“ชัชชาติ” ถก “เจ้าสัวคีรี” แก้หนี้รถไฟฟ้า จี้ครม.หนุนงบฯ โยนรัฐเคาะขยายสัมปทาน BTS

“ชัชชาติ” เชิญผู้บริหารบมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ร่วมหารือ “แนวทางแก้ไข ปัญหาภาระหนี้ รถไฟฟ้าสายสีเขียว” คาดค่าจ้างติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ ส่วนต่อขยาย 2 เสนอเข้าที่ประชุมสภากทม.เดือนหน้า พร้อมหวังครม.หนุนงบจ่ายหนี้

วันนี้ (12 พ.ค.) เมื่อเวลา 9.45 น. นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทระบบขนส่งมวลชน กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) / พ.ต.อ. สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และ ผู้บริหารบีทีเอสซี ได้เดินทางเข้าพบตามคำเชิญของ / นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อม ผู้บริหารกทม. และ ผู้บริหารเคที หรือ บริษัทกรุงเทพธนาคม เพื่อหารือ “แนวทางแก้ไข ปัญหาภาระหนี้ รถไฟฟ้าสายสีเขียว” ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยทั้ง 2 ฝ่าย ใช้เวลาในการพูดคุยประมาณ 45 นาที

 

 

 

 

ภายหลังหารือ นายชัชชาติ พร้อมด้วย นายคีรี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยนายชัชชาติ ระบุว่า การหารือวันนี้เป็นการเจรจาเรื่องการชำระค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E &M ) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย จำนวน 2.28 หมื่นล้านบาท ซึ่งครบกำหนดการชำระเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา

 

 

โดยกทม. ได้พิจารณาดำเนินการใน 2 ขั้นตอน คือ เรื่องที่บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด(เคที) ว่าจ้างบีทีเอสซีในการติดตั้งระบบการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายทั้งหมด ซึ่ง กทม.ได้มอบหมายให้เคทีดำเนินการหาข้อสรุปหนี้ค้างจ่ายทั้งหมด จากนั้นจะเสนอเรื่องให้ สภากทม. พิจารณาอนุมัติ และ สอง หากมีการจ่ายเงินให้บีทีเอสซี จะต้องเป็นเงินจ่ายขาด ซึ่งเป็นการใช้เงินสะสมของกทม. ทำให้ต้องรอสภากทม.อนุมัติก่อนจึงจะสามารถดำเนินการได้

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ได้มีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ และ ดำเนินการศึกษาพร้อมประชุมไปแล้ว 5 ครั้ง จึงเชื่อว่า หลังจากเปิดสภากทม.ในช่วงต้นเดือน ก.ค. จะสามารถนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมพิจารณาได้ว่า จะดำเนินการต่ออย่างไรให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กับการชำระเงินให้กับเอกชน ซึ่งได้ลงทุนติดตั้งระบบ และให้บริการเดินรถไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะเดียวกัน นายชัชชาติ กล่าวยอมรับว่า เห็นใจภาคเอกชน แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของระเบียบเเละข้อปฏิบัติที่ฝ่ายบริหารและสภากทม. ต้องพิจารณาหลังจากที่มีการดำเนินการไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องหาวิธีการว่าทำอย่างไร จึงจะเป็นไปตามกรอบระเบียบที่กำหนดไว้และบางเรื่องเป็นเรื่องที่ซับซ้อน จึงมีความำจำเป็นสำหรับสภากทม. ในการต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาเพิ่มเติม เนื่องจากไม่มีพื้นฐานด้านนี้มาก่อน แต่ยังเชื่อว่า กรณีดังกล่างจะสามารถดำเนินการต่อไปได้

 

 

ขณะที่ในช่วงซักถาม นายชัชชาติ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การพิจารณาแก้ไขปัญหานี้ค้างจ่ายทั้งหมด ทางกทม. จะดำเนินการไปใน 2 ทางควบคู่กัน คือ
1. การนำเรื่องของรถไฟฟ้าบีทีเอส เข้าสู่สภากทม.เพื่อพิจารณาอีกครั้ง
2. กทม. จะดำเนินการติดตามและเร่งรัดไปยังรัฐบาล โดยทำหนังสือไม่ยังกระทรวงมหาดไทย ใน 3 ประเด็น คือ
– ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ ดำเนินการโครงสร้างพื้นฐาน กับค่าติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล E&M ซึ่งคำสั่ง ม.44 มอบหมายให้กทม.รับผิดชอบ แต่ไม่ได้ให้ค่าใช้จ่ายมาด้วย และเคยมีมติให้รัฐบาลและกทม.หารือร่วมกัน ในการแบ่งความรับผิดชอบ แต่ทางกทม.มีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณ จึงได้มีการเสนอดังกล่าวไปยังครม.ให้พิจารณาหาทางออก

– เรื่อง คำสั่ง ม. 44 ในเรื่องของมูลหนี้ ทั้งค่าติดตั้งระบบเดินรถ และ ค่าใช้จ่ายว่าจ้างเดินรถไฟฟ้า ถูกกำหนดอยู่ในมูลหนี้ของสัญญาสัมปทานใหม่ กระทรวงมหาดไทย ส่งต่อไปยังครม. เพื่อพิจารณา ซึ่งมูลหนี้ตามคาดการณ์จะถูกหักลบด้วยสัญญาสัมปทาน แต่ขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังค้างอยู่ในครม. ยังไม่มีข้อยุติมาจากที่ประชุมครม.

– ส่วนกรณีค่าจ้างเดินรถที่เอกช ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ ยืนยันหากศาลพิจารณามีคำสั่งให้กทม. ดำเนินการจ่ายค่าจ้างให้เอกชน กทม.ก็พร้อมที่จะจ่ายตามคำสั่งศาลปกครองอย่างแน่นอน พร้อมระบุอีกว่า ฝ่ายบริหารไม่มีอำนาจในการนำเงินมาใช้ชำระให้กับเอกชน และการดำเนินการระหว่าง สภากทม. รวมถึงฝ่ายบริหาร ในการอนุมัติเพื่อนำเงินคงเหลือของกทม.มาจ่าย ต้องเป็นอำนาจสภากทม.ในการอนุมัติ

 

 

 

 

ด้านนายคีรี ระบุว่า ต้องขอบคุณผู้ว่ากทม. ที่ให้ภาคเอกชนเข้ามาหารือ แม้จะเป็นครั้งแรกก็ตาม และต้องขอบคุณที่กทม.เข้าใจว่าเอกชนรับภาระมานานกว่า 4 ปี ทำให้ได้เข้าใจกันมากขึ้น และวันนี้เราได้เข้าใจตรงกันว่า จะต้องแบ่งภาระหนี้ ออกเป็น 2 ส่วน ทั้งค่าติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล(E&M) และค่าจ้างจากการเดินรถและบำรุงรักษา (O&M) ที่ปัจจุบันมีจำนวนเงินรวมถึง 5 หมื่นล้านบาท

ซึ่งในส่วนของค่าติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกลได้มีการดำเนินการเเล้วเสร็จเรียบร้อย หลังจากทางกทม.ได้มีการเซ็นรับเรียบร้อย จึงถึงเวลาที่จะต้องชำระเงินให้เอกชน พร้อมขอบคุณผู้ว่าฯ ที่จะนำเรื้องนี้เข้าสู่สภากทม. เพื่อนำเงินมาจ่ายให้แก่เอกชน และเป็นเรื่องที่ทางกทม.จะไปขอให้สภากทม. อนุมัติ ทำให้บริษัทมีความมั่นใจมากขึ้นว่าจะมีเงินชำระหนี้ก้อนแรกกลับคืนมากว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับมากสำหรับบริษัทบีทีเอสซี

นอกจากนี้ นายคีรี ยังกล่าวถึง ข้อสรุปเรื่องโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า ยังเป็นไปตามคำสั่ง ม. 44 ซึ่งจะต้องดูว่า ครม.รักษาการ จะสามารถดำเนินการเช่นไรได้บ้าง แต่ในส่วนของคำสั่ง ม. 44 ที่ได้มีการเจรจาและได้มีการตกลงกัน กลับไม่ได้ผ่านเป๊นมติในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา โดยได้มีการนำเข้าสู่การพิจารณาและนำเรื่องออกมา 3 ถึง 4 ครั้ง จากมุมมองที่ไม่เหมือนกัน โดยในช่วงนั้นรมว.คมนาคม เป็นผู้คอยแย้งไม่ให้มีการพิจารณา แต่วันนี้ เมื่อรมว.คมนาคมไม่อยู่ เชื่อว่า กระทรวงคมนาคมจะมีความเข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น หากรัฐบาลรักษาการจะทำให้เรื่องนี้จบ มูลหนี้ค้างจ่ายประมาณ 3 หมื่นล้านบาทจะมีทางออกทันที ดังนั้นหากสามารถดำเนินการได้ก็ขอให้ดำเนินการทันที แต่หากไม่สามารถดำเนินการได้ และจะต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการ

 

 

 

 

ตอนท้าย นายคีรี ยืนยัน ขณะนี้ไม่ได้มีอะไรติดใจกทม. เพียงแต่ขอให้ผู้ว่าฯ เห็นใจบริษัทเอกชน เพราะมูลค่าหนี้สินวันนี้ มีตัวเลขเกิน 5 หมื่นล้านบาทแล้ว โดยเเบ่งเป็นมูลหนี้ E&M กว่า 2 หมื่นล้านบาท และ (O&M) หรือ ส่วนของค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า อีก 3 หมื่นล้าน ซึ่งวันนี้จำนวนหนี้ E&M ทางด้านของผู้ว่าฯ กทม.ได้กรุณาจะนำเข้าสู่สภากทม. เพื่อเห็นชอบและอนุมัติ ดำเนินการเพื่อจะชำระหนี้ก้อนนี้ ตามงวดเวลาการชำระ ได้รับการยืนยันว่า จะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะเห็นใจบริษัทที่จะต้องรับภาระมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งตนมองว่า หากเป็นผู้ให้บริการเจ้าอื่น คงจะหยุดดำเนินการเดินรถไปแล้ว โดยตนยังยึดมั่นคำเดิมเพื่อผู้โดยสารของตน ทำให้บีทีเอสยังคงเดินรถไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง

นายคีรี ระบุว่า “ผมเป็นคนเริ่มโครงการแรกของประเทศไทย และวันนี้ผมก็บริหารเดินรถนี้มาอย่างสุดความสามารถ จากตัวเลขต่างๆ รางวัลต่างๆ ที่ได้จากทั่วโลก ยืนยันได้ว่า เรามีความตั้งใจและบริการกับผู้โดยสารอย่างดีที่สุด แต่เวลานี้ เรื่องการเงินที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นความจริงว่า เงินก้อนมันโตจนบริษัทมีความไม่คล่องในการนำเงินออกมาจ่ายให้ก่อนตลอดเวลา”

ทั้งนี้ ในส่วนของค่าจ้างเดินรถ ที่ศาลชั้นต้นดำเนินการตัดสินไปแล้วและมีการยื่นอุทธรณ์ เชื่อว่าอีกไม่นานจะมีการพิจารณาออกมา ซึ่งจะมีความชัดเจนมากขึ้น

โดยทุกอย่างมีที่มาที่ไปมีสัญญา และนอกจากสัญญาก็มีเรื่องการดำเนินการซึ่งทุกวันนี้ บีทีเอสซียังให้บริการเดินรถอยู่ เพราะหากไม่มีสัญญาแล้วบีทีเอสซียังให้บริการเดินรถ ก็จะเป็นคนที่ไม่มีความยุติธรรม เพราะหากไม่มีสัญญาแล้วยังให้บริการเดินรถขณะนี้ตนคงเป็นผู้บุกรุก แต่มันไม่ใช่ และขณะนี้การเลือกตั้งเเล้วเสร็จและกำลังจะมีครม.ชุดใหม่ ซึ่งหวังว่าคงจะเข้าใจและมีความยุติธรรมโดยไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องทั้งหมดก็คงดำเนินการแล้วเสร็จ

 

 

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับความคืบหน้าหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว วงเงินรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

– หนี้ก้อนแรกวงเงิน 11,755.06 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการอุทธรณ์ที่กทม.ได้ยื่นต่อศาลปกครอง หลังจากก่อนหน้านี้ศาลปกครองได้พิพากษาให้กทม. และ เคที ร่วมกันจ่ายหนี้ให้กับบีทีเอส ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นานคงมีความชัดเจน

– หนี้ก้อนที่สองวงเงิน 11,068.50 ล้านบาท ทางบีทีเอสได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้จ่ายหนี้ไปเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฯ
ส่วนหนี้ที่เหลือ และหนี้ที่เพิ่มขึ้น จากการเดินรถ จะมีการดำเนินการตามขบวนการต่อไป

 

นอกจากนี้ นายคีรี ระบุถึงกรณีที่ คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ คณะกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมกับพวก 13 คน ซึ่งปรากฏชื่อของตนเองและบริษัทฯ ในความผิดสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และความผิดฮั้วประมูลนั้น ขอยืนยันอย่างหนักแน่นอีกครั้งว่า เราไม่เคยฮั้วประมูล และสัญญาทุกอย่างมีที่มาที่ไป

 

 

 

 

 

 

 

ด้านพ.ต.อ. สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เรื่องข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. ทางบีทีเอสได้เคยชี้แจงไปแล้วอย่างชัดเจน และได้ยื่นหนังสือไปยัง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ และนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการหาตัวผู้กระทำผิด ที่ปล่อยให้มีเอกสารภายในหลุดออกมา และส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ และราคาหุ้นของบริษัทฯ ซึ่งขณะนี้ผ่านมา 3 เดือนแล้ว ก็ยังไม่มีการชี้แจงจากป.ป.ช. เพราะก่อนหน้านี้ทางป.ป.ช.ได้ออกมายอมรับว่าเป็นเอกสารลับทางราชการ และได้มีการสอบถามเพิ่มเติมว่า

ข้อกล่าวหาที่ระบุมานั้น ผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์กระทำผิดอย่างไร ได้ร่วมกระทำผิดและสนับสนุนการกระทำผิดอย่างไร และเวลาใด

แต่ป.ป.ช.กลับทำหนังสือแจ้งมาเพียงระบุว่า ข้อกล่าวหาที่ได้แจ้งมานั้นครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ซึ่งบริษัทขอยืนยันว่าเอกสารการแจ้งข้อกล่าวหาของคณะกรรมการป.ป.ช.ที่ส่งมานั้น ยังไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย เราเพียงอยากขอความชัดเจนว่า ที่แจ้งข้อกล่าวหา ทั้งในฐานะนิติบุคคล และในฐานะส่วนตัวนั้น เราได้ไปกระทำความผิดอย่างไร ร่วมกับใคร ซึ่งหมายถึงผู้กล่าวหาคนใด กระทำผิดกันที่ไหน กระทำความผิดกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งคำถามนี้เป็นคำถามพื้นพื้นง่ายง่าย แต่ที่ผ่านมาเรายังไม่ได้รับข้อมูลในส่วนนี้เลย และที่สำคัญการสรุปพฤติการณ์การกระทำความผิดของป.ป.ช. ต้องระบุพยานหลักฐานที่ใช้ยืนยันการกระทำความผิด

 

 

 

ซึ่งในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาก็ไม่มีระบุในเรื่องพยานหลักฐานนี้ ที่ต้องมาเน้นย้ำในเรื่องนี้ เพราะเป็นข้อกฎหมายที่กำหนดไว้ และมีความสำคัญมาก การให้การของผู้ถูกกล่าวหาต้องไม่หลงประเด็น ในขณะนี้เราได้ทำหนังสือไปถึงคณะกรรมการป.ป.ช. อีกครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งหวังว่า ท่านจะให้ความกรุณาดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดไว้ เพื่อทางเราจะได้ชี้แจงข้อกล่าวหาและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของข้อเท็จจริงบางประการที่แจ้งมา และสามารถอธิบายได้ ทางบริษัทก็ได้ดำเนินการชี้แจงไปแล้ว

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

มาแน่ เช็กรายชื่อ 39 จังหวัด รับมือพายุฝนถล่ม ลมแรง กทม.โดนด้วย ร้อนสุด 37 องศา
"ตม." งัดข้อมูลซัด "โรม" หน้าหงาย ระบบ Biometrics บันทึกข้อมูลทุกคน ระบบ PIBICS คุมคนต่างด้าว
สธ.แจงไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ใน "ค้างคาว" ยังไม่แพร่ระบาดสู่คน
“อี้ แทนคุณ“ เปิดเส้นเงิน 3 ล้าน โยง “ฟิล์ม รัฐภูมิ” พร้อมเผยปมใหม่เอี่ยวหลอกขายเหรียญคริปโต
"กรวีร์" ส่งหนังสือเชิญ "ธนดล" พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้อง ชี้แจง กมธ.ปกครอง ปมที่ดิน สปก.เขาใหญ่
"ทรัมป์" บี้หนัก ฮุบ แหล่งแร่หายาก "ยูเครน" ขู่ปิดเน็ต Starlink
เอาจริง "ตร.ปอท." บุกจับ 2 แอดมินเพจ ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ยึดของกลาง เกือบ 2 พันชิ้น
“ภูมิธรรม" เดินหน้าปราบแก๊งคอลฯ ผนึกกำลังเพื่อนบ้าน ปิดช่องโหว่ อาชญากรข้ามชาติทุกช่องทาง
ย้อนเกล็ดแสบ "จีน" ส่งเรือรบติดขีปนาวุธ3ลำประชิดออสซี่ อ้างซ้อมรบใช้กระสุนจริง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น