วันที่ 12 มิ.ย. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยผลการประชุมถึงกรณีนักศึกษามีการจัดทำประชามติแยกตัวเป็นเอกราชให้ปัตตานีปกครองตัวเองว่า ตนได้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวแล้ว ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า และตำรวจภาค 9 ก็กำลังตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงในเนื้อหาสาระของกิจกรรมที่จัดและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง และดูข้อมูลผลผลิตต่าง ๆ ที่ปรากฎต่อสื่อและโซเชียลมีเดียว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมายเรื่องใดบ้าง ข้อมูลที่ปรากฎจะไปเกี่ยวกับต้องการแยกตัวเป็นเอกราช ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญและผิกกฎหมายหรือไม่ ก็ต้องมีการสืบสวนและหาข้อมูลรายละเอียด ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการ คงต้องใช้เวลาพอสมควร
ขณะที่มีการประเมินหรือไม่จะเกิดการบานปลายไปมากกว่านี้หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า จากการประชุม ได้มีการสรุป ข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ ตามขั้นตอน อย่างยุติธรรม โดยไม่มีเจตนา จ้อง ที่จะดำเนินการ ต่อผู้กระทำผิด ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบว่าผิดหรือไม่ผิด และดำเนินการตามกฎหมาย แต่เรากังวลสิ่งที่เผยแพร่ไปสู่สาธารณชน อย่างที่พวกเราได้ยินได้ฟัง ซึ่งต้องดูว่า กลุ่มที่ทำ โดยเสียงประชาชนส่วนใหญ่หรือไม่ กลไกต่างๆ ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภา สันติสุข ระดับตำบล และที่ผ่านมาเราก็รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด ซึ่งต้องดูว่าสิ่งเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร
พร้อมกันนี้ได้เน้นย้ำข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี ที่ให้พยายามชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน รวมทั้งประชาชน ด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะผิดกฎหมาย ถ้าต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายจะต้องดำเนินการอย่างไร จึงได้ให้ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทำความเข้าใจ โดยใช้กลไก ที่มีอยู่ พูดคุยกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ส่วนมีการประเมินหรือไม่ซึ่งจริงๆแล้วประเด็นนี้ มีกลุ่มคน พยายาม แต่ทำไม จึงมารุกคืบรุกแรงในช่วงเวลานี้ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ต้องให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานซึ่งเรามีฐานข้อมูลเดินอยู่พอสมควร ในความโยงใย ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย ไหนก็ตามที่อยู่ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งที่รัฐบาล พยายามทำมาได้พยายามทำความเข้าใจมาโดยตลอดถึงเหตุผลความจำเป็น ที่ต้องการให้ประชาชนคนไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ดีกินดี ปลอดภัย ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุน ในสิ่งที่พื้นที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสังคมศาสนาวัฒนธรรมและการศึกษาถ้าดูแผนงานต่างๆ ในสิ่งที่รัฐบาล ทำได้พยายามตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ แม้ บางส่วนอาจจะมีความคิดอย่างที่พวกท่านทราบ แต่เราก็ต้องพยายามอธิบายทำความเข้าใจถึงผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร
วันนี้ฝ่ายความมั่นคงมีหลักฐานว่าพรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไรหรือไม่พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า จากการจัดกิจกรรมเท่าที่ทราบ เห็นว่ามีพรรคการเมืองเกี่ยวข้องด้วยทั้งที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังตรงนี้ขอให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งต้องอยู่ในผลการสอบสวนอยู่แล้ว ว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง
ส่วนจะโยงไปถึงพรรคการเมืองที่หาเสียงในช่วงเลือกตั้ง ด้วยหรือไม่ ที่มีการหาเสียงว่า จังหวัดภาคใต้ต้องมีนายกฯ เป็นของตัวเอง พล.อ. สุพจน์ กล่าวว่า ถ้าสังเกตการหาเสียงเลือกตั้ง ค่อนข้างจะสุดโต่ง แรง และหลายเรื่อง ที่ทางสมช.มีข้อกังวล แต่หลังผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นแม้จะยังไม่มีการรับรองจาก กกต. ก็ตาม จะเห็นว่ามีความเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมืองที่พยายามพูดถึงนโยบายที่จะทำต่อไปตนคิดว่านโยบายเหล่านั้นนุ่มนวลลง และจากการเก็บรายละเอียดดูเหมือนว่านโยบายส่้วนใหญ่สอดคล้องกับที่เราพยายามทำอยู่ ทั้งนี้ข้อมูลเดิมไม่ว่าอะไรก็ตามที่เชื่อมโยงกับการกระทำที่ผิดกฎหมายต้องถุกนำมาพิจารณาทั้งหมด
เลขาฯสมช.ยังตอบไม่ได้ ว่าสามารถเอาผิดนักการเมืองได้หรือไม่ และยังไม่ได้มีการพูดคุย กลับหัวหน้าพรรคที่หาเสียงในลักษณะนี้ แต่ความจริงแล้ว สมช.กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พูดชัดเจนเรื่องนโยบายแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ รัฐบาลได้พูดชัดเจนมาตลอดทั้งในสภาฯ และ ครม. ถึงการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เรามีนโยบายชัดเจน
ทั้งนี้เบื้องต้นยังเป็นเรื่องภายใน ประเทศ ยังไม่มีแรงหนุนจากนอกประเทศสนับสนุนหรือไม่ แต่เรายังไม่ได้ตัดประเด็นนี้ออก หากพบว่ามี ซึ่งทุกวันนี้เราได้พูดคุยกับต่างประเทศทั้งระดับนโยบายทั้งหมด และฝ่ายต่างประเทศและองค์กรต่างประเทศก็ลงไปรับทราบสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยมีการพูดคุยอย่างใกล้ชิดมาตลอด
ส่วนองค์กรต่างประเทศหากประสงค์จะลงพื้นที่ต้องแจ้งกระทรวงต่างประเทศ จากนั้นจะพูดคุยกับสมช. ถึงความต้องการและวัตถุประสงค์ หากดูแล้วไม่กระทบกับเรื่องใดที่จะเกิดปัญหาต่อประเทศเรา ก็จะมีขั้นตอนให้ ศอ.บต. เป็นหน่วยรับผิดชอบพูดคุยกับหน่วยความมั่นคงอื่นๆ เพื่อองค์กรเหล่านั้นได้ลงพื้นที่ตามวัตถุประสงค์
สำหรับการจัดกิจกรรมประกาศเจตนารมณ์ในเวทีมหาวิทยาลัยต่างๆต่อไปจะทำได้หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ต้องดูเจตนา ข้อมูลว่าทำผิดกฎหมายหรือไม่
ซึ่ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังได้ตั้งข้อมูลความผิด อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งการทำประชามติเพื่อแบ่งแยกดินดินแดน เรื่องเอกราช มาตรา1 รัฐธรรมนูญพูดชัดเจนทำไม่ได้ ส่วนจะผิดกฎหมายมาตราย่อยอย่างไรต้องดูพฤติกรรม และ หลักฐาน สภาพแวดล้อมต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดย กอ.รมน.จะเป็นเจ้าภาพลงไปดำเนินการ ซึ่งวันนี้ได้กระทรวงยุติธรรม อัยการ มาพูดคุยแล้ว
ส่วน พรรคการเมืองที่ส่งตัวแทนเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวมีความผิดหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ถ้ามีหลักฐานว่ามีความผิดก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย
ทั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยต้องรับผิดชอบเหตุการณ์นี้ด้วยหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า กิจกรรมนี้ดูเผินๆเป็นกิจกรรมทางวิชาการ ซึ่งในเนื้อหาสาระ มีทั้งเชิงวิชาการและกิจกรรมที่สุ่มเสี่ยง ฉะนั้นจึงเกิดประเด็นที่เป็นห่วงต้องตรวจสอบ และต้องทำความเข้าใจกับสังคม
ส่วนจะมีการปกป้องกันไม่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำรอยได้อย่างไร พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า เตรียมไว้แล้วหน่วยงานพื้นที่ ได้รับมอบแนวทางไปทำความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นอย่างเปิดกว้างในเรื่องต่างๆอย่างเปิดกว้าง ส่วนกระบวนการใด ที่ต้องยึดกฎหมาย ประเทศเรามีระบบชัดเจนอยู่อแล้ว ที่จะต้องเสนอผ่านกระบวนการ