พิธา…หลังพิงฝา

หลังปมถือหุ้นไอทีวีถูกถล่มจากหลายทิศ เรืองไกรตีลังกายันยังไงก็ผิดขากคุณสมบัติสมัครส.ส. ขาดความชอบธรรมเป็นแคนดิเดตนายกฯ แถมเผลอๆมีสิทธิ์ผิดกฎหมาย เพราะรู้อยู่แล้วมีหุ้นในมือ ไม่มีสิทธิ์รับสมัครขาดคุณสมบัติผู้แทน แต่ยังไปสมัครส.ส. ทำผิดกฎหมายลูกแบบเต็มๆ มีโทษทั้งติดคุกทั้งตัดสิทธิ์การเมือง พิธาดิ้นสู้แจงไทม์ไลน์ละเอียดยิบ สร้างวาทกรรม "คืนชีพไอทีวี" หวังผลทางการเมืองจัดการตัวเอง ปลุกมวลชน ท่องคาถา "14 พ.ค.14 ล้าน" เปลี่ยนประเทศไทย อย่าให้ใครมาขวาง ทั้งๆที่ตัวเองทำผิด อ.บูดผสมโรงตุลาการภิวัฒน์คืนชีพ นิติสงครามยังทำงานไม่หยุด ย้อนอดีตทักษิณซุกหุ้น บกพร่องโดยสุจริต กดดันศาล บีบตุลาการรัฐธรรมนูญ ก้าวไกลกำลังเดินตามรอยใช้โมเดลเดียวกัน

ประเด็นถือครองหุ้นไอทีวีจำนวน 42,000 หุ้นของ “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายกฯฝ่ายส้มล้มเจ้าของพรรคก้าวไกล ไปๆมาๆดูท่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ กินตัวกินอนาคตกินเส้นทางการเมืองของเจ้าตัวไปเสียแล้ว จากที่คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรใหญ่โตมากมาย แต่ทำไปทำมาข้อร้องเรียนของเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ยื่นเรื่องให้กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติของพิธา เมื่อ 10 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของก้าวไกล ถือหุ้น บ. ไอทีวี จำกัด จำนวน 42,000 หุ้น โดยที่บริษัทยังประกอบกิจการอยู่ มีผลประกอบกิจการผ่านงบการเงิน และ ยังเป็นบริษัทลูกของ บ. อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เข้าข่ายขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม. 98 (3) ห้ามไม่ให้ผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใดๆ ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ถือเป็นการเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งส.ส.

กรณีนี้แหละอาจกลายเป็น “ไม้เด็ด” ที่ทำให้พิธาตกสวรรค์ ไปไม่ถึงดวงดาวในการก้าวเข้าสู่อำนาจเป็นนายกฯรัฐมนตรีก็เป็นได้ ไม่ต้องรอไปถึงการโหวตนายกฯ ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะได้เสียงมากกว่า 376 คนจาก 750 คนของสองสภาที่มีส.ส.กับ ส.ว.หรือไม่ เผลอๆพิธาจะไปไม่รอดสันดอน ตกม้าตายจากคำร้องเรื่องนี้ก่อนจะได้เข้าสภาไปลุ้นโหวตว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจากส.ส.กับ ส.ว.หรือไม่ ล่าสุดมีรายงานข่าวความคืบหน้าของเรื่องนี้หลุดออกมาหลายสื่อในทำนองว่า คณะทำงานของกกต.ได้รายงานเรื่องนี้ให้ที่ประชุมกกต.ทราบ โดยมีการเสนอความเห็นว่า พิธา มีลักษณะต้องห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง และการยินยอมให้พรรคส่งชื่อตนเองเป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลลำดับที่ 1 รวมถึงยอมให้เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่า ตัวเองไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้ง ที่อาจเป็นการทำผิดตาม ม. 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.

งานนี้แหละถ้าพิสูจน์ได้ว่าพิธารู้อยู่แล้วว่าตัวเองถือหุ้นไอทีวี ที่เป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ม. 98 (3) แต่ยังอนุญาติให้พรรคส่งชื่อเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 เป็นแคนดิเดตนายกฯคนเดียวของพรรค โทษจะหนักถึงขนาดหมดอนาคตทางการเมืองเลยทีเดียว เพราะพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ฉบับปัจจุบันที่ประกาศใช้เมื่อ 12 ก.ย.2561 ใน ม.151 เขียนระบุไว้ชัดมากๆ ” ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และ ปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี” ประเด็นนี้แหละที่เรืองไกรออกมาจี้ออกมาย้ำว่าพิธาน่าจะรู้อยู่แล้วว่าถือหุ้นสื่ออยู่ แต่ยังทำผิดไปลงสมัครเลือกตั้งปาร์ตี้ลิสต์ 4-7 เม.ย.2566 ที่ผ่านมา “สิ่งที่ทำให้ผมสันนิษฐานว่านายพิธารู้เรื่องนี้มาตลอด ก็เพราะว่านายพิธา มีการเปลี่ยนที่อยู่ของตัวเอง โดยพบว่าในรอบสิบหกปีเปลี่ยนที่อยู่สามครั้ง ครั้งแรก เป็นบริษัทแห่งหนึ่งแจ้งจดทะเบียนอยู่ที่ตึกอาคารอื้อจือเหลียง ครั้งที่สองกลับไปอยู่บ้านพ่อ ครั้งที่สามไปอยู่คอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นที่พักที่แจ้งกับ ป.ป.ช.ต่อยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ทำให้สันนิษฐานได้ว่า นายพิธารู้การถือครองหุ้นดังกล่าว” เรืองไกรกล่าว ด้วยเหตุนี้พิธาจึงหลุดจากการเป็นส.ส.และขาดความชอบธรรมจากบัญชีนายกฯของก้าวไกล แถมข้อบังคับของตัวพรรคเองก็ยังเขียนผูกเงื่อนตายมัดตราสังพิธาว่าห้ามสมาชิกพรรคถือหุ้นสื่อ เวรกรรมแท้ๆ ขนาดข้อบังคับพรรคตัวเองก็ยังฝ่าฝืนแถมไม่เป็นใจให้พิธาอีก

ล่าสุดเจ้าตัวออกมาเขียนเฟซบุ้คตอบโต้ขึ้นหัว ” ผมพร้อมสู้กับความพยายามคืนชีพITV เพื่อสกัดกั้นพวกเรา” ชี้แจงประเด็นที่ตัวเองอยากตอบ ไล่เรียงไทม์ไลน์ตั้งแต่ วันไอทีวีถูกยกเลิกสัญญา 7 มี.ค.2550 วันได้รับหุ้นจากกองมรดก 16 มี.ค.2550 วันที่หุ้นไอทีวีถูกถอดการซื้อขายจากตลาดในปี 2557 จนเข้าสู่การเมืองชนะการเลือกตั้ง 14 ล้านเสียง 14 พ.ค.2566 พร้อมระบุ การจัดทำแบบนำส่งงบการเงินและข้อมูลในหมายเหตุประกอบงบการเงินของไอทีวี ช่วงปี 2561 – 2565 มีความไม่สอดคล้องกัน มีข้อพิรุธที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อความที่ระบุในแบบนำส่งงบการเงิน พร้อมสรุปว่า มีพฤติการณ์ความพยายามฟื้นคืนชีพ ITV ให้กลับมาเป็นสื่อมวลชนเพื่อจัดการตัวเอง สุดท้ายระบุว่าได้โอนหุ้นเจ้าปัญหาให้ทายาทคนอื่นไปแล้วพร้อมปลุกมวลชนเดินหน้าเปลี่ยนแปลงประเทศไปด้วยกัน ” ผมขอยืนยันทุกท่านว่า ผมมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการชี้แจงต่อ กกต. ไม่มีความเป็นห่วงหรือกังวลใดๆ ต่อกรณีนี้ และจะไม่เสียสมาธิในการทำงานเด็ดขาด หลังจากนี้ผมจะเดินหน้าทำงานเตรียมการเปลี่ยนผ่านอำนาจ จัดตั้งรัฐบาลก้าวไกลที่มีพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีให้สำเร็จจงได้ในที่สุด ไม่มีใครหรืออำนาจไหน มาสกัดกั้นฉันทานุมัติของพี่น้องประชาชน ที่ได้แสดงออกไปเมื่อการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม ถึงกว่า 14 ล้านเสียง ได้อีกแล้ว ขอให้ทุกท่านสบายใจ และเดินหน้าเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปด้วยกันครับ” พิธาสร้างวาทกรรมในเฟซบุ๊ค

ตอนนี้ในสังคมไทยแบ่งความเห็นเรื่องพิธาถือหุ้นออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมองว่าผิดเต็มๆพิธาหัวโขนก๊วนส้มโดนแน่ เพราะถือหุ้นชัดเจน ไอทีวีเป็นสื่อ มีการประกอบการได้กำไรขาดทุนอยู่ กับ อีกฝ่ายหนึ่งมั่นใจว่าพิธารอดแน่นอน เพราะมีกรณีศาลตัดสินคดีชาญชัยถือครอง 200 หุ้นของ บ.เอไอเอสเป็นบรรทัดฐานที่ก็ยังรอด หุ้นทั้งหมดเป็นมรดก พิธาไม่มีเจตนา แถมล่าสุดก็โอนให้ทายาทคนอื่นไปแล้วก่อนจะมีการโหวตนายกฯ ยังไงหัวเด็ดตีนขาดพิธาก็ไม่ผิด ฝ่ายเชียร์ฝ่ายแช่งก็หาเหตุผลมาสนับสนุนมาคัดค้านก็ว่ากันไป แต่มีประเด็นที่ต้องมาแย้งสิ่งที่หน้าหล่อพ่อส้มออกมาเขียน FB ดังนี้ ประการแรกกรณีบอกว่า หุ้นไอทีวีไม่มีมูลค่าแล้วไม่มีการขายในกระดาน โอเคประเด็นนั้นเป็นเรื่องจริงแต่ที่ต้องแย้งก็คือ จตุรงค์ สุขเอียด อดีตบรรณาธิการข่าวเฉพาะกิจ ไอทีวี ออกมาเขียน FB คัดมาตอนหนึ่งว่า ” เขาว่าหุ้นไอทีวีถูกถอดจากตลาดหลักทรัพย์แล้วเมื่อปี2557 แต่หุ้นไปอยู่ที่ศูนย์รับฝาก บังเอิญอะไร ไม่รู้พี่ก่อนจะมีคนไปร้องเรียนเรื่องหุ้นคุณพิธา มีคนหนึ่งไปซื้อหุ้นกันแล้วเปลี่ยนชื่อผู้ถือ ผมไม่เข้าใจเรื่องการขายหุ้นนอกตลาดแต่เขาว่าก็ทำได้เหมือนในตลาด มีการซื้อกันแล้วเปลี่ยนผู้ถือได้ แปลกนะผมว่า มันไม่มีราคา แล้วนิ่งมานานทำไมมาซื้อกัน แล้วตอนนี้ ไอทีวี มีแผนทำสื่อไหม เขาว่า ไอทีวี ยังไม่มีทีมผลิตคอนเท้นต์ของตัวเอง แต่ยังมีวัตถุประสงค์ตามจดแจ้งอยู่สามารถจัดหารายการได้ ถ้าจำไม่ผิด คาดว่า เดือนนี้ คงรู้ผลจากศาลปกครองสูงสุด ถึงสถานะของไอทีวีว่าจะชนะคดีตามคาดหรือไม่” เรื่องนี้ก็ชัดไปอีกดอก

ประเด็นต่อมาพิธาโยนเผือกร้อนออกจากตัว ให้สัมภาษณ์เขียน FB โอนหุ้นให้ทายาทคนอื่นไปแล้ว เพราะเกรงว่าอนาคตมีคนจะทำให้ไอทีวีคืนชีพเป็นสื่อมาเล่นงานตัวเอง อย่างนี้ก็ได้หรือพิธาพูดจน นักกฎหมาย นักวิชาการ ขยี้ตาปั่นหูกันอุตลุต ต้องลุกขึ้นมาให้สัมภาษณ์ ปั่น FB กันมือหงิก ถามว่าพิธาโอนหุ้นไปเมื่อไหร่ วันไหน ถ้าเพิ่งโอนช่วงปลายเดือนพ.ค.ตอนที่เป็นข่าว หลายคนเห็นแย้งฟันธงว่า ความผิดมันสำเร็จไปแล้วเพราะพิธาไปสมัครเป็นส.ส.ตั้งแต่ 4-7 เม.ย.2566 ยิ่งมาโอนตอนนี้ก็ยิ่งชัดว่ากลัวความผิดเหมือนวัวสันหลังหวะ ต่อให้ยังไม่ถึงวันโหวตนายกฯ แต่การขาดคุณสมบัติความเป็นส.ส.แล้วไปสมัครส.ส.ไปรับรองผู้สมัครของก้าวไกลมันเกิดขึ้นไปแล้ว ซิเบ้ง (ตายห่าภาษาคนภูเก็ต) แน่นอนถ้าแบบนี้ ตอนนี้พิธาเหมือน “ลิงแก้แห” ยิ่้งแก้เหมือนยิ่งยุ่ง คิดอะไรไม่ออกก็ท่องคาถา ” 14 พ.ค. 14 ล้านเสียง” เอามาเป็นเกราะกำบัง ทั้งๆที่ตัวเองทำผิด ขาดคุณสมัติสมัครส.ส.ตั้งแต่ต้น ไม่รู้ตั้งใจไม่แจ้งเพราะคิดว่ารู้กฎหมายชี้แจงสบายอยู่แล้วหรือจงใจให้เกิดความเข้าใจผิดหวังดิสเครดิตศาล กระบวนการยุติธรรม หรือองค์อิสระ เพื่อหวังปลุกกระแส ที่สอดคล้องกับการออกมารับลูกของปิยะบูดที่ออกมาเขียน FB เรื่อง ” 2 กลไก นิติสงคราม” สาธยายวาทกรรม มีความพยายามใช้ศาลกับองค์กรอิสระประหารนักการเมือง ฟื้นตุลาการภิวัฒน์เหมือนปลายปี 2558 พร้อมเรียกร้องมวลชนให้ออกมาหยุดนิติสงคราม ไม่ให้หนังม้วนเก่ากลับมาหลอกหลอนสังคมไทยอีกต่อไป คนของตัวเองทำผิดแต่ไม่ยอมรับผิด

สถานการณ์ตอนนี้พิธาหลังพิงฝา เข้าตาจนแล้ว ยิ่งโดนหมัดหนักๆจากหลายทิศ ยิ่งออกลูกมั่วให้เห็น เก็บอาการไม่อยู่ แถมไประเบิดอารมณ์จะเชคบิลบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ไปทำอะไรให้ เรื่องคืนชีพไอทีวีไปไล่เรียงดูดีๆ ไอทีวีเป็นของใคร ไอทีวีถือหุ้นโดยใคร ไอทีวีใครเป็นเจ้าของ พิธาล้มพิธาหัวทิ่มใครจะได้ประโยชน์ คนในที่เป็นใหญ่ หรือ คนข้างนอกที่รอเก็บกินจังหวะสอง ฉลาดเป็นกรดจบฮาวาดอย่างพิธาน่าจะปะติดปะต่อหมกเกมนี้ได้ ใครคือ “ไอ้โม่ง” ที่อยากให้พิธาล้มจริงๆ ถ้าพิธาไม่รู้จริงก็สมกับที่เป็นหุ่นเชิดของ “ทอน-บูด” ที่ชักใยหน้าหล่อไปเรื่อยสนองตัณหาของตัวเอง ดูทรงสถานการณ์ตอนนี้ก็ละม้ายคล้ายตอนทักษิณถูกคดีซุกหุ้น ที่ทักษิณถูกป.ป.ช.ชุด โอภาส อรุณินท์ เป็นประธานมีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ตอนนั้นมีการสืบพยานกันมากมายกลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ ฝ่ายป.ป.ช.มีกล้าณรงค์ จันทิก เป็น “ตัวตัง” คนซักค้านนำสืบ มีการแฉว่าทักษิณ โอนหุ้นไปซุกไว้ที่แม่บ้าน คนขับรถ คนเลี้ยงเด็ก เพื่อปิดบังอำพราง ทักษินแก้ต่างว่าเป็นเรื่องปกติทางธุรกิจบ้าง ติ๊กข้อมูลพลาดบ้าง พร้อมวลีคลาสสิคทางการเมือง ว่าการกระทำของตัวเองกับเมีย เป็น “การบกพร่องโดยสุจริต” ระหว่างช่วงพิจารณาคดี มีความพยายามสร้างกระแสกดดัน ปลุกมวลชนมากดดันศาล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สารพัดวิธีเพื่อช่วยให้ทักษิณพ้นผิด 3 ส.ค. 2544 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลงมติ 8 ต่อ 7 เสียง ให้ทักษิณ พ้นผิดในคดีซุกหุ้นอย่างหวุดหวิด 8 คนที่ตัดสินว่าทักษิณไม่ผิดประกอบด้วย กระมล ทองธรรมชาติ, อนันต์ เกตุวงศ์ , พล.ท จุล อติเรก, ปรีชา เฉลิมวณิชย์, ผัน จันทรปาน, ศักดิ์ เตชาชาญ, จุมพล ณ สงขลา และ สุจินดา ยงสุนทร ส่วนตุลาการเสียงข้างน้อย 7 คน ที่วินิจฉัยว่าทักษิณผิด ประกอบด้วย ประเสริฐ นาสกุล, อมร รักษาสัตย์, สุจิต บุญบงการ, มงคล สระฏัน, สุวิทย์ ธีรพงษ์, อุระ หวังอ้อมกลาง และ อิสสระ นิติทัณฑ์ประภาศ ท่ามกลางกระแสข่าวมีการใช้เงินมหาศาลเปลี่ยนแปลงคดีซื้อคำวินิจฉัย เท็จจริงไม่มีใครรู้แต่หลังวันนั้นทักษิณเหมือนพยัคฆ์ติดปีก นั่งเป็นนายกฯยาวๆ 2 สมัย ก่อนโดนบิ๊กบังปฏิวัติ หยิบยกเรื่องนี้มาเล่ายาวๆ เพราะประวัติศาสตร์เหมือนจะซ้ำรอย วนลูปมาอีกรอบพิธา ปิยะบูด แกนนำก้าวไกลกำลังปลุกมวลชน กดดันกกต.ให้ไม่ส่งเรื่องต่อไปศาล กดดันศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาให้พ่อส้มพ้นผิด ด้วยเหตุนี้ “นิติสงคราม” กับ “ตุลาการภิวัฒน์” จึงถูกคนชั่วหยิบมาสร้างวาทกรรมปั่นหัวคนไทยอีกครั้ง
////////////////////////////

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"อุตุฯ" เผย "เหนือ-อีสาน-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า เตือนใต้ยังรับมือฝนตก
แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก
สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก
“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น