รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ระบุข้อความว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กำลังเป็นชนวนเหตุของการขัดแย้งครั้งใหญ่ระหว่างคนไทยด้วยกัน ฝ่ายที่ต้องการให้แก้ไข ยกเลิก และนิรโทษกรรม อ้างเหตุผลเรื่องเสรีภาพในการ แสดงออก แต่ก็น่ามีเหตุผลที่ซ่อนเร้นอยู่นั่นคือ ต้องการจะพูดถึงพระเจ้าอยู่หัวในที่สาธารณะอย่างไรก็ได้โดยไม่มีความผิด และต้องการให้ตัวเอง หรือเพื่อนร่วมขบวนการที่กำลังถูกดำเนินคดีให้พ้นผิด ได้ออกจากคุกหรือไม่ต้องติดคุก
ปฏิเสธไม่ได้ว่าแกนนำพรรคอนาคตใหม่ มาจนกระทั่งเป็นพรรคก้าวไกล ได้พยายามที่จะให้ยกเลิกมาตรา 112 มาตั้งแต่ต้น มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ พยายามจะทำให้ได้อย่างน่าแปลกใจ และไม่เคยลดละพยายามตลอดมาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน เพียงถอยก้าวเดียวคือเปลี่ยนเป็นแก้ไขไม่ยกเลิก เนื้อหาที่ต้องการแก้ไขเปลี่ยนแปลง แทบไม่ต่างจากเนื้อหาที่กลุ่มนิติราษฎร์เคยเสนอให้แก้ไขเมื่อปี 2554 ซึ่งประเด็นสำคัญมีดังนี้
1 . เอามาตรา 112 ออกจากหมวดความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย ซึ่งเท่ากับว่าพระมหากษัตริย์ไม่มีส่วนอันใดต่อความมั่นคงของชาติ เพียงให้เป็นความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติของ พระมหากษัตริย์ พระราชินี องค์รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
2. แยกความคุ้มครองต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี องค์รัขทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ออกจากกัน มีอัตราโทษลดหลั่นกันลงมา
3. กำหนดอัตราโทษให้ต่ำลง ไม่มีอัตราโทษขั้นต่ำ และให้มีโทษปรับ
4. หากเป็นการติชม หรือแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ถือว่าไม่มีความผิด หรือพิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่พูดเป็นความจริงและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ก็ไม่ถือเป็นความผิด
5. ให้สำนักราชเลขาธิการ เท่านั้นเป็นผู้กล่าวโทษ
นี่คือหลักการที่ตรงกันอย่างไม่ผิดเพี้ยนระหว่างข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์และพรรคก้าวไกล แต่มีรายละเอียดที่แตกต่างกันอย่างสำคัญคือ กลุ่มนิติราษฎร์ให้กำหนดอัตราโทษจำคุกให้สูงกว่าความผิดคดีหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา 1 ปี แต่คณะก้าวไกลเสนอให้กำหนดโทษจำคุกเท่ากับความผิดของบุคคลธรรดาคือไม่เกิน 1 ปี แต่กรณีพระราชินี องค์รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ให้ลดอัตราโทษจำคุกเหลือเพียงไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งต่ำกว่าอัตราโทษของบุคคลธรรมดา จึงเสนอให้ลดอัตราโทษบุคคลธรรมดาลงให้เท่ากัน
ได้ฟังคุณจตุพร พรหมพันธุ์ พูดในรายการ News Talk ของช่อง News One เร็วๆนี้ คุณจตุพรได้พูดถึงกรณีมาตรา 112 และให้ข้อมูลที่น้อยคนจะได้เคยรับรู้มาก่อน เนื้อหาที่คุณจตุพรพูดคือ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องโทษในคดี 112 เกือบจะทุกราย รวมทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ซึ่งในยุคก่อนรัชกาลที่ 10 มีผู้ถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 น้อยมาก ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชดำรัสว่า การจัดการเกึ่ยวกับคดีตามมาตา 112 ทำให้พระองค์ทรงเดือดร้อน ตรงนี้เราเคยได้ยินได้ฟังมาก่อน แต่ที่เราไม่เคยได้ยินได้ฟังมาเลย คือในรัชสมัยรัชกาลที่ 10 คุณจตุพร ให้ข้อมูลว่า พระองค์ก็ไม่ทรงโปรดให้มีใครถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษตามมาตรา 112 และทรงมีพระราโชบาย ไม่ให้มีการดำเนินคดี หรือไม่ให้มีการสั่งฟ้อง หรือหากเรื่องอยู่ในศาลแล้ว ก็ไม่ทรงโปรดให้ลงโทษ และไม่ทรงโปรดให้ประกาศให้รับรู้โดยทั่วไป เท่ากับการมีกฎหมายแต่ไม่ต้องบังคับใช้ เป็นการกระทำอย่างไม่ให้เป็นข่าว จะเห็นว่าพระองค์ทรงล้ำหน้าไปกว่าพวกเรามานานแล้ว