นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า อย่าเพิ่งรีบเฮ ปมคลิปรายงานประชุมผู้ถือหุ้น ไอทีวี กรณีมีการพูดถึงรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) มีความขัดแย้งระหว่างคลิปการประชุมเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 กับรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัท ในประเด็นว่า ไอทีวียังดำเนินกิจการเกี่ยวกับสื่อหรือไม่ ถึงขั้นออกมาฟันธงกันว่านี่คือพยานหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะพิสูจน์ว่า ไอทีวี ไม่ได้ประกอบกิจการสื่อแล้ว จะทำให้นายพิธาหลุดคดีถือหุ้นสื่อในที่สุด
“เชาว์” อดีตรองโฆษกปชป. ชี้คลิปประชุมผู้ถือหุ้น ยิ่งตอกย้ำ “ไอทีวี” ยังมีตัวตน เตือนทุกฝ่ายอย่าบิดเบือนกม.
ข่าวที่น่าสนใจ
สำหรับผมเห็นว่าพยานหลักฐานไม่ว่าจะเป็นรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นหรือคลิปการประชุมผู้ถือหุ้นไม่ได้เป็นพยานหลักฐาน สำคัญ ว่าไอทีวี ยังประกอบกิจการสื่ออยู่หรือไม่ เพราะการพิจารณาว่ากิจการใดเป็นกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมตรา 98 (3) ต้องพิจารณาจากสภาพความเป็นจริงตามวัตถุประสงค์ของกิจการ มิใช่รับฟังจากการถามตอบในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งผมมองว่าการประชุมผู้ถือหุ้นที่นำมาเผยแพร่นี่แหละยิ่งเป็นหลักฐานสำคัญ มัดไอทีวี ว่า ยังมีตัวตนประกอบกิจการสื่ออยู่
ทั้งนี้หากพิจารณาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา จะพบว่าหลักฐานสำคัญที่ศาลฯให้น้ำหนักคือ งบการเงิน รายได้ที่ได้มาจากการประกอบกิจการสื่อหรือไม่ เป็นตัวชี้วัดว่า หุ้นของบริษัทที่ถืออยู่เป็นหุ้นสื่อหรือไม่ แม้จะมีวัตถุประสงค์ทำสื่อระบุอยู่แต่รายได้ที่ได้ไม่ได้มาจากการทำสื่อ ก็รอด ดังที่เห็นในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กรณีสส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจำนวน 64 คนก่อนหน้านี้ มีเพียงคนเดียวที่ถูกชี้ขาดให้พ้นสส. คือ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีตสส.พรรคอนาคตใหม่
กรณีของนายพิธา จะรอดหรือไม่รอดคดีหุ้นสื่อหรือไม่ จึงไม่ได้อยู่ที่คำถาม คำตอบในรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น แต่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ถือหุ้นในบริษัทที่มีรายได้จากการประกอบกิจการสื่อหรือไม่ และที่สำคัญคือไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม อย่าบิดเบือนข้อกฎหมาย ด้วยการนำประเด็นที่ไม่ใช่สาระมากลบข้อเท็จจริง เพราะนั่นไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง