วันที่ 7 มิ.ย.66 คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้จัดประชุมคณะกรรมการประจำเดือนมิถุนายน โดยมีนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธานการประชุม / นายภูมินทร์ หะรินสุต รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และ/ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นประธานร่วม
นายผยง ระบุว่า ที่ประชุม กกร. ได้ประเมินเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลังอาจฟื้นตัวได้น้อยกว่าที่คาดไว้เดิม เศรษฐกิจโลกในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2566 แผ่วลง เป็นผลจากการที่เศรษฐกิจจีนไม่ได้ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังการเปิดประเทศอย่างที่คาดการณ์ไว้ โดยการฟื้นตัวในภาคบริการมีสัญญาณแผ่วลง ขณะที่ภาคการผลิตยังไม่ฟื้นตัว ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปเผชิญแรงกดดันจากภาวะอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง การฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ล่าช้ากว่าที่คาด ทำให้เศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลังยังอยู่ในภาวะชะลอตัว จนกว่าประเทศใหญ่อย่างเช่นประเทศจีนจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา
นายผยง ระบุว่า เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 4 เดือนแรกเข้ามาสูงกว่า 8 ล้านคน และทั้งปีมีศักยภาพที่จะมากถึง 30 ล้านคน ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการจ้างงาน นอกจากนี้ รายได้ในภาคเกษตรและเกษตรอุตสาหกรรมยังขยายตัว ทำให้ในภาพรวมผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นและมีการใช้จ่ายบริโภคเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าการส่งออกในปี 2566 จะหดตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ด้านเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยท้าทาย โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปรับขึ้นอีก 0.25% เป็น 2% และมีแนวโน้มว่าจะยังปรับขึ้นต่อไปด้วยเหตุว่าเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังอาจได้รับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มเติมจากการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญที่จะส่งผลกระทบต่อผลผลิตเกษตรและราคาสินค้าในระยะข้างหน้า รวมถึงหากมีการปรับขึ้นค่าแรงในอนาคต