"รถไฟฟ้าสายสีเหลือง" เตรียมเปิดทดลองใช้ ทดลองบริการ ตลอดสายครบ 23 สถานี จากสถานีลาดพร้าว-สถานีสำโรง ในวันที่ 19 มิถุนายน 2566 นี้
ข่าวที่น่าสนใจ
ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า จากการเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง 13 สถานี ช่วงระหว่างสถานีหัวหมาก–สถานีสำโรง เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2566 นั้น มีกระแสตอบรับที่ดีมาก ทำให้เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 จึงขยายระยะทางให้ประชาชนร่วมทดสอบการให้บริการเพิ่มเติมอีก 9 สถานี
ได้แก่ สถานีภาวนา / สถานีโชคชัย 4 / สถานีลาดพร้าว 71 /สถานีลาดพร้าว 83 /สถานีมหาดไทย /สถานีลาดพร้าว 101/ สถานีบางกะปิ /สถานีแยกลำสาลี และสถานีศรีกรีฑา ทำให้ตอนนี้มีการเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการ รวม 22 สถานี (สถานีภาวนา- สถานีสำโรง) รวมทั้งขยายช่วงเวลาการทดลองให้บริการจาก 09.00 – 20.00 น. ขยายเป็น 06.00 – 20.00 น.
โดยจากการขยายทั้งเส้นทางและระยะเวลาดังกล่าว ทำให้มีประชาชนให้ความสนใจมาทดลองใช้บริการเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยตัวเลขจำนวนผู้ใช้บริการเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 (วันแรกของการขยายเส้นทางและเวลา) มีจำนวนสูงถึง 44,353 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับวันธรรมดาของการเปิดทดลองให้บริการในช่วงแรกที่ประมาณ 20,000-22,000 คน-เที่ยว เพราะช่วงเวลาที่ขยายเพิ่มขึ้นเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนที่ประชาชนเดินทางไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ หรือการไปธุระอื่น ๆ ทำให้ประชาชน นักเรียน เลือกใช้ระบบรถไฟฟ้า เพื่อหนีปัญหาการจราจรติดขัด
ดร.พิเชฐ ระบุว่า ในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ จะเปิดให้บริการตลอดสายครบ 23 สถานี จากสถานีลาดพร้าว-สถานีสำโรง โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดให้ประชาชนร่วมทดสอบการเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) และจะร่วมใช้บริการไปกับประชาชนจากสถานีลาดพร้าวถึงสถานีศรีเอี่ยม
ดร.พิเชฐ ระบุว่า ขร. ได้สำรวจแนวถนนศรีนครินทร์ไปจนถึงถนนลาดพร้าว พบว่าการจราจรมีความคล่องตัวขึ้น โดยจะเร่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบคืนผิวถนนให้เร็ว เพื่อให้สามารถใช้ช่องจราจรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และภายในสัปดาห์นี้เจ้าหน้าที่ ขร. จะมีการลงตรวจความเรียบร้อยของสถานีของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ทั้งส่วนทางขึ้น-ลง ตู้หรือห้องจำหน่ายบัตร สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อให้การให้บริการมีความพร้อมมากที่สุด
สำหรับค่าโดยสารการใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สามารถใช้บัตรเครดิต/เดบิต EMV Contactless (Europay, MasterCard and VISA) ในการแตะชำระค่าโดยสารได้ ซึ่งรองรับบัตรเครดิตของทุกธนาคาร แต่ส่วนบัตรเดบิตปัจจุบันสามารถใช้บัตรเดบิตของธนาคารกรุงไทย และธนาคารยูโอบี ส่วนธนาคารอื่น ๆ อยู่ระหว่างการพัฒนาให้รองรับได้
โดยการชำระค่าโดยสารด้วยการใช้บัตร EMV จะเป็นเป็นทางเลือกให้ประชาชนที่ในการลดภาระค่าใช้จ่ายจากค่าแรกเข้า หากต้องเปลี่ยนระบบรถไฟฟ้าระหว่างรถไฟฟ้า สายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินประมาณ 15 บาท และโดยหากประชาชนเดินทางด้วยรถไฟฟ้าทั้งขาไปและกลับจะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายค่าแรกเข้าประมาณ 30 บาทต่อวัน หรือราว 600 บาทต่อเดือน
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง รวมถึงสายสีต่างๆ ที่กำลังจะเปิดให้บริการในอนาคตจะมีส่วนช่วยให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และปลอดภัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง