“เทพมนตรี” เปิดประวัติศาสตร์รัฐปาตานี สวนปากเยาวชน นักวิชาการ 3 นิ้่ว ปั่นกระแสทวงคืนอธิปไตย

"เทพมนตรี" เปิดประวัติศาสตร์รัฐปาตานี สวนปากเยาวชน นักวิชาการ 3 นิ้่ว ปั่นกระแสทวงคืนอธิปไตย

นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Thepmontri Limpaphayorm” ระบุว่าเรื่อง กบฎปัตนาบังซาร์โดยระบุว่า คำประกาศอ้างขบวนนักศึกษาแห่งชาติ ที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ เรื่องสนธิสัญญาสยาม-อังกฤษ ค.ศ.1909 วาทกรรมของพวกกบฏ การประชามติ ความมีประชาธิปไตย สันติภาพการกำหนดชะตากรรมตนเอง ชาติปาตานี โดยไม่ถูกจำกัดคุกคามโดยกฎหมาย ความเชื่อมีอยู่ของชาติปาตานี พื้นที่ปลอดภัยทางการเมือง ปัตนาบังซาร์ การทำประชามติเพื่อไปสู่สันติภาพที่ประชาชนเป็นเจ้าของ รัฐปาตานี,ประเทศปาตานี ขบวนนักศึกษาแห่งชาติ (กบฏปาตานี) หัวหน้ากบฎ+5 คน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายเทพมนตรี ยังโพสต์เรื่อง รัฐปัตตานีในกระแสประวัติศาสตร์ 1 โดยระบุว่า
-ความจริงที่ว่า รัฐปัตตานีมิได้เคยเป็นอาณาจักร
-ความจริงที่ว่า รัฐปัตตานีคือเมืองขึ้นของอยุธยาและรัตนโกสินทร์ พระมหากษัตริย์อยุธยาและกรุงเทพต่างได้รัฐปัตตานีมาไว้ในครอบครองเช่นเดียวกับกลันตัน ตรังตานู และไทรบุรี
ตั้งแต่รัชกาลที่ 1-3 ปัญหาปัตตานีอยู่ในความทรงจำของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1-3 พอถึงรัชกาลที่ 4 ปัญหาดังกล่าวเริ่มคลี่คลาย กุศโลบายของกรุงรัตนโกสินทร์ทำให้ปัตตานีกลายเป็นดินแดนสยามอย่างสมบูรณ์แบบ และเป็นเพียงเมืองชายทะเลเช่นเดียวกันกับเมืองอื่นๆในภาคใต้ รัชกาลที่ 5 ทรงปฏิรูปการปกครองโดยใช้วิธีการมณฑลเทศาภิบาลเข้ามาบริหารราชการแผ่น รวมเอา 7 หัวเมืองเข้าด้วยกัน มีปัตตานีเป็นหัวเรือหลักในการกระจายอำนาจให้ชื่อว่า “มณฑลปัตตานี” ไม่มีนครรัฐปาตานีหรือ “อาณาจักรปาตานี”เลย แม้เมื่อเราทำสนธิสัญญากับอังกฤษ เมื่อค.ศ.1909 ปัตตานีก็ยังคงเป็นที่ทำการมณฑลเทศาภิบาล ประวัติศาสตร์ตอนนี้ชัดแจ้ง และอังกฤษก็ให้การรับรองว่าปัตตานีเป็นของสยาม พอถึงรัชกาลที่ 6 พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปมณฑลปัตตานี ทรงมีสุนัขแสนรู้ตัวโปรดชื่อปอลไปด้วย

 

นายเทพมนตรี ยังโพสต์ภาพเอกสาร สนธิสัญญาอังกฤษ–สยาม พ.ศ.2452 หรือ คศ.1909 เพื่อยืนยันว่าเมืองปัตตานีอยู่ในอธิปไตยของไทย และไม่ใช่แค่แลกเปลี่ยนทางรถไฟกับดินแดนมาลายูที่สยามเสียไป โดยสนธิสัญญาระบุถึงเรื่องสัญญาว่าด้วยเขตแดน ระหว่างราชอาณาจักรสยามกับดินแดนที่โอนไปเป็นของสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ ซึ่งมีรายละเอียดการแบ่งเส้นพรหมแดนตอนหนึ่งว่า “เส้นพรหมแดนที่ว่านี้ เป็นอันกระทำให้ดินแดนทั้งสิ้นที่ลุ่มน้ำตกในลำน้ำปัตตานี ลำน้ำเตลูบิน ลำน้ำตันหยงมาศ แลฝั่งซ้ายฤาฟากตะวันตกของลำน้ำโกลกนั้นเป็นของฝ่ายสยาม แลดินแดนทั้งสิ้นที่ล่มน้ำตกในลำน้ำเปหระ แลที่ฝั่งขวาฟากตะวันออกของลำน้ำโกลกนั้น เป็นของฝ่ายอังกฤษ”

ทั้งนี้ นายเทพมนตรี ระบุตอนท้ายว่า อย่าให้ใครมาบิดเบือน อย่าเพียงจำขี้ปากนักวิชาการที่สามกีบนับถือ

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เจ้าคณะอำเภอสั่งนิมนต์  “พระอาจารย์ชิน” พ้นสำนักสงฆ์ใน 7 วัน หลังปลุกเสก “หมูเด้ง” ลูกศิษย์เศร้าพระอาจารย์เป็นพระสายปฏิบัติ
ผบ.ทร.ชื่นชมนักรบ 356 นาย เสียสละช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยพื้นที่เชียงราย
"ผบ.ทร" ตรวจเยี่ยม หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด ยกระดับกำลังพล-เครื่องมือ ทุกมิติ ย้ำรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มที่
"เจ้าอาวาสวัดดัง" พิษณุโลก เครียดหนัก เจ้าภาพกฐินเทงาน ซ้ำจ้างลิเกคณะดังมาแสดง กลับไม่จ่ายเงิน
“ชูศักดิ์” เผยเพื่อไทยตั้งวงวาง 3 สถานการณ์เร่งแก้ รธน. ย้ำยังเป็นเรื่องที่อยู่ในเป้าหมาย
"บิ๊กเต่า" เผยกองปราบเร่งสอบปม "ทนายตั้ม" รีดเงินบอสพอล 7.5 ล้าน
Ripley's Believe It or Not! Pattaya เปิดตัวเครื่องเล่นใหม่ตัวที่ 9 THE LOST PYRAMID การผจญภัย ล่าสมบัติในพีระมิดที่สูญหาย
"ทนายเจ๊อ้อย" เผยเหตุสอบปากคำนานเ ชี้ตร.เก็บทุกประเด็น ลั่นไม่มียอมความ
วัดหนองฆ้อ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พุทธาภิเษกพระผงเหนือดวงเศรษฐี หลวงพ่อทองสุข รุ่นที่ระลึกงานทอดกฐิน เปิดให้บูชาเนื่องในวันทอดกฐินสามัคคีประจำปีของวัด รายได้นำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
วัดหนองฆ้อ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พุทธาภิเษกพระผงเหนือดวงเศรษฐี หลวงพ่อทองสุข รุ่นที่ระลึกงานทอดกฐิน เปิดให้บูชาเนื่องในวันทอดกฐินสามัคคีประจำปีของวัด รายได้นำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น