- อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าการเลือกตั้งคราวนี้พรรคอันดับ 1 กับพรรคอันดับ 2 มีความใกล้เคียงกันมาก กล่าวคือก้าวไกลได้ส.ส. 151 คน เพื่อไทยได้ส.ส. 141 คน 2 พรรคมีส.ส.ต่างกันแค่ 10 คน แถมทั้งสองพรรคยังเป็นพรรคฝ่ายเดียวกันขั้วเดียวกันมีฐานมวลชนฐานเดียวกันอีก เพราะความใกล้เคียงกันนี้เองที่ทำให้คอการเมืองหลายคนเชื่อมันตั้งแต่ผลการเลือกตั้งออกมา ว่าอนาคตมีโอกาสสูงที่เพื่อไทยจะพลิกเกม อาศัยข้อจำกัดของก้าวไกล พลิกบทจากพระรองขึ้นมาเป็นพระเอกคว้าตำแหน่ง “นายกฯ” และ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” ได้ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องตลก อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ อย่าคิดว่าจงเกลียดจงชังก้าวไกลไม่ชอบหัวหน้าพรรคฝ่ายส้มล้มเจ้าที่ชื่อพิธา แต่พูดกันตามตัวบทพูดกันตามเนื้อผ้า แม้ในโลกความจริงตอนนี้ก้าวไกลจะมีส.ส.มากเป็นอันดับ 1 แถมเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค 312 เสียง มีการประกาศจัดตั้งรัฐบาล มีการลงนามเอ็มโอยูการทำงาน 23 ข้อ แนวปฏิบัติ 5 แนวทาง ตั้งคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ตั้งคณะทำงาน 7 ชุด ขึ้นมาดูปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าของประชาชน แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้เป็นเรื่องการันตีว่าพิธาจะได้เป็นนายกฯก้าวไกลจะได้เป็นรัฐบาลแบบหันเปอร์เซ็นต์ ตรงกันข้ามในแวดวงการเมือง ทุกคนยังเชื่อว่าเพื่อไทยฝ่ายแดงคอกโทนี่ยังมีโอกาสตลบหลังหยิบชิ้นปลามันคว้าพุงปลาไปครองได้มากกว่าฝ่ายส้มล้มเจ้าของ “ธนาทอน-ปิดยะบูด” ที่มีแถวสองอย่างพิธาเป็นตัวชูโรงนายกฯ
ด้วยเหตุผลนานาสารพัดประการทำให้หลายคนมั่นใจว่าที่สุดก้าวไกลจะไปไม่ถึงฝันเป็นแกนนำรัฐบาลบริหารประเทศและพิธามีโอกาสสูงลิ่วที่จะตกสวรรค์ไม่ได้เป็นนายกฯ ประการแรกพิธาถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น ขาดคุณสมบัติ ตามรธน.ม.98 เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ไอทีวีเป็นธุรกิจสื่อ ยังประกอบการมีผลกำไรขาดทุน พิธาถือหุ้นไอทีวีตรงนี้บอกได้เลยว่าเต็มๆ ไม่ต้องบิดพลิ้ว ก้าวไกลเสนอพิธาเป็นนายกฯคนเดียว พิธาปลิวก้าวไกลก็ล่องจุ๊น ประการที่สองก้าวไกลได้เสียงสนับสนุนแค่ 312 เสียงจาก 8 พรรค ยังขาดเสียงอีก 64 เสียงถึงจะมีคะแนนมากกว่ากึ่งหนึ่งของสองสภาคือ 376 จาก 750 เพราะฉะนั้นยังต้องหาเสียงส.ส.กับ ส.ว.เพิ่มอีกมาก ประการที่สามเป็นคู่ขัดแย้งกับส.ว.มาตั้งแต่ต้น วิพากษ์วิจารณ์ส.ว.ชุดปัจจุบันว่าเป็นทาสคสช.เป็นสภารับใช้เผด็จการ จนไม่สามารถหาเสียงสนับสนุนจากส.ว.ได้ ประการที่สี่ประการจุดยืน “มีเราไม่มีลุง” ไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติของ “ลุงป้อม-บิ๊กตู่” แถมยังเคยประกาศไม่ร่วมทำงานกับภูมิใจไทยของเสี่ยหนู จนทำให้ไม่สามารถหาเสียงเพิ่มจากส.ส.ได้ ประการที่ห้าการประกาศจุดยืนแก้ไขม.112 ตั้งธงชำเรารัฐธรรมนูญแบบยกฉบับ โดยมีเป้าหมายรื้อล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศตามรอยชาติตะวันตก
เท่านี้ก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้ก้าวไกลไปต่อไม่ได้ ไม่มีทางได้เป็นนายกฯหมดสิทธิ์บริหารประเทศ ตอนนี้เพื่อไทยแค่รอเวลาและจังหวะ วัน ว.เวลา น. ในการสลับขั้วเปลี่ยนข้างเท่านั้น หากพิธาถูกตัดสิทธิ์พ้นนายกฯหรือพิธาไม่ได้โหวตเป็นนายกฯตกม้าตายกลางสภา เพื่อไทยก็จะอ้างสิทธิ์โดยชอบธรรมในการเป็นพรรคอันดับสองเสนอชื่อ “อุ๊งอิ๊งค์-เสี่ยนิด” เป็นนายกฯแบบไม่ต้องออกแรง ตอนนี้ก็สร้างภาพรักษามารยาทตามระบอบประชาธิปไตยไปก่อน แต่ในใจก็รู้อยู่แล้วว่าพิธากับก้าวไกลไม่มีทางได้อำนาจ สูตรรัฐบาลสลับขั้้วก็จะมีเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล สมการจะออกมาแบบ เพื่อไทย 141 ประชาชาติ 9 เสรีรวมไทย 1 ภูมิใจไทย 71 พลังประชารัฐ 40 ชาติไทยพัฒนา 10 กวาดพรรคเล็กๆ มาอีก 10 คน ก็จะได้เสียงประมาณ 282 เสียง ถีบก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ร่วมกับพรรคบิ๊กตู่ที่ไปกันไม่ได้อยู่แล้วกับเพื่อไทย ประชาธิปัตย์พรรคศัตรูกันมาตลอด และ พรรคเจ๊หน่อยที่ไม่เอากันนานแล้ว ฝ่ายค้านใหม่ก็จะประกอบด้วย ก้าวไกล 151 ไทยสร้างไทย 6 รวมไทยสร้างชาติ 36 ประชาธิปัตย์ 25 รวมเป็น 218 เสียง สูตรสลับขั้วอันนี้มีโอกาสเป็นไปได้มากสุด ตอนนี้แค่ลุ้นหัวคนเป็นนายกฯ ว่าจะเป็น “อุ๊งอิ๊ง” ลูกสาวคนเล็กโทนี่ หรือ ลุงป้อม พี่ใหญ่ 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ ผู้จะมาดับความขัดแย้งของบ้านเมือง
อย่าได้แปลกใจที่ทักษิณประกาศแต่ไก่โห่ว่าจะกลับมาเดือนก.ค.ปีนี้ เพราะมั่นใจสุดๆว่าเพื่อไทยคอกตัวเองได้เป็นรัฐบาลแน่นอน แค่ลุ้นว่าจะเป็นพระรองหรือพระเอกเท่านั้น แต่ยังไงฝ่ายแดงได้เป็นรัฐบาลแน่ล้านเปอร์เซ็นต์ สูตรย้ายขั้วนายกฯจะเหลือแค่ 2 คนเท่านั้น ถ้าไม่อุ๊งอิ๊งเข้าวินก็ต้องเป็นลุงป้อมที่ถูกหามขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า แนวทางนี้สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ที่ฟันธงว่าที่สุดเพื่อไทยจะย้ายขั้วเอา 141 ของตัวเองมารวมกับพรรคขั้วรัฐบาลปัจจุบันที่มี 188 เสียง และให้ส.ว.ยกมือสนับสนุนให้เป็นนายกฯ แต่ก็ต้องแลกกับ 1.ยกนายกฯให้ลุงป้อม 2.เสียหมา เสียราคา เสียคำพูดกับแนวร่วมแฟนคลับของตัวเองที่มาร่วมงานกับพรรคฝ่ายปฏิวัติ “ดังนั้น ไม่ว่ามิติใดก็ตาม ในหนทางนักเลงจริง (312 เสียงจับมือกันไม่แยกจากกัน) ถึงตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็จะมีเรื่องน้อยที่สุด ถ้าเป็นนักเลงขี้หมา (เพื่อไทยย้ายขั้วไปจับมือ 188 เสียง) แม้ตั้งรัฐบาลได้ แต่จะมีเรื่องมากขึ้น แล้วคนหมดความนับถือ ไร้เกียรติ ไปที่ไหนคนก็สาปแช่ง อย่างไรก็ตาม แม้หนทางนี้ทำให้เพื่อไทยจบสิ้นทางการเมือง แต่เจ้าของพรรคอยากกลับบ้าน เขาก็ต้องนำเพื่อไทยที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ไปแลก และทำให้จบสิ้นการเมืองกันไป….เมื่อเจ้าของพรรคเพื่อไทยต้องการกลับบ้านจึงต้องแลกด้วยการทำลายพรรคเพื่อไทยเท่านั้น เพราะการเมืองมีเพียงประตูเดียวที่จะได้กลับบ้าน คือ ต้องแลกด้วยการตระบัดสัตย์ ทรยศประชาชน และทำลายพรรคเพื่อไทยให้ย่อยยับ”
ช่างบังเอิญเหลือเกินที่คำพูดของจตุพร ดันมาสอดรับกับคำพูดของแกนนำเพื่อไทยอย่าง “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชชยชัย ที่ออกมาให้สัมภาษณ์รายการ “ชั่วโมงข่าว เสาร์ อาทิตย์” ทางไทยพีบีเอส ที่ออกมายอมรับว่า แม้ 8 พรรค ยืนยันแพกกันแน่นจริงๆในการหนุนพิธาเป็นนายกฯ ก้าวไกลเป็นแกนนำรัฐบาล แต่ถ้าถึงทางตันจริงๆก็พร้อมหาทางออกอื่น ไม่เว้นแม้กระทั่งการสลับขั้วมาจับมือกับรัฐบาลรักษาการในปัจจุบัน ” ก็ต้องอาศัยเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ จะเปลี่ยนผ่านด้วยวิธีไหนจะสลับจับขั้วกันอย่างไร อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องคิดกันให้ละเอียด เพราะเรามีเจตจำนงค์ของประชาชนที่แสดงออกในวันเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.เป็นที่ต้อง เพราะฉะนั้นต้องดูว่าอะไรที่ทำให้เจตจำนงค์ยังคงอยู่ แล้วมีวิธีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ต้องทำตรงนั้น แต่ถ้ามันไม่ได้จริงๆเชื่อว่าสาธารณชนก็ต้องเข้าใจและต้องคิด ระหว่างที่ต้องไปหานายกฯคนนอก กับ การให้พรรคการเมืองในระบบรัฐสภาในสภาผู้แทนราษฎรได้หาทางออกร่วมกันอย่างไหนคือประโยชน์ที่จำเป็น” ภูมิธรรมระบุ พร้อมแบ่งรับแบ่งสู้เรื่องการสลับขั้วว่า ” ก็เป็นโซลูชั่นที่ยากลำบากที่จะเดินเหมือนกัน เพราะว่าโซลูชั่นที่จะสลับขั้วเป็นขั้วที่เป็นรัฐบาลปัจจุบัน มันเป็นขั้วที่ประชาชนปฏิเสธต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ผลการเลือกตั้งจึงออกมาแบบนี้ แต่เนื่องจากผลการเลือกตั้งไม่ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะฉะนั้นก็ต้องหาทางออก ก็เป็นขั้วที่ไม่ตรงเจตจำนงค์ มันก็เหมือนขั้วที่ไปเอานายกฯคนนอกมามันก็คล้ายกัน ผลดีผลเสียก็ต้องคิดให้รอบครอบ” เสี่ยอ้วนมือขวานายหญิงผู้มีอำนาจสูงสุดในเพื่อไทยระบุ การเมืองจะออกหน้าไหน ใครจะได้เป็นนายกฯ ระหว่าง “พิธา-แพทองธาร-พล.อ.ประวิตร” อีกไม่นานเกินรอก็คงได้รู้กัน
/////////////////////////