วันที่19 ส.ค. 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น่าอับอายขายขี้หน้า ช่างกล้าออกมาโพสต์ทำท่าทีห่วงใยชาวนา สงสารชาวนา สงสารจริงหรือเปล่าหรือแกล้งสงสารกันแน่ ถ้าสงสารจริงปล่อยให้ชาวนาถูกโกงในยุคตัวเองทำไม ปล่อยให้ชาวนาเป็นหนี้เป็นสินทำไม ปล่อยให้ชาวนาต้องสิ้นเนื้อปะดาตัว จนต้องผูกคอตายมากมายหลายชีวิตทำไม หรือถ้าคิดว่าบริหารให้ชาวนามีอยู่มีกินจริง คิดว่าตนเองบริหารดีแล้ว ทำถูกต้องแล้วจะต้องหนีคดีโกงชาวนาไปอยู่ดีมีสุขอยู่ต่างประเทศกับพี่ชายนายโทนี่ทำไม ปล่อยให้ลูกน้อง รมต. รมช. ข้าราชการและพ่อค้าติดคุกติดตารางจนทุกวันนี้ นี่หรือคนเก่งคนดีที่ห่วงใยชาวนา หนีเอาตัวรอดเพียงคนเดียว ทอดทิ้งคนอื่นให้เดือดร้อนจนทุกวันนี้ ตนมองว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวมากกว่า ที่จะห่วงใยชาวนาจริง เป็นแค่ดราม่า หวังเรียกร้องความเห็นใจความสนใจมากกว่า
นายเสกสกล กล่าวว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่ ที่เร่งรัดใช้หนี้ชาวนา/ค่าข้าวเปลือกตามใบประทวน กว่า 8.84 แสนล้านบาท ยิ่งกว่านั้นยังมีค่าบริหารโครงการขององค์การคลังสินค้า(อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) ค่าภาระดอกเบี้ย ค่าเช่าคลังของเอกชนในการเก็บรักษาข้าวและค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก 8.4 หมื่นล้านบาท รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 9.68 แสนล้านบาท พอๆ กับการแก้ปัญหาโควิดที่เป็นปัญหาระดับโลก แต่นี่เป็นปัญหาต่อเนื่องยาวนาน ที่เกิดจากครอบครัวคนๆ เดียว ที่กล่าวมามีหลักฐานทางราชการ มีรายงานต่างๆ มากมาย ตนเพียงแค่สรุปมาเล่าให้ฟังเท่านั้น
นอกจากเรื่องหนี้แล้ว สังคมต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันว่าโครงการจำนำข้าว “ทุกเมล็ด” สร้างปัญหาอะไรบ้าง เช่น ทำให้กลไกตลาดถูกบิดเบือน เพราะไปตั้งราคารับจำนำสูงลิ่ว ไม่คำนึงถึงความเป็นจริง ตามกลไกตลาด กระตุ้นเกษตรกรมุ่งปลูกข้าวเพื่อมาขายรัฐ เน้นปริมาณ ไม่สนคุณภาพ พ่อค้าข้าวก็ล่มจม เพราะซื้อข้าวแข่งรัฐไม่ได้ หันมาเปิดโกดังรับเก็บข้าวเปลือกให้รัฐ เป็นเสือนอนกินรูปแบบใหม่ รัฐต้องรับภาระค่าโกดัง-ค่าดูแลข้าวส่วนนี้ ปีละ 900 ล้านบาท ยิ่งกว่านั้น การที่รัฐทำตัวเป็น “พ่อค้าข้าวขาใหญ่ที่สุดในประเทศ” เหมือนทำธุรกิจแข่งกับเอกชน โดยใช้เงินภาษีคนทั้งประเทศ แต่กำไรส่วนต่างกลับไปอยู่กับคนในรัฐบาลยุคนั้น จากการเช่าโกดังข้าว การเวียนเทียนขายข้าว การนำข้าวเพื่อนบ้านเข้ามาจำนำ และยังมี “สต๊อกลม” ที่ลือเลื่องอีก ถามว่ามันผิดกฎหมายหรือไม่ แถมซ้ำเติมคุณภาพข้าว ทำให้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดข้าวของต่างประเทศได้อีกด้วย ขอวอนว่าเลิกปกปิด ซุกพรม หรือนั่งทับขี้เลย เขารู้ทันกันหมดทั้งประเทศแล้วว่า ใครคือคนที่ทิ้งขี้ไว้ให้รัฐบาลนี้ชำระล้างกันแน่
“ตนละอายใจแทนจริงๆที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ช่างกล้ามีหน้าออกมาห่วงใยชาวนา คิดว่าชาวนาควรจะออกมาชื่นชมหรือควรจะออกมาสาปแช่งมากกว่า ให้คิดเอาเองก็แล้วกัน แต่ทางที่ดีจะแกล้งออกมาห่วงใยชาวนาและโจมตีใส่รัฐบาลนี้มากแค่ไหน แต่ก็คงทำให้ครอบครัวชาวนาที่ถูกโกงและวิญญาณชาวนาที่จากโลกนี้ไปจากผลงานช่วยเพิ่มหนี้สินให้ชาวนาจนสิ้นตัว ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ คงจะมีแต่ชาวนาออกมาสาปแช่งชั่วนิรันดรมากกว่าครับ”