สืบเนื่องจากกรณีสังคมส่วนหนึ่ง แสดงความกังวลว่า หากพรรคก้าวไกลได้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศจริง อาจจะทำให้สหรัฐเข้ามาแทรกแซงไทยได้ง่ายขึ้น จากนโยบายต่างประเทศของพรรคก้าวไกลที่ฝักใฝ่ตะวันตก อย่างไรก็ตาม ก็มีการออกมาตอบโต้ว่าข้อกังวลดังกล่าวเกินจริง
วันที่ 6 มิ.ย.66 รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยกับทีมข่าว TOPNEWS เปิดเผยถึงมุมมองต่อนโยบายต่างประเทศของพรรคก้าวไกล ว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ โดยในส่วนของนโยบายต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดที่มาเป็นรัฐบาล หากมีการเปลี่ยนแปลงแนวนโยบายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเมียนมา ซึ่งตั้งแต่ในอดีต แนวนโยบายของอาเซียนจะไม่เข้าไปก้าวก่าย ในกิจการภายในของประเทศต่างๆ เหล่านี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะเห็นได้ว่า ในอดีตเมียนมามีปัญหาเหมือนทุกวันนี้ มีรัฐบาลที่ประชาชนมีความขัดแย้งกัน เพราะในอดีตจะเห็นได้ว่า ประเทศฝั่งตะวันตกพยายามที่จะบีบรัฐบาลเมียนมา โดยการกดดันและ Sanctions ต่างๆ แต่รัฐบาลของอาเซียนได้ดำเนินนโยบายไม่ให้มีการแซกแซก เพราะอาเซียนจะดำเนินการกันเอง ซึ่งนโยบายนี้คือ constructive engagement การผูกพันธ์ อย่างสร้างสรรค์ โดยการพยายามให้เมียนมามีการเปลี่ยนแปลงเอง โดยการจูงใจ จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง นาง อองซาน ซู จี ก็ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นมาใหม่ จะเกิดปัญหา
รศ.ดร.สมชาย ระบุว่า ปัจจุบัน อาเซียนได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศแตกต่างจากในอดีต ในลักษณะไม่เข้าไปก้าวก่ายจริง แต่ไม่ยอมรับรัฐบาลเมียนมา ขณะนี้อาเซียนยังไม่ได้รับรองรัฐบาลเมียนมา ทั้งรัฐบาลของประชาชน หรือรัฐบาลที่ต่อต้าน ซึ่งอันนี้ก็เป็นแนวนโยบายของอาเซียน ที่จะพยายามไม่เข้าไปก้าวก่าย
ดังนั้น ในส่วนรัฐบาลใหม่ของไทยไม่ว่าใครก็ตาม ถ้ามีแนวนโยบายอย่างเช่นเห็นชัดเจนเข้าไปสนับสนุนฝ่ายประท้วง ฝ่ายประชาชน เท่ากับว่า เราเข้าไปเปลี่ยนแปลงแนวนโยบายการวางตัวไม่ก้าวก่าย ซึ่งในแง่หลักการอาจจะดีที่มีการสนับสนุนประชาธิปไตย แต่ในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ต้องอย่าลืมว่า ประเทศไทยมีเนื้อที่ติดกับเมียนมากว่า 1,000 กิโลเมตร สามารถที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเมืองได้ จะเห็นได้จากทางเมียนมาเองได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนอง ของการเตือน การแสดงความไม่พอใจ เพราะฉะนั้น ก็อาจส่งผลกระทบต่อปัญหาด้านเศรษฐกิจชายแดน การค้า และการกระทบกระทั่ง ซึ่งเป็นส่วนที่จะมีผลกระทบหากเรามีการเปลี่ยนแปลงแนวนโยบายในการสนับสนุนอย่างเห็นชัดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะประชาชนที่ขึ้นมาต่อต้าน มีผลกระทบในแง่ของท่าทีของอาเซียน และท่าทีการดำเนินแนวทางใหม่ที่จะกระทบกระทั่งทางการเมือง กับปัญหาด้านเศรษฐกิจ
ส่วนการแสดงตัวของพรรคก้าวไกลในการวางตัวอิงกับทางการสหรัฐ รศ.ดร.สมชาย ระบุว่า ความจริง พรรคก้าวไกลไม่ได้แสดงตัวเข้าข้างสหรัฐ เพียงแต่ต้องให้ความเป็นธรรมจริงๆ แล้ว ทางด้านอเมริกา ได้มีการเน้นในเรื่องของค่านิยม ประชาธิปไตยเสรีนิยม จะเห็นได้ว่าเพราะเวลาที่ถูกประท้วง อเมริกาได้ถูกโจมตี ว่าเข้าไปแทรกแซงการสนับสนุนผู้ประท้วง ซึ่งอเมริกาได้อ้างหลักการว่าตนเน้นประชาธิปไตย ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งไม่พอใจอเมริกา / แต่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศ ที่สหรัฐเข้ามาจนอาจถูกมองว่าก้าวก่ายที่สนับสนุนสิทธิเสรีภาพต่างๆ เหล่านี้ ในกรณีนี้ก็ต้องมองว่าเค้าอยู่ในค่านิยมที่คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ ทำให้ประชาชนบางส่วนไม่พอใจ จึงไม่น่าแปลกใจที่แนวนโยบาย ของอเมริกาที่มีต่อประเทศต่างๆ รวม ทั้งไทยที่ถูกมองและไม่พอใจในการเข้ามาก้าวก่ายและเลือกข้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายหลายประเทศ
และยังเป็นเหตุผลให้ ประเทศในลาตินอเมริกา แอฟริกา รวมถึงเอเชีย เริ่มไม่พอใจอเมริกามากขึ้น สังเกตได้จาก กรณีของยูเครนและรัสเซีย โดยอเมริกาและยุโรป มองการสนับสนุนยูเครน เพราะรัสเซีย มีการละเมิดกฎสหประชาชาติ ไม่เคารพในเรื่องของอธิปไตย ของแต่ละประเทศ ขณะที่อินโดนีเซีย ได้แสดงออกว่าในส่วนของสงครามที่เกิดขึ้น ทางด้านอเมริกาและยุโรป ต้องรับผิดชอบเพราะเป็นภัยคุกคามต่อรัสเซีย ในมุมมองด้านรัสเซีย ซึ่งอเมริกาและยุโรปก็มีความแปลกใจว่ามีการละเมิดเกิดขึ้นเช่นนี้ ประเทศทางใต้กลับมองในลักษณะไม่เห็นด้วยกับรัสเซีย แต่ไม่โจมตีรัสเซียกลับมาโจมตีสหรัฐ และยุโรป และเป็นปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น