เมื่อ 14 มิถุนายน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “คั้นให้ตาย?” โดยระบุว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ควรได้มีโอกาสอยู่ในห้องประชุมรัฐสภาในวันโหวตเลือกนายกฯ เพื่อจะได้รู้ว่า ไม่มีวันได้เสียงถึง 376 เสียง พร้อมทั้งจะได้เห็นว่าพรรคร่วม 8 พรรค มีพรรคไหนแปรเป็นอื่น ไปสมคบกับอีกพรรคร่วมฝ่าย 188 เสียงกันบ้าง จะได้สิ้นสงสัย และการไม่ได้เป็นรัฐบาลด้วยเสียงไม่ถึง 376 เสียงนั้น จะเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงของพรรคก้าวไกลในระยะยาว เนื่องจากภายใต้สถานการณ์นี้ หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลจะแบกความหวัง และทุกเรื่องที่รับปากประชาชนจะยากลำบากในด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
"จตุพร" ฉะ "พิธา" ทำตัวเองแท้ ๆ เดินเข้าสู่แดนเชือดทางการเมือง ไม่มีใครจับยัดหุ้นสื่อให้
ข่าวที่น่าสนใจ
นายจตุพร เชื่อว่า การถือหุ้นสื่อนั้น พฤติกรรมในหลายห้วงเวลาเป็นเรื่องของนายพิธาเอง ไม่มีใครเอาหุ้นสื่อไปจับยัดให้ครอบครอง แต่นายพิธากลับเดินเข้ามาสู่กับดักแดนเชือดทางการเมือง โดยไม่โอนหุ้นสื่อออกจากตัวเองก่อนวันรับสมัคร ส.ส. ดังนั้นจึงต้องถูกกฎหมายและการเมืองจัดการ อีกทั้งเมื่อบริษัทไอทีวียังไม่ยกเลิก และเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการสื่อ การวินิจฉัยจะพิจารณาในด้านใดก็ต้องรอดูเอา แต่ที่สุดแล้วการถือหุ้นสื่อเป็นเรื่องที่นายพิธาเดินเข้ามาในแดนถูกเชือดทางการเมือง จึงถูกหลายฝ่ายร่วมมือรุมจัดการทางการเมือง และไม่ว่าใครใหญ่มาจากไหน
เมื่อถึงเวลาเข้าไปในแดนที่เขาต้องจัดการ มันก็ไม่มีอะไรเหลือ บทเรียนจากทั้งทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นตัวอย่างได้ดี และวันที่โดนจัดการก็ช่วงเป็นรัฐบาลทั้งสิ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง