพูดอย่างทำอย่าง ข้าราชการไม่เคยขอพบแต่ก้าวไกลเองต่างหากทำหนังสือเชิญ ชี้ประชาชนจับตาว่าที่นายกฯ แนะดู “พลเอกประยุทธ์” ตัวอย่างนายกฯที่ดี เตือน อย่าใช้ด้อมส้ม-โซเชียล กดดันกกต.-สว.และศาล หวั่น ขัดแย้งอีกรอบ

1 มิ.ย.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา ออกมาแสดงความเห็น ว่า อาจมีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่าเป็นเรื่องที่ไกลมาก แต่เข้าใจว่าสว.จเด็จเป็นผู้หลักผู้ใหญ่อาจจะหวังดีกับบ้านเมือง คงจะมองว่าไม่ใช่ อยู่ ๆ จะเป็นรัฐบาลแห่งชาติ แต่ถ้าประเทศติดหล่มหรือมีความขัดแย้งกันรุนแรงมากก็เคยมีการเสนอกันมาหลายครั้งแล้ว

 

ส่วนตัวมองว่าวันนี้ให้เป็นรัฐบาลตามปกติตามระบอบประชาธิปไตยดีกว่า วันนี้เพิ่งเลือกตั้งมาก็ต้องให้เกียรติพรรคอันดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งคิดว่าคงจะจัดตั้งได้ หากจัดไม่ได้ก็เป็นพรรคอันดับ 2 ตั้งไป ทั้งนี้เพิ่งเสร็จการเลือกตั้งก็ควรเป็นรัฐบาลตามปกติในระบอบประชาธิปไตยน่าจะเหมาะสมกว่า ซึ่งมองว่านายจเด็จปกติในการอภิปรายหลายครั้งเป็นคนพูดตรงไปตรงมาเป็นคนหวังดีกับประเทศมองเป็นเรื่องของอนาคตเพราะไม่ใช่เรื่องใหม่มีการจุดพลุ จุดประเด็นมาหลายครั้งแล้ว

ข่าวที่น่าสนใจ

 

โดยนายธนกร ยืนยันว่าไม่ได้คาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนขั้วมาจัดตั้งรัฐบาลได้เพราะรวมไทยสร้างชาติมี 36 เสียงพร้อมจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอยู่แล้วแต่สิ่งที่อยากฝากไว้หลังจากมีสื่อมวลชนออกมาให้ข้อมูลอ้างว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์ พูดกับส.ส.ว่ามั่นใจว่ารวมไทยสร้างชาติเป็นรัฐบาลแน่นั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง พลเอกประยุทธ์ไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย  ท่านเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง ได้บอกเสมอว่าให้เป็นไปตามกลไกระบอบประชาธิปไตยให้พรรคอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลไป ซึ่งเห็นจากหลายสื่อที่เผยแพร่ข่าวออกมาเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ไม่เป็นข้อเท็จจริง

 

 

ทั้งนี้นายธนกร ไม่ขอวิเคราะห์สถานการณ์ว่ากกต. อาจจะรับรองพรรคก้าวไกลไปก่อน แล้วค่อยสอยทีหลัง โดยย้ำว่าก็เอาใจช่วยให้พรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ ย้ำเสมอว่าวันนี้ยังเป็นรัฐบาลอยู่ทำงานให้เต็มที่จนนาทีสุดท้าย จะเห็นได้ว่าพลเอกประยุทธ์ ไม่พูดถึงประเด็นทางการเมืองเพราะไม่อยากไปก้าวล่วงหรือพูดให้เป็นประเด็น ตนคิดว่าปล่อยให้พรรคก้าวไกลเดินหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลไปซึ่งดูแล้วก็ยอมรับว่าไม่ง่าย อาจจะเจออุปสรรคหลายอย่างก็ต้องเอาใจช่วย  และยังตอบไม่ได้เป็นเรื่องอนาคตต้องรอฟังศาลรัฐธรรมนูญหากการเลือกตั้งเป็นโมฆะทั้งหมด และต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเป็นความเห็นของนายวิษณุที่เป็นกูรูทางกฎหมายแต่ก็ถือเป็นความคิดเห็นสุดท้ายแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

 

 

 

 

นอกจากนี้ นายธนกร มองว่าการเดินหน้าพบปะองค์กรหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าเป็นการทำงานซ้อนนายกรัฐมนตรี ซ้อนครม.และซ้อนรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า หากการไปพบเป็นหน่วยงานภาคเอกชนก็สามารถทำได้ แต่ถ้าเป็นส่วนราชการก็ต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะวันนี้รัฐบาลยังอยู่ ข้าราชการเองก็อาจจะอึดอัดที่นายพิธา ออกมาบอกว่าข้าราชการเป็นผู้ขอเข้ามาพบเองนั้น ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วไม่ใช่ พลเอกประยุทธ์ได้สอบถามข้าราชการแล้วได้ทราบข้อมูลว่าไม่มีใครขอเข้าพบเลย และไปดูในข้อเท็จจริง พรรคก้าวไกลเองต่างหากที่เป็นคนไปขอพบหน่วยงานราชการ เช่น อบจ.เทศบาลซึ่งเป็นหน่วยงานราชการของท้องถิ่น ซึ่งมองว่าสิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำของนายพิธาต่างกัน

 

 

 

 

ทั้งนี้ก็ไม่อยากก้าวล่วง แต่บางครั้งก็ต้องพูดตรงไปตรงมา เพราะประชาชนก็จับตาดูอยู่ เพราะนายพิธาเป็นถึงว่าที่นายกฯ เพราะฉะนั้นการพูดและการกระทำจะบ่งบอกถึงตัวตนของนายพิธาด้วย จึงคิดว่านายพิธาก็ต้องปรับตัว หากจะเป็นนายกที่ดีก็ต้องปรับตัว ซึ่งไม่ได้เป็นการบิดเบือน แต่มองว่าข้อมูลไม่ตรงกันขอให้ดูพลเอกประยุทธ์เป็นหลัก ว่าการเป็นนายกฯที่ดีเป็นอย่างไร ซึ่งท่านให้เกียรติทุกคน

 

 

ส่วนการออกหนังสือของพรรคก้าวไกล ที่เชิญสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย เข้าพบในวันนี้นั้น นายธนกร ระบุว่า นั่นก็ใช่ ที่ก้าวไกลบอกว่าหน่วยงานข้าราชการเป็นคนเชิญ แต่กลับกลายเป็นว่าพรรคก้าวไกลเป็นคนเชิญมาเอง ตรงนี้จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร การพูดตรงไปตรงมา ตนคิดว่า ประชาชนชอบคนไปตรงมาไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรแต่การพูดต้องดูว่าต้องตรงไปตรงมาและต้องดูความเหมาะสม

 

“ส่วนตัวผมเอาใจช่วยอยู่แล้ว อยากให้พักก้าวไกลเป็นรัฐบาลลองบริหารประเทศดู ว่าสิ่งที่เป็นนโยบาย 100 วันต่าง ๆ ทำได้หรือไม่”

 

ส่วนการใช้มวลชนมากดดันสร้างกระแสทั้งกับสว.กกต.และศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายธนกร กล่าวว่า ตนไม่อยากมองอย่างนั้น แต่หลายฝ่ายมองแบบนั้น ส่วนตัวไม่ได้คิดขนาดนั้น และไม่อยากให้ไปเคลื่อนไหวกดดันไม่ว่าจะเป็นมวลชนหรือ โซเชียลมีเดีย เพราะฉะนั้นวันนี้ในโซเชียลมีเดียก็มีการเคลื่อนไหวกดดันคนเห็นต่างแล้ว มวลชนที่เป็นเครือข่ายของพรรคก้าวไกลก็เริ่มออกมาแล้ว ว่าต้องแสดงพลังถ้าไม่ได้ดั่งใจ ตรงนี้บ้านเมืองก็กลับไปสู่ความขัดแย้งอีก เราไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น วันนี้สิ่งที่พลเอกประยุทธ์ทำมาไกลมากแล้ว เรามีความสงบทุกวันนี้ เศรษฐกิจก็เริ่มดีขึ้น หลายอย่างก็ดีขึ้นถ้ามีม็อบเข้ามามันจะไปไกลกว่านั้นคิดว่ามันไม่ควร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น