13 มิ.ย.2566 ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ รองหัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเป็นผู้ที่เสนอแนวคิดรัฐธรรมนูญมาตรา 1 แก้ไขได้ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีขบวนนักศึกษาประชามติจำลองแยกดินแดนปาตานีว่า ทำงานใหญ่ก็ต้องใจสตรองกันหน่อยนะคะ อย่าให้เพียงแค่โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ปากแจ๋ว หรือการปั่นของTop News มากำหนดท่าทีเราได้สิคะ แล้วคนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เสาหลัก จังหวัดชายแดนใต้ทั้งหลาย ก็ควรต้องช่วยปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองของเยาวชนด้วย ไม่ใช่กระทืบซ้ำหรือชิ่งหนี อีกอย่างจะเอาทหารออกจากชายแดนใต้ได้อย่างไร ถ้ายังทำได้แต่ยืนมองตาปริบ ๆ เวลาทหารมันขู่จะดำเนินคดีกับเยาวชน เพียงเพราะพวกเขาฝันถึงรูปแบบการปกครองที่พึงปรารถนา
ทั้งนี้โพสต์ดังกล่าวได้มี นายยามารุดดิน ทรงศิริ รองโฆษกพรรคเป็นธรรม เข้ามาคอมเมนต์ว่า “จริงครับ ต้องขึงขังกันนะครับ ชัดเจน” เช่นเดียวกับนายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติฮิวแมนไรท์วอทช์ ที่เข้ามาคอมเมนต์ว่า “ชิ่งกันหมด”
ดร.ชลิตา ยังโพสต์อีกว่า ขอพูดจากประสบการณ์ ว่าหาก กอ.รมน.ภาค 4 กล่าวโทษดำเนินคดีกับน้องเยาวชนที่จัดกิจกรรมประชามติจำลองเกี่ยวกับสิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเองจริงตามคำขู่ เราเชื่อว่ายังไง ๆ ฝ่ายเยาวชนต้องชนะคดีอย่างแน่นอน เพราะดูแล้วไม่มีอะไรที่เข้าองค์ประกอบความผิดเลย แม้แต่ถ้อยคำในบัตรลงประชามติจำลอง ไปอ่านดี ๆ นะ พวกเขาไม่ได้ถามว่าจะแยกดินแดนหรือไม่ และถ้าใช่ มันก็ไม่น่าจะผิดอยู่ดีนั่นแหละ เราคิดว่าคดีไม่น่าจะไปเกินกว่าชั้นตำรวจ ตำรวจมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เพราะฉะนั้นจึงอยากฝากน้อง ๆ ว่าอย่ากลัวคำขู่ ให้รีบปรึกษาเพื่อรับมือทางคดีกับทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และหากมันไปถึงขั้นที่ต้องประกันตัวพวกเราก็ยังมีกองทุนประกันตัวจากราษฎรที่จะมาดูแลสิทธิในการประกันตัวเยาวชนอยู่ ทั้งนี้หากพรรคการเมือง ฝ่ายประชาธิปไตยที่อาสามามีบทบาทในการแก้ปัญหาชายแดนใต้อยากจะแสดงความกล้าหาญในเรื่องนี้บ้าง แรกสุดก็ควรบอกให้ทหารเลิกข่มขู่เยาวชน และอันดับต่อมาก็ควรช่วย support ในการสู้คดีของเยาวชนในขั้นตอนต่าง ๆ