“ดร.ปณิธาณ” เตือนชัด ระวังประชามติ แยกรัฐปาตานี เพิ่มแตกแยก แรงต้านจะรุนแรง

"ดร.ปณิธาณ" เตือนชัด ระวังประชามติ แยกรัฐปาตานี เพิ่มแตกแยก แรงต้านจะรุนแรง

 

สืบเนื่องจากกรณีที่พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 และโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) ออกแถลงการณ์ชี้แจงเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2566 กรณี “ขบวนนักศึกษาแห่งชาติ” จัดปาฐกถาพิเศษ และมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการทำประชามติแยกดินแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา

แถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ได้มีการจัดงานเปิดตัว ขบวนนักศึกษาแห่งชาติ ( Pelajar Kebangsaan) เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2566 ณ ห้องประชุมศรีวังสา คณะรัฐศาสตร์ มอ.ปัตตานี โดยภายในงานได้มีการกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “การกำหนดอนาคตตนเอง (Self Determination) กับสันติภาพปาตานี” รวมทั้งได้มีการจัดพิมพ์บัตรเพื่อร่วมแสดงความเห็นผ่านสื่อโซเชียล ในประเด็น “ให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย” ซึ่งได้สร้างความวิตกกังวล และตื่นตระหนักของประชาชนในสังคมอย่างกว้างขวาง

 

 

จากกรณีดังกล่าว กอ.รมน.ภาค 4 สน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า) ได้เข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อมูลเชิงลึกอย่างรอบด้านแล้ว พบว่าขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ (pelajar Bangsa) เป็นองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมือง จัดตั้งขึ้นจากการรวมตัวของนิสิตนักศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้เคลื่อนไหวเรียกร้องในเรื่องสิทธิในการกำหนดใจตนเอง (right to self determination) ทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อองค์กรเป็นขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ เมื่อ 31 พ.ค.2566 โดยมี นายอิรฟาน อุมา เป็นประธานขบวนการนักศึกษาแห่งชาติคนปัจจุบัน

สำหรับการจัดกิจกรรม เมื่อ 7 มิ. ย.2566 พบว่าเป็นการเปิดตัวขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ โดยมีนักการเมือง, สมาชิกพรรคการเมือง, นักวิชาการ รวมทั้งเครือข่ายนักศึกษาเข้าร่วม และสนับสนุนกิจกรรมจำนวนหนึ่ง

โดยจากการตรวจสอบรายละเอียดของกิจกรรมพบว่ามีหลายประเด็นที่ล่อแหลมหมิ่นเหม่ และอาจเข้าข่ายต่อการละเมิดหลักกฎหมาย โดยขอยืนยันว่าภาครัฐได้ส่งเสริมและสนับสนุนสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นทางการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของปวงชนชาวไทยทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา โดยไม่เลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ แต่การแสดงออกดังกล่าวจะต้องไม่ไปละเมิดต่อหลักกฎหมายและบูรณภาพแห่งดินแดนที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ได้ระบุไว้ว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้”

 

 

 

ทั้งนี้ขอยืนยันว่าการลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นเอกราช ไม่สามารถกระทำได้ เพราะเป็นการละเมิดกฎหมายและบูรณภาพแห่งดินแดน และเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งรัฐ โดยปัจจุบันเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้ตามความเหมาะสมต่อไป

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดรศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรรมการในคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่อง “ประชามติแยกดินแดน” หรือ Self Determination เอาไว้อย่างน่าสนใจ

 

 

 

“แนวโน้มที่แนวทางการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้มีบทบาทมากขึ้นจากท้องถิ่น ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ เพียงแต่ว่าอย่าไปกระตุ้นต่อมความกลัวของคนดีกว่า ไปใช้สัญลักษณ์ ไปใช้คำพูด ไปใช้อะไรที่มันดูแล้วหวือหวาน่ากลัว ก็จะโดนต่อต้านโดยไม่จำเป็น แล้วก็จะไปกระตุ้นความรู้สึกกลัวของคนหลายกลุ่ม เดี๋ยวก็จะเกิดแนวร่วมต่อต้าน

ความรู้สึกตอนนี้มันปั่นป่วน เพราะว่าเขาไปกระตุ้นคำว่า ‘ปาตานี’ ไปกระตุ้นว่าจะยกระดับ จะไม่เอามาเลเซียมาเป็นคนกลางในกระบวนการพูดคุยสันติภาพ (ที่จะตั้งขึ้นใหม่) ก็ป่วนไปหมด คิดว่าสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทหารกองทัพภาค 4 เขาค้านแล้ว คุณนิพัทธ์ (พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตรัฐมนตรีกลาโหมในรัฐบาลชุดใหม่) จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวให้เบา ๆ หน่อย

เรื่องประชามติที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งแยกดินแดน ยังไม่ควรทำอะไร ไม่ควรทำ มันจะแตกแยก แต่มติกระจายอำนาจในการสร้างอัตลักษณ์..ทำได้ แต่ต้องทำให้เหมาะสมจริง ๆ ไม่ใช่ฮึกเหิมเหมือนที่ผ่านมา ที่ออกมาแต่งตัวชุดมลายู มันไปออกแนวการเมืองหมด มันไม่ออกแนววัฒนธรรม มันออกแนวนักรบ ออกแนวที่มันน่ากลัวกับพวกฝ่ายที่เขาไม่เห็นด้วย แบบนี้เข้าทางทหารเลย ทหารยิ้ม บอกว่าอย่างนี้เขาต้องการผมแล้วเห็นมั้ย เขาต้องการให้เราอยู่ต่อ

 

 

ผมคิดว่าจะพูดคุยสันติภาพหรือสันติสุข (รัฐบาลชุดใหม่เสนอให้ใช้คำว่า พูดคุยสันติภาพ ไม่ใช้คำว่าพูดคุยสันติสุข เหมือนที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ใช้) ผมว่าสันติสุขมันลึกซึ้งกว่าสันติภาพ แต่ว่าเขาจะเอาสันติภาพที่ทำแค่การหยุดยิงแค่นั้น แต่เขาจะเอาสันติภาพแบบฝรั่ง สันติสุขฝรั่งไปไม่เป็น แต่สันติภาพเขาไปเป็น เพราะเขาเป็นเจ้าตำรับสันติภาพ

การคุยสันติสุขต้องตั้งหลักให้ดี อันนี้คือเดิม ๆ ที่บอกว่าจะเปลี่ยนอุดมการณ์ แนวคิด ปรัชญาทั้งหมดในการแก้ปัญหาภาคใต้ ก็ต้องคุยให้ดีกว่านี้ แล้วทำเวิร์คช็อป เปิดกว้างเพื่อถกเถียงกันจริง ๆ ว่าเราจะเปลี่ยนอุดมการณ์ จะเปลี่ยนชื่อเป็นปาตานี ให้มันเห็นได้ชัดเจนว่า ไปแนวเอกราชแบ่งแยกดินแดนไหม ก็ให้มันชัดตรงนี้ไปเลย ก็คุยกันในเวิร์คช็อปนี่แหละ

ปัญหาสามจังหวัดจะไม่เหมือนอาเจะห์ (ของอินโดนีเซีย) อาเจะห์มีความชัดเจนในตัวเองอยู่เยอะ ในอินโดนีเซียมีความชัดเจนในการไปยึดครองเขา ใช้กำลังปราบปรามอย่างรุนแรง เป็นที่รู้กันว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนสุดโต่งหลายแบบ ของเรามันผ่านจุดนั้นมานานแล้ว บ้านเมืองมันเริ่มมีร้านกาแฟขายของได้ ของอินโดนิเซีย กรณีติมอร์ตะวันออก (แยกตัวเป็น ติมอร์เลสเต) ก็ได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติชัดเจน จากโปรตุเกสเจ้าของอาณานิคมเดิม จากฝรั่งจากยุโรปชัดเจนมากกว่าเราเยอะ ผ่านระบบยูเอ็นมาเยอะ แล้วมันถึงทำได้

แต่ของเรายังไม่เดินไปถึงจุดนั้น แต่พวกเราก็มีการเร่งรัด พยายามที่จะผลักดัน แต่ว่ามันยังไปไม่ถึง เพราะพื้นฐานมันคนละแบบ การยึดครองเรื่องกำลังการกดขี่ขมเหงกัน มันเป็นเรื่องของอัตลักษณ์อย่างเดียว ของเรามันมีเรื่องศาสนา มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอยู่ด้วย

เรื่องประชามติแยกดินแดน ทุกๆ ประเทศก็สามารถสงวนสิทธิ์ เพราะว่าเป็นเจ้าของอธิปไตยอยู่แล้ว ประธานาธิบดีของเขาอ่อนแอ (หมายถึงกรณีติมอร์เลสเต) ทุกวันนี้ยังตั้งหลักไม่ได้ เข้าอาเซียนก็ยากลำบาก เพราะว่าสิงคโปร์ ใครต่อใครก็ต่อต้าน เพราะอ่อนแอมาก ต้องช่วยอยู่ตลอดเวลา เขาได้รับการช่วยเหลือจากนานาชาติเยอะ ทำให้ความแปรปรวนจากการเมืองมี แต่ต้องช่วยเหลือเป็นหลัก ต้องให้ออสเตรเลียบริหารเยอะ ก็เสียประโยชน์

ของเราผมคิดว่า หนึ่ง ข้อดีเราก็น่าจะพูดคุยได้มากขึ้น เน้นสันติภาพในรูปแบบของสันติสุข คือถ้าเขายังให้บทบาทกับอาจารย์วันนอร์ (นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ) อาจารย์วันนอร์ คุณนิพัทธ์ คุณทวี (พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ และอดีตเลขาธิการ ศอ.บต.) ถ้าเขายังฟังบ้าง ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะฟังหรือเปล่า ผมคิดว่าเขายังให้ความเห็นจากประสบการณ์เดิมได้ โดยเฉพาะท่านนิพัทธ์ ท่านรู้เรื่องอาเจะห์ดี ท่านไปมาแล้ว ท่านอยู่ในกระทรวงกลาโหม ท่านรู้ดีว่ากระทรวงกลาโหมคิดอย่างไร จะไปข้างหน้าอย่างไร ถ้าเขาไม่ฟัง เขาจะทำตามฝูงชน อันนี้น่ากลัว

 

 

 

คำว่า ‘ปาตานี’ มันเป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งแยกดินแดนไปแล้ว ให้ประชาชนให้ความเห็นว่า ทิศทางในอนาคตควรจะเป็นอย่างไร เป็นรัฐอิสระหรือว่าต้องการเป็นปาตานีแบบเดิม ผมว่ามันเป็นทั้งโอกาสแล้วก็เป็นทั้งจุดเปลี่ยน ถ้าเขาสามารถที่จะต่อยอด การเดินหน้าของภาคใต้ก็ควรจะยึดโยงกับกรอบเดิมที่สำเร็จบางอย่าง ส่วนที่ไม่สำเร็จ เช่น เรายังไม่สามารถมีรอมฎอนที่สันติจริง ๆ หรือวันศาสนาของพุทธสำเร็จจริง ๆ ตรงนี้คือการยุติความรุนแรงจริง ๆ กรอบที่เป็นไปได้ก็ทำไปก่อน แต่เขาหลีกเลี่ยงไม่พูดตรงนี้”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
จีนเตือนสหรัฐกำลังเล่นกับไฟหลังส่งอาวุธให้ไต้หวัน
อิลอน มัสก์วิจารณ์แรงผู้นำเยอรมันเหตุโจมตีตลาดคริสต์มาส

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น