เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “บ่วง!!” ถึงกรณีการถือหุ้นของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคว่า มีสิทธิสู้คดี แต่การสู้ต้องยอมรับผลของคดีด้วย เพราะตัวเองได้ตัดสินใจเข้าไปเล่นในกติกามาตั้งแต่ต้นแล้ว เมื่อพลาดต้องยอมรับว่าพลาด เมื่อตัดสินใจเล่นเกมแล้วต้องยอมรับชะตากรรมตามกฎหมาย อีกทั้งย้ำว่าเรื่องนี้จะนำพาไปสู่ความแตกแยกใหญ่ เพราะเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. อาจรับรอง ส.ส.เบื้องต้น ก็คงส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ และศาลคงใช้หลักการเดียวกัน โดยสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ซึ่งปลายทางหนีไม่พ้น ส่วนศาลจะวินิจฉัยผลลัพธ์อย่างไรก็เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งว่า จะลามไปกระทบ ส.ส.ที่ได้รับรองไปหรือไม่
“จตุพร” แนะ “พิธา” รับความจริง ขาดคุณสมบัตินั่งนายกฯ ถอยตัวเองก่อนพาประเทศสู่ความขัดแย้ง
ข่าวที่น่าสนใจ
นายจุพร กล่าวอีกว่า เมื่อนายพิธา ติดบ่วงการถือหุ้นสื่อแล้ว ย่อมเกิดเหตุใหญ่กับตำแหน่งประธานสภา ซึ่งอาจไม่ใช่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่ต้องการจะเป็นตำแหน่งนี้เสียแล้ว แต่อาจเป็น ส.สมศักดิ์ หรือ ส.สุชาติ ที่ทั้งสองคนย้ายมาจากพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการเลือกนายกฯ ในสถานการณ์ประเทศเผชิญหน้ากับความแตกแยกรุนแรง ซึ่งเชื่อว่าการแตกแยกครั้งนี้จะลุกลามครั้งใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งเห็นว่า เมื่อเกิดการยึดอำนาจ ข้ออ้างการกระทบต่อสถาบันกษัตริย์ จะนำมาใช้เป็นเหตุในการยึดอำนาจ แต่จะทำให้คนอีกฝ่ายหนึ่งทนไม่ได้ก็ออกมาเผชิญหน้า อย่างไรก็ตามหากนายพิธายอมรับความจริงเสียก่อน มันก็จบแค่นายพิธา ถ้ายอมรับไม่ได้ก็จะเป็นชนวนพิธา ทำให้เกิดการลุกลามขึ้นในสังคม
จึงเป็นสถานการณ์เปราะบางมาก ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นการประชุมสภาก็ไม่ได้ประชุม และอาจรุนแรงลามถึงขั้นเลือกประธานสภาและเลือกนายกฯ ไม่ได้ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง