นอกจากนี้ เรายังพบว่า แบบนำส่งงบการเงินของบริษัท ไอทีวี ที่ได้ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม และเอกสารงบไตรมาสแรกปี 2566 มีความขัดแย้งกับบันทึกรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น และมีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อความบางส่วน โดยพยายามจะเปลี่ยนประเภทธุรกิจจากคำว่า “ปัจจุบันไอทีวีไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากติดคดีความ ไปเป็นสื่อโทรทัศน์ ที่มีสินค้าและบริการเป็นสื่อโฆษณาและผลตอบแทนจากการลงทุนในปี 2565” จึงชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติในการระบุประเภทธุรกิจปีดังกล่าว เพราะขัดแย้งกับการตอบข้อซักถามในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เรื่องการจ่ายเงินปันผลของนายคิมห์ ที่กล่าวว่าหากผลคดียังไม่ได้ออกมา เป็นไปได้ยากมากที่จะเดินเนินการใด ๆ กับไอทีวี
ด้วยเหตุนี้ส่วนตัวจึงมองว่า นี่คงไม่ใช่การกระทำที่ผิดพลาดโดยบังเอิญ แต่เป็นการจงใจจะแก้ไข ตกแต่งเติมขึ้นในภายหลัง ดังนั้นขอยืนยันว่าพรรคก้าวไกลจะเดินหน้าต่อไปตามฉันทามติของประชาชน แม้ว่าจะมีคนบางกลุ่มพยายามจะเตะขัดขาเราก็ตาม
ส่วนกรณีที่ กกต.อาจจะดำเนินคดีกับคุณพิธาในอนาคต ตามความผิดฐานรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. นั้น พรรคก้าวไกลมั่นใจว่า ข้อกล่าวหานี้ไม่มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอ เช่นเดียวกับที่อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งไม่ฟ้องคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปแล้วเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ในคดีหุ้นวีลัค
สำหรับการเปิดโปงขบวนการปลุกผีไอทีวีครั้งนี้ พรรคก้าวไกลขอขอบคุณการทำงานอย่างหนักของสื่อมวลชน อดีตผู้สื่อข่าวไอทีวีเก่า แม้ไอทีวีจะยุติการดำเนินงานไปหลายปีแล้ว แต่จิตวิญญานของสื่อมวลชนมืออาชีพที่ก่อร่างมาตั้งแต่ยุคไอทีวี ยังคงอยู่ในตัวผู้สื่อข่าวเหล่านี้เสมอ
ทั้งนี้ นายชัยธวัช เน้นย้ำว่า หลักฐานเหล่านี้มีส่วนสำคัญที่จะทำให้สังคมได้เห็นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ความพยายามที่จะปกป้องเจตจำนงของรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ต้องการให้นักการเมืองไปมีส่วนในการครอบงำสื่อมวลชน เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แต่เป็นกระบวนการที่พยายามหาเงื่อนไขมาขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลตามฉันทานุมัติของประชาชน
เมื่อถามว่าหลักฐานคลิปวิดีโอไม่ได้หักล้างโดยตรงว่านายพิธา ได้ถือหุ้นไว้จริงหรือไม่ นายชัยธวัช ตอบว่า มีส่วนสำคัญ หากฟังดีๆ จะมีเนื้อหาบางส่วนที่มีนัยสำคัญ ว่าตกลงไอทีวียังดำเนินกิจการสื่อมวลชนอยู่หรือไม่ และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีกับกระบวนการปลุกผีไอทีวีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลายราย
ส่วนใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกระบวนการนี้ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะกล่าวหาคนใดคนหนึ่ง แต่เชื่อว่าพี่น้องประชาชนสามารถคาดเดาได้จากพฤติกรรมดังกล่าว ว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยพรรคก้าวไกลเริ่มเห็นแล้วว่าพอจะมีใครบ้างที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ทราบว่ามีพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ขณะที่จะดำเนินคดีกับใคร และเมื่อไหร่นั้น นายชัยธวัช ระบุว่า กำลังพิจารณาอยู่
และหากกกต.มีการสอบสวนเรื่องนี้เพื่อเตรียมส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ นายชัยธวัช กล่าวว่า เราก็จะต่อสู้เต็มที่ทางข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อไม่ให้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครกล้ารวบรัดตัดตอนฟ้องร้องได้อีก เพราะเห็นแล้วว่ากรณีนี้มีความซับซ้อน และทางไอทีวีไม่มีเหตุผลที่จะรีรอ ไม่ชี้แจง ควรต้องเปิดเผยคลิปการประชุมฉบับเต็ม เพื่อให้สังคมหายสงสัย ไม่มีเหตุผลที่จะชะลอการเปิดคลิปออกมา
เมื่อถามย้ำว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังใช่อดีตผู้สมัคร ส.ส.อนาคตใหม่ หรือไม่ นายชัยธวัช ตอบทันทีว่า “ไม่ใช่ ตัวเล็กไป”
“สำหรับเรื่องที่บอกว่า มีการสร้างเอกสารเท็จ โจทก์อาจจะกลายเป็นผู้ต้องหา และผู้ต้องหาอาจจะกลายเป็นโจทก์ก็ได้ อย่าเพิ่งสรุปตอนนี้ ต้องรอดูข้อเท็จจริง ว่าทางไอทีวีและผู้เกี่ยวข้อง ถ้าเรื่องนี้ตรงไปตรงมาจริง ๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะชะลอการชี้แจงและเปิดเผยหลักฐานทั้งหมด โดยเฉพาะคลิปฉบับเต็ม”
นายชัยธวัช ยังกล่าวว่า หากเรื่องนี้มีความกระจ่าง ส.ว.ก็ไม่มีข้ออ้างในการโหวต นายพิธา เป็นนายกฯ ขณะที่ รายละเอียดในการต่อสู้ทางกฎหมายต้องรอว่า กกต. จะส่งเรื่องมาที่พรรคก้าวไกลอย่างไร
“ผมคิดว่าตอนนี้สังคมกำลังรอคำตอบจากไอทีวี ส่งถึงผู้บริหารสายงานกฎหมายของอินทัช ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง การตรวจสอบ และอีกหลายคนที่อาจเกี่ยวข้องกับงบการเงินของบริษัทไอทีวี”