แกะปมร้อนซุกหุ้น ย้อนเคส “พิธา” ซ้ำรอย “ทักษิณ” สร้างวาทกรรม เป้ากดดันศาล

แกะปมร้อนซุกหุ้น ย้อนเคส "พิธา" ซ้ำรอย "ทักษิณ" สร้างวาทกรรม เป้ากดดันศาล

หลังจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ออกมาเปิดเผยว่าได้โอนหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น ไปให้ทายาทคนอื่นแล้ว อ้างว่าเพื่อป้องกันปัญหา จากกระบวนการฟื้นคืนชีพความเป็นสื่อมวลชนให้กับบริษัท ITV สกัดกั้นการจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ตามมาว่า นายพิธาต้องการหลีกหนีความผิดหรือไม่ เพื่อยังหวังที่ตัวเองจะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ตรวจสอบในเรื่องนี้ ยืนยันว่า หากนายพิธาโอนหุ้นดังกล่าวไปจริง ก็ไม่มีผลใดๆ เพราะถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว

อย่างไรก็ดีประเด็นนี้ คาดว่าท้ายที่สุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. จะส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดคุณสมบัติของนายพิธา ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีความคล้ายกับช่วงปี 2544 ที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดี นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ จากกรณีซุกหุ้นไว้กับคนรับใช้และคนขับรถ เพราะมีการกดดันการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรม

โดยคดีของนายทักษิณมีจุดเริ่มต้นจากการที่ ป.ป.ช.มีมติเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2543 ด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 1 ระบุว่า นายทักษิณจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ และเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด ซึ่งมติป.ป.ช.มีขึ้นก่อนหน้าวันเลือกตั้งใหญ่ 6 มกราคม 2544 ไม่กี่วัน และผลการเลือกตั้งพรรคไทยรักไทยของนายทักษิณก็ชนะเลือกตั้ง นายทักษิณก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทว่าก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยในคดีนี้ในวันที่ 3 สิงหาคม 2544 ศาลรัฐธรรมนูญต้องเจอแรงกดดันมากมาย เพราะหากนายทักษิณมีความผิด จะหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีทันที จึงมีการใช้สื่อมวลชนสร้างกระแสสร้างวาทกรรม “บกพร่องโดยสุจริต” มีการการเคลื่อนไหวพยายามทำเรื่องผิดกฎหมายให้เป็นประเด็นทางการเมือง อีกทั้งในเวลานั้น นายแพทย์เสม พริ้งพวงแก้ว หรือ หมอเสม ที่ไปหลงเชื่อลมปากนายทักษิณ ได้ออกมาสนับสนุนนายทักษิณ โดยให้ฉายาว่าเป็น “อัศวินควายดำ” เพราะเป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งและเสียงส่วนใหญ่มาจากเกษตรกร กระทั่งในวันที่ 3 สิงหาคม 2544 ซึ่งเป็นวันอ่านคำวินิจฉัย ยังมีการระดมมวลชนมากดดันที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ ที่ขณะนั้นอยู่ใกล้สะพานพุทธ นอกจากนี้ยังมีเสียงลือว่า ตุลาการเองบางส่วนก็ถูกวิ่ง “ล็อบบี้” อย่างหนัก สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 7 ให้นายทักษิณไม่มีความผิดไปแบบเฉียดฉิว

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า สถานกาณ์ในวันนั้น กับสถานการณ์ในวันนี้ที่พรรคก้าวไกลและนายพิธาเดินเกมในคดีหุ้นไอทีวี แทบไม่ต่างจากคดีซุกหุ้นภาคแรกของนายทักษิณ เพราะนายพิธาก็หวังอย่างยิ่งว่าตัวเองจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ทั้งนายพิธา พรรคก้าวไกล ไปจนถึงสื่อมวลชนบางค่าย และสื่อโซเชียลที่เชียร์นายพิธา จึงมีความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นว่า เรื่องนี้เป็นเกมทางการเมือง เพราะต้องการมาเตะตัดขาไม่ให้นายพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่ยอมโทษนายพิธาว่าได้ทำผิดกฎหมายเสียเอง ทั้งที่ทราบกฎหมายดีอยู่แล้ว และยังพยายามทำให้มวลชนเข้าใจว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้ง นอกจากนี้นายพิธา ยังใช้วิธีกดดันศาลรัฐธรรมนูญล่วงหน้าว่าให้ยึดบรรทัดฐานศาลฏีกา คดีของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครนายกพรรคประชาธิปัตย์ด้วย

 

 

ฉะนั้นเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญและ กกต.ที่จะต้องพิจารณาคดีนี้ตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย อย่าให้แรงกดดันจากภายนอก มีผลต่อการวินิจฉัยคดี เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยคดีทักษิณซุกหุ้น ที่สุดท้ายได้ปล่อยผี ให้นายทักษิณได้ทำหน้าที่บริหารประเทศ จนเกิดการทุจริตคอรัปชั่น ส่งผลเสียหายต่อประเทศอย่างใหญ่หลวง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น