“ชัยธวัช” พลิกเกมป้อง “พิธา ก้าวไกล” ยกคลิปไอทีวี ชี้มีเบื้องหลังสกัดกั้น

“ชัยธวัช” ชี้ ผลการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ถูกบิดเบือนข้อเท็จจริง เอกสารหลักฐานหลายฉบับขัดแย้งกัน-พบพิรุธ พยายามขัดขา”ก้าวไกล”ไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล เชื่อมีคนอยู่เบื้องหลัง จี้ไอทีวีเร่งชี้แจง เปิดคลิปเต็มคลายข้อสงสัย

จากกรณีที่รายการข่าวสามมิติ ทางช่อง 3 ได้เปิดเผยคลิปส่วนหนึ่งของการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ประจำปี 2566 จนในเวลาต่อมา มีการวิพากษ์วิจารณ์มาก

โดยต่อมา ทางด้านนายคิมห์ สิริทวีชัย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทอินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามในหนังสือถึง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ถึงประเด็นที่สังคมกำลังวิพาก์วิจารณ์ในขณะนี้ ระบุว่าทางบริษัทได้รับทราบข้อมูล และได้ให้ทางคณะกรรมการและฝ่ายจัดการของไอทีวี ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้นและหากมีประเด็นใด ๆ ที่จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ทางไอทีวีจะดำเนินการให้เร็วที่สุดนั้น

ข่าวที่น่าสนใจ

 

 

 

ล่าสุดทางด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้แถลงข่าว กรณีหุ้น ITV ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จากการรายงานข่าวของรายการ “ข่าว 3 มิติ” เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย. 66) ว่า สืบเนื่องจากที่มีการเปิดเผยคลิปวิดีโอบันทึกการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 พบว่ามีเนื้อหาไม่ตรงกับรายงานการประชุมของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เนื่องจาก นายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานคณะกรรมการบริษัท ในฐานะประธานในที่ประชุม ได้ตอบอย่างชัดเจนว่า “ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เพราะต้องรอผลคดีความให้สิ้นสุดลงก่อน” แต่ในรายงานการประชุมกลับ ระบุว่า ปัจจุบันบริษัทไอทีวียังคงดำเนินการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และได้มีการส่งงบการเงิน รวมถึงยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดาตามปกติ

ขณะเดียวกัน ภายหลังจากที่มีการจัดทำรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 เสร็จสิ้น นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ก็ได้นำเอกสารนี้ไปใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบการถือหุ้นไอทีวีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แต่ก่อนที่จะไปยื่นคำร้อง นายนิกม์ แสงศิรินาวิน ผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊ก ก่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทไอทีวี 2 วันว่า “นักการเมืองที่กำลังถือหุ้น ITV เตรียมตัวประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี และมอบตัวกับ กกต. ด้วย” จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าพฤติการณ์เหล่านี้มีการเตรียมการล่วงหน้าในการพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งเข้าข่ายการทำรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นเท็จ

 

ดังนั้นตนขอให้ บริษัท อินทัช จำกัด (มหาชน) และนายจิตชาย มุสิกบุตร กรรมการผู้สอบทานและแก้ไขรายงานการประชุม ออกมาเปิดเผยข้อมูลและคลิป เพื่อคลายข้อสงสัยให้กับสังคม เพราะเรามองว่าการกระทำเช่นนี้เข้าข่ายกระทำการอันเป็นเท็จ เพื่อแกล้งให้ผู้สมัคร ส.ส. ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งมีความผิดตาม มาตรา 143 ของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โดยมีเจตนาที่จะฟื้นคืนชีพไอทีวี เพื่อสกัดขัดขาการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล

นอกจากนี้ เรายังพบว่า แบบนำส่งงบการเงินของบริษัท ไอทีวี ที่ได้ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม และเอกสารงบไตรมาสแรกปี 2566 มีความขัดแย้งกับบันทึกรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น และมีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อความบางส่วน โดยพยายามจะเปลี่ยนประเภทธุรกิจจากคำว่า “ปัจจุบันไอทีวีไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากติดคดีความ ไปเป็นสื่อโทรทัศน์ ที่มีสินค้าและบริการเป็นสื่อโฆษณาและผลตอบแทนจากการลงทุนในปี 2565” จึงชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติในการระบุประเภทธุรกิจปีดังกล่าว เพราะขัดแย้งกับการตอบข้อซักถามในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เรื่องการจ่ายเงินปันผลของนายคิมห์ ที่กล่าวว่าหากผลคดียังไม่ได้ออกมา เป็นไปได้ยากมากที่จะเดินเนินการใด ๆ กับไอทีวี

 

 

ด้วยเหตุนี้ส่วนตัวจึงมองว่า นี่คงไม่ใช่การกระทำที่ผิดพลาดโดยบังเอิญ แต่เป็นการจงใจจะแก้ไข ตกแต่งเติมขึ้นในภายหลัง ดังนั้นขอยืนยันว่าพรรคก้าวไกลจะเดินหน้าต่อไปตามฉันทามติของประชาชน แม้ว่าจะมีคนบางกลุ่มพยายามจะเตะขัดขาเราก็ตาม

 

 

 

ส่วนกรณีที่ กกต.อาจจะดำเนินคดีกับคุณพิธาในอนาคต ตามความผิดฐานรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. นั้น พรรคก้าวไกลมั่นใจว่า ข้อกล่าวหานี้ไม่มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอ เช่นเดียวกับที่อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งไม่ฟ้องคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปแล้วเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ในคดีหุ้นวีลัค

สำหรับการเปิดโปงขบวนการปลุกผีไอทีวีครั้งนี้ พรรคก้าวไกลขอขอบคุณการทำงานอย่างหนักของสื่อมวลชน อดีตผู้สื่อข่าวไอทีวีเก่า แม้ไอทีวีจะยุติการดำเนินงานไปหลายปีแล้ว แต่จิตวิญญานของสื่อมวลชนมืออาชีพที่ก่อร่างมาตั้งแต่ยุคไอทีวี ยังคงอยู่ในตัวผู้สื่อข่าวเหล่านี้เสมอ

ทั้งนี้ นายชัยธวัช เน้นย้ำว่า หลักฐานเหล่านี้มีส่วนสำคัญที่จะทำให้สังคมได้เห็นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ความพยายามที่จะปกป้องเจตจำนงของรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ต้องการให้นักการเมืองไปมีส่วนในการครอบงำสื่อมวลชน เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แต่เป็นกระบวนการที่พยายามหาเงื่อนไขมาขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลตามฉันทานุมัติของประชาชน

เมื่อถามว่าหลักฐานคลิปวิดีโอไม่ได้หักล้างโดยตรงว่านายพิธา ได้ถือหุ้นไว้จริงหรือไม่ นายชัยธวัช ตอบว่า มีส่วนสำคัญ หากฟังดีๆ จะมีเนื้อหาบางส่วนที่มีนัยสำคัญ ว่าตกลงไอทีวียังดำเนินกิจการสื่อมวลชนอยู่หรือไม่ และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีกับกระบวนการปลุกผีไอทีวีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลายราย

 

 

 

 

 

 

ส่วนใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกระบวนการนี้ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะกล่าวหาคนใดคนหนึ่ง แต่เชื่อว่าพี่น้องประชาชนสามารถคาดเดาได้จากพฤติกรรมดังกล่าว ว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยพรรคก้าวไกลเริ่มเห็นแล้วว่าพอจะมีใครบ้างที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ทราบว่ามีพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ขณะที่จะดำเนินคดีกับใคร และเมื่อไหร่นั้น นายชัยธวัช ระบุว่า กำลังพิจารณาอยู่

และหากกกต.มีการสอบสวนเรื่องนี้เพื่อเตรียมส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ นายชัยธวัช กล่าวว่า เราก็จะต่อสู้เต็มที่ทางข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อไม่ให้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครกล้ารวบรัดตัดตอนฟ้องร้องได้อีก เพราะเห็นแล้วว่ากรณีนี้มีความซับซ้อน และทางไอทีวีไม่มีเหตุผลที่จะรีรอ ไม่ชี้แจง ควรต้องเปิดเผยคลิปการประชุมฉบับเต็ม เพื่อให้สังคมหายสงสัย ไม่มีเหตุผลที่จะชะลอการเปิดคลิปออกมา

เมื่อถามย้ำว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังใช่อดีตผู้สมัคร ส.ส.อนาคตใหม่ หรือไม่ นายชัยธวัช ตอบทันทีว่า “ไม่ใช่ ตัวเล็กไป”

“สำหรับเรื่องที่บอกว่า มีการสร้างเอกสารเท็จ โจทก์อาจจะกลายเป็นผู้ต้องหา และผู้ต้องหาอาจจะกลายเป็นโจทก์ก็ได้ อย่าเพิ่งสรุปตอนนี้ ต้องรอดูข้อเท็จจริง ว่าทางไอทีวีและผู้เกี่ยวข้อง ถ้าเรื่องนี้ตรงไปตรงมาจริง ๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะชะลอการชี้แจงและเปิดเผยหลักฐานทั้งหมด โดยเฉพาะคลิปฉบับเต็ม”

นายชัยธวัช ยังกล่าวว่า หากเรื่องนี้มีความกระจ่าง ส.ว.ก็ไม่มีข้ออ้างในการโหวต นายพิธา เป็นนายกฯ ขณะที่ รายละเอียดในการต่อสู้ทางกฎหมายต้องรอว่า กกต. จะส่งเรื่องมาที่พรรคก้าวไกลอย่างไร

“ผมคิดว่าตอนนี้สังคมกำลังรอคำตอบจากไอทีวี ส่งถึงผู้บริหารสายงานกฎหมายของอินทัช ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง การตรวจสอบ และอีกหลายคนที่อาจเกี่ยวข้องกับงบการเงินของบริษัทไอทีวี”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น