พิธา…..กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง

เปิดอุปสรรคขวางพิธาเป็นนายกฯ เปิดขวากหนามทำก้าวไกลอาจไม่ได้เป็นรัฐบาล ดาบแรกหุ้นไอทีวีตามหลอนพิธา สรุปไอทีวีเป็นสื่อ ยังประกอบการมีกำไรขาดทุน ยังไม่เลิกกิจการ ดาบสองความไม่ชอบมาพากลในธุรกิจครอบครัว เรื่องยุ่งในกงสี ปล่อยกู้ปริศนา ค้ำประกันเงินกู้จากสถาบัน แจ้งป.ป.ช.ชัดเจนหรือยัง ดาบสามพูดชื่อสุราโฆษณาเหล้าโจ๋งครึมผิดกฎหมายเต็มๆ ดาบสี่หาเสียงหนุน 376 ได้ครบไหม ส.ว.ยกมือให้หรือยัง ไม่มีทางได้โหวตแน่ เพราะสภาสูงรู้ดี ฝ่ายส้มล้มเจ้า พิธากับก้าวไกลชังชาติหวังล้มสถาบัน ไม่มีทางถึงฝันเป็นนายกฯได้เป็นรัฐบาล

ไม่รู้บุญมีแต่กรรมบัง ฟ้าลงทัณฑ์หรือสวรรค์กลั่นแกล้ง  แม้ชนะการเลือกตั้ง 14 ล้านเสียงจากการลงคะแนน 14 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา แต่ตอนนี้โอกาสในการเป็นนายกฯของ “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในการนั่งเป็นนายกฯขึ้นแท่นเป็นสร.1 คนที่ 30 รวมถึงความเป็นไปได้ที่ก้าวไกลจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล จนถึงตอนนี้ต้องบอกว่ายังลูกผีลูกคน แม้จะมีการแถลงจัดตั้งรัฐบาลไปแล้ว แม้จะมีการจับมือลงนาม MOU 8 พรรค 312 เสียง เดินสายหาแนวร่วมพบเอกชน คุยผู้ประกอบการ หารือกับหน่วยราชการไปบ้างแล้ว แต่ในแวดวงการเมืองในสนามข่าว หลายคนก็ยังไม่มั่นใจว่าพิธากับก้าวไกลจะไปถึงฝั่งฝันเป็นรัฐบาลบริหารประเทศได้

ด้วยเหตุที่ยังมีอุปสรรคขวางหนามฝ่ายส้มล้มเจ้าอีกมาก เพราะยังมีหลายเรื่องที่พิธากับก้าวไกลต้องผ่านไปให้ได้ ลำพังแค่ตัวพิธาเองก็มีคดีมีเรื่องที่ต้องเคลียร์บานเบอะ กรณีแรกคือเรื่องการถือครองหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น ที่เป็นมรดกหลังบิดา คือ พงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตที่ปรึกษารมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสียชีวิตลง ก่อนที่พิธาจะได้รับการแต่งตั้งเป็นทายาทผู้จัดการมรดกเมื่อ 16 มี.ค.2550 ประเด็นนี้เจ้าตัวยืนกรานว่ามีเจตนาบริสุทธิ์ที่ไม่ชี้แจงเรื่องหุ้นไอทีวีก็เพราะเห็นว่าไอทีวีเลิกกิจการไปแล้วตั้งแต่ถูกยกเลิกสัญญาเข้าร่วมทำทีวี ระบบ UHF ตั้งแต่ 7 มี.ค.2550 ก่อนที่ปี 2557 ตัวหุ้นไอทีวีจะถูกถอดออกจากซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยมูลค่าต่ำเตี้ยเรี่ยดินและกำลังมีคดีความฟ้องร้องอยู่ในศาล พิธามั่นใจว่าไอทีวีไม่ได้ประกอบการแล้วจึงไม่มีสภาพเป็นธุรกิจสื่อที่เป็นเรื่องต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้มีการดำเนินการโอนหุ้นตัวนี้แต่อย่างใดและยังถือครองมาจนถึงการสมัครรับเลือกตั้งในปีนี้ เมื่อ 3-7 เม.ย.2566 ที่เจ้าตัวก็ยังไปรับสมัครผู้สมัครส.ส.เขตของก้าวไกล ขณะที่ 4 เม.ย.2566 ก็ยังไปสมัครเป็นปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1 ของพรรค พร้อมถูกเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯเพียงคนเดียวของก้าวไกล ทั้งหมดคือสิ่งที่พิธามั่นใจว่าไม่ผิด

แต่ประเด็นนี้ก็กลายเป็นเรื่องร้อนที่ทำให้เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ไปร้องกกต.ว่าพิธาทำผิดรัฐธรรมนูญ มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายสูงสุดบัญญัติไว้ ทั้ง ม.98 (3) ม.160 (6) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ม.151 แม้กระทั่งข้อบังคับพรรค โดยเฉพาะในประเด็น ม.98 ที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่า บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ฝ่ายเห็นว่าพิธาผิดมั่นใจนายกฯฝ่ายส้มหยุดเส้นทางการเมืองแน่ๆ เพราะมั่นใจไอทีวีเป็นสื่อ ไอทีวียังประกอบธุรกิจอยู่ ไอทีวียังมีผลกำไรขาดทุน ไอทีวียังไม่ยกเลิกการประกอบธุรกิจ ถือหุ้นแบบนี้ยังไงก็โดนเต็มๆ แนวคำวินิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็มีมามากแล้ว ถือหุ้นสื่อแม้เพียงหุ้นเดียวแค่ 5 บาทก็ยังผิด ก็เป็นข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญมากน้อยไม่มีข้อยกเว้น

ไม่ใช่แค่เรื่องหุ้นไอทีวีเท่านั้น พิธายังถูกสื่อเปิดโปงเรื่องความไม่ชอบมาพากลในการบริหารบริษัทที่เป็นกงสีของครอบครัวตัวเอง อย่าลืมว่าเสี่ยพงษ์ศักดิ์ผู้เป็นบิดาของพิธามีธุรกิจหลายอย่าง เป็นเจ้าของธุรกิจนับสิบบริษัท แต่ที่เป็นเรื่องก็คือ บ. อกริฟู้ด จำกัด ที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น บ. ออย ฟอร์ ไลฟ์ ผลิตน้ำมันรำข้าว ในช่วงที่พิธาเป็นกรรมการบริษัท ช่วงปี 2550-2559 มีการปล่อยกู้ปริศนาให้ใครก็ไม่รู้ ไม่คิดดอกเบี้ย ไม่มีหลักฐานการค้ำประกันทำให้บริษัทต้องแทงเป็นหนี้สูญถึง 117 ล้านบาท ถึงขนาดต้องมาตั้งงบประมาณชดใช้หนี้ก้อนดังกล่าวในภายหลัง แค่นั้นไม่พอในช่วงที่นั่งอยู่ในบริษัท พิธายังไปเซ็นค้ำประกันเงินกู้ของบริษัทกับสถาบันการเงินเป็นเงินสูงถึงเกือบ 460 ล้านบาท ไม่รู้การค้ำประกันตรงนี้ หนี้ตรงนี้ มีการรายงานกับป.ป.ช.หรือไม่ และมีความไม่ชอบมาพากลอย่างไร ทำไปทำมาบริษัทที่เป็นกงสีที่ว่าเกิดเงื่อนงำทั้งสองขา ยืมเงินสถาบันการเงินมา ปล่อยกู้ปริศนาให้ใครก็ไม่รู้ ยิ่งขุดยิ่งมึนยิ่งสาวยิ่งยุ่งอีรุงตุงนังดีแท้ ” โกงเงินกงสี หากินกับธุรกิจของตระกูล” หลายปีก่อนมีระดับคนใหญ่ในรัฐบาลเอามาเม้าท์มอยส์หอยสังข์ให้นักข่าวฟัง ไม่คิดว่าวันนี้จะกลายเป็นประเด็นร้อนในยุทธจักรการเมือง เท็จจริงก็ต้องพิสูจน์กันไปตามกระบวนการยุติธรรม

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดยิ่งไปกว่านั้น พิธายังถูก ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค เพื่อเอาผิดหลังจากไปออกรายการกรรมการข่าว “คุยนอกจอ” กับสรย้วย ทางช่องยูทูป โชว์เก๋าเล่าเรื่องนโยบายสุราก้าวหน้าและรสนิยมการดื่มของตัวเอง พร้อมกับเปิดเผยชื่อยี่ห้อและเชียร์สุราชุมชนที่ตัวเองดื่มหลายชื่อ อันเข้าข่ายเป็นการโฆษณา ต้องห้ามตามกฎหมาย ชนิดผิดเต็มๆ เผลออาจตายน้ำตื้นได้ง่ายๆ เพราะตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2551 ม. 32 บัญญัติชัดเจนว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือทางอ้อม….” ตามบทบัญญัติที่ว่า ยังกำหนดบทลงโทษไว้ใน ม. 43 สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน ม. 32 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่ เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อยู่ดีไม่ว่าดีพิธาก็ไปหาเรื่องแท้ๆ ของกำลังขึ้น คนกำลังดัง กระแสกำลังมา ตอนนี้ก็ใหญ่คับประเทศทำอะไรก็ไม่ผิด เพราะมีคาถา ” 14 พ.ค. 14 ล้านเสียง” คุ้มกบาลอยู่

สุดท้ายที่ต้องเหยียบเบรกถึงพิธาดังๆเตือนถึงก้าวไกลให้ได้สติ จนถึงวันนี้พวกคุณมึงยังไม่ได้เป็นนายกฯ ยังไม่ได้เป็นรัฐบาลเลย ทำอะไรก็อย่าห่าม ทำอะไรก็อย่าไปลามปามคนอื่นมาก กกต.ยังสั่งนับคะแนนใหม่ 47 หน่วย รับรองส.ส.ก็ยังไม่ครบ 95 % 475 คนเลย สภาก็ยังไม่เปิด เลือกประธานสภาก็ยังไม่ได้ ไหนการโหวตนายกฯต้องใช้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสองสภา คือ 376 เสียงจาก 750 คน ได้เสียงส.ส.กับส.ว.แล้วหรือ มั่นใจหรือยังว่าเสียงพอ เพราะส.ว.รู้สันดานก้าวไกลดี “ล้มเจ้า ชังชาติ” ประกาศแก้รัฐธรรมนูญ เลิก ม.112 เปลี่ยนการปกครองประเทศ เดินตามก้นอเมริกา ไม่มีทางที่สภาสูงจะยกมือให้ หัวเด็ดตีนขาดต้องป้องกันพิธากับฝ่ายส้มให้ได้ ไม่งั้นชาติบรรลัยแน่ คนในยุทธจักรส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าพิธาตกม้าตายก้าวไกลเทกระจาดไม่มีทางได้เป็นนายกฯไม่มีโอกาสเป็นรัฐบาลแน่นอน ตอนนี้ก็โดนเพื่อไทยลับลวงพรางไปก่อน ถึงเวลาโหวตไม่ผ่านก็จะรู้ธาตุแท้การเมืองว่าเป็นอย่างไร เพื่อไทยก๊วนแดงจับมือกับขั้วเก่าพรรครัฐบาลรักษาการณ์ไว้หมดแล้ว ตีเนียนตามบทเดินตามเกมไปก่อน ถึงเวลาก้าวไกลแพ้โหวตฝ่ายแดงคอกแม้วก็ออกมาน็อคมืดเลย ได้ประธานสภา ได้นายกฯ ได้เป็นแกนนำรัฐบาล ทีมก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน การเมืองหัวเราะทีหลังดังกล่าว ไอ้ที่ไปไล่คนอื่นให้เก็บของระวังจะย้อนเข้าตัว 3-4 ประเด็นนี้แหละที่จะทำให้พิธากลับไม่ได้ ไปไม่ถึง ขี่หลังเสือถ้าคุมมันได้ก็มีอำนาจสยบทุกสรพพสัตว์ในผืนป่า แต่ถ้าขึ้นหลังมันแล้วไม่มีคาถาไม่กล้าหาญไม่สุจริตเที่ยงธรรมพอเสือมันจะกัดจะขย้ำเอา สยามประเทศเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์คนชั่วไม่มีทางได้ปกครอง คนไทยเชื่อกันอย่างนั้นจริงๆ ไม่เชื่อคอยดูกัน
///////////////////

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ศาลนนทบุรี สั่งจำคุกหนุ่มใหญ่ 6 ปี 36 เดือน ผิดคดี 112 โพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง
ตร.ปคบ.หอบสำนวน 7000 หน้า ส่งฟ้องคดีหลอกขายทอง “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ให้กับอัยการแล้ว
10 บริษัทโฆษณา ชั้นนำในไทย ที่เชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing
"รองผู้การกองปราบฯ" กางกม.เอาผิด "ซินแสชื่อดัง" จ่อโดนคดีฟอกเงิน หลังตุ๋นเหยื่อหลายราย สูญเงินกว่า 70 ล้าน
“สัณหพจน์” เปิดนโยบายแก้เศรษฐกิจปากท้อง ฟื้นฟูท่องเที่ยวเมืองนครศรีธรรมราช เล็งนำช้างแคระคืนถิ่นป่าพรุควนเคร็ง อะเมซอนเมืองไทย
“เจพาร์ค ศรีราชา” จัดพิธีอัญเชิญเทพเจ้าโอคุนินุชิ ประทับในศาลเจ้าโอคุนิ ศาลเจ้าชินโตแห่งที่สามของประเทศไทย
ก้าวสู่ปีที่ 5 Future Food Leader Summit 2025 ชวนสร้างไอเดีย บนแนวคิด “อาหารฟื้นฟูเพื่ออนาคต” เปิดตัว Future Food AI ครั้งแรกในเอเชีย
TIPH คว้าอันดับเครดิตองค์กรสูงสุดของกลุ่มโฮลดิ้งส์ ตอกย้ำศักยภาพผ่านการประเมินจากทริสเรทติ้ง
"บิ๊กเต่า" เตรียมส่งทีมสอบ "บอสพอล" ปมเส้นเงิน 8 แสน โยงแม่นักการเมือง ส.
"วราวุธ" ขออย่านำ "เกาะกูด" เป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ ชี้ MOU 44 ไม่เกี่ยวข้อกังวลทุกฝ่าย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น