4 องค์กรปกป้องสถาบันฯ พา “ไบร์ท ชินวัตร” มอบตัวคดี 112 เจ้าตัวลั่นสำนึกผิด ยอมรับผลตามกม.

ทั้งนี้นายอานนท์, นายนพดล และไบร์ท ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวท็อปนิวส์ โดยนายอานนท์ เล่าถึงการนำตัว “ไบร์ท ชินวัตร”มามอบตัวกับพนักงานสอบสวน หลัง “ไบร์ท ชินวัตร” กลับใจเปลี่ยนขั้วสำนึกผิด โดยได้เล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ “ไบร์ท ชินวัตร” ได้กระทำผิด โดยมีการปราศรัยพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ โกนหัวร้องเพลงประท้วง ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ที่หน้าศาลอาญากรุงเทพฯใต้ เมื่อวัน 28 ก.ค. 2565 และในวันนี้ตนได้มาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และในวันพรุ่งนี้ก็จะพาตัว “ไบร์ท ชินวัตร” ไปยังสำนักงานอัยการ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายต่อไป

นายอานนท์ ยังกล่าวด้วยว่า ใครก็ตามที่อยากจะเปลี่ยนใจก็ให้ติดต่อมาทาง “ไบร์ท ชินวัตร” พวกตนเปิดโอกาสให้กับพี่น้อง ลูก ๆ หลาน ๆ ที่ยังหลงผิดอยู่ แต่ใครก็ตามที่จะเปลี่ยนใจแต่โดนคดีอยู่ ตนก็ยังพูดเหมือนเดิมว่าต้องว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย คุณต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรมให้ได้ก่อน แล้วกลับมาเดินอย่างสง่างามในประเทศไทย และขอฝากไปถึงพี่น้องกลุ่มของเรา ว่าควรต้องเปิดใจ

ด้าน”ไบร์ท ชินวัตร” กล่าวย้ำถึงการเปลี่ยนจุดยืนทางการเมือง มาเป็นการสนับสนุนสถาบันพระมหากษัตริย์ ตนไม่มีเจตนาใด ๆ แอบแฝง ขณะที่บางคนอาจมองว่าตนกลัวเรื่องคดีความ จึงขอยืนยันว่าทุกคดีความก็จะต้องเข้าสู่ขั้นตอนตามกระบวนการกฎหมาย ไม่ว่าศาลจะมีดุลยพินิจเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับศาล ตนในฐานะประชาชนคนหนึ่ง พร้อมที่จะเคารพในดุลยพินิจของศาล แล้วอยากบอกว่าวันนึงที่ตนเคยเข้าใจผิดได้รับข่าวสารมาแบบผิด ๆ มาวันนี้ได้แหล่งข้อมูลข่าวสารที่ดี ทำให้เราสำนึกและยั้งคิดได้ คิดกลับตัวกลับใจเดินหน้าต่อสู้เพื่อการปกป้องสถาบันต่อไป ตนรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

สำหรับจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแนวทาง หันมาปกป้องสถาบันนั้น ก็เป็นไปตามที่ตนเคยบอกกับสังคมว่าการต่อสู้ที่ผ่านมา ที่ตนเคยออกมาพูดเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ตามความเข้าใจของตน คือการไม่อยากให้ใครนำสถาบันลงมาแอบอ้าง นำสถาบันลงมา ทำให้เสื่อมเสีย แต่พอเราอยู่ไปเรากลับมีความรู้สึกว่ามีกลุ่มขบวนการที่ต้องจัดทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยอย่างแท้จริง ดังนั้นต้นทุนทางสังคมของตนในเรื่องของสถาบัน บ้านตนคนภายในครอบครัวมีความจงรักภักดีต่อสถาบันอยู่แล้ว สิ่งที่ตนพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง และการที่ตนเข้ามา ไม่มีใครนำเงินมาให้ หรือมีใครมาชวน แต่ตนตัดสินใจด้วยตัวเองด้วยใจอันบริสุทธิ์

ส่วนคดีในมาตรา 112 ของตนนั้นมีทั้งหมด 7 คดี อีก 6 คดีอยู่ในกระบวนการของศาลอยู่แล้ว ส่วนคดีนี้เป็นคดีล่าสุด ตนพึ่งมาทราบหมายจึงอยากรีบเข้าสู่กระบวนการให้ไวที่สุด ซึ่งก็ว่ากันไปตามขั้นตอนของศาล ซึ่งตั้งแต่วันที่ตนเองเปลี่ยนใจ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เพื่อนพี่น้องที่เคยต่อสู้ร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองกันมา วันนี้พอทราบข่าวว่าตนตัดสินใจเปลี่ยนแนวความคิด ก็มีบางส่วนติดต่อมาเพื่อให้กำลังใจ และมีความคิดที่จะเปลี่ยนใจคล้าย ๆ กับตน แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเปิดตัว เพราะกลัวทัวร์ลง ตนอยากฝากบอกไปยังใครบางคนที่ออกมาพูดเรื่องประชาธิปไตย ต้องเคารพสิทธิผู้อื่น แต่พอตนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกลับมาต่อว่า ข่มขู่คุกคาม ตนจึงอยากฝากบอกว่า ตนไม่ได้กลัวเรื่องความตายหรือกลัวว่าใครจะมาทำร้ายอะไรตนขอยืนในจุดที่ตนทำแล้วสบายใจและทำเพื่อความถูกต้อง และขอยืนยันอีกครั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ยังคงต้องยืนอยู่เคียงข้างกับคนไทยตลอดไป

นอกจากนี้ “ไบร์ท ชินวัตร” ยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้เริ่มมีเพื่อนบางคนที่คิดอยากจะกลับตัวกลับใจ เปลี่ยนแนวทาง ตนก็ได้มีการพูดคุยกับเพื่อนเหล่านั้น บางคนอยากเปิดอกตนก็เคยพามาคุย ทุกคนต้องเปิดใจให้กว้าง บางทีคนที่อยากกลับใจที่เคยหลงผิดเหมือนกับตน บางครั้งมันโดนหลายอย่าง โดนถล่ม โดนทัวร์ โดนขู่คุกคาม วันนึงที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวและเดียวดาย เขาอยากจะหากำลังใจ ทั้ง ๆ ที่ใจเขาคิดเปลี่ยนมายืนในจุดที่ถูกต้องแล้ว ถ้าเขาเห็นว่ามีกำลังใจรอเขาอยู่ มันก็จะช่วยให้มีพลังในการก้าวต่อสู้ และกล้าที่จะฟาดฟันต่อคนที่คิดไม่ดีต่อสถาบัน ก็อยากจะฝากไว้ ตนไม่มีเจตนาอื่นใดเลย และก็อยากจะขอเชิญชวนเพื่อน ๆ ร่วมอุดมการณ์ที่คิดคล้าย ๆ กับตน เรามาร่วมกันทำเพื่อบ้านเมืองของเราดีกว่า และการที่จะไปด่าพระองค์ท่านไม่สามารถที่จะทำให้ประเทศชาติเจริญไปกว่านี้ได้เลย