ประเด็นเรื่องพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯของก้าวไกลจะได้ไปต่อหรือพอแค่นี้ ยังเป็นปมร้อนทางการเมืองที่ทุกสภากาแฟ วงเหล้า โต๊ะสนทนาคุยกันเป็นประเด็นหลักกันอยู่ ที่ถึงแม้พิธาจะนำก้าวไกลชนะการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.2566 ด้วยจำนวนส.ส.มากที่สุด 151 คน กวาด 14.2 ล้านคะแนนจากทั่วประเทศ ประกาศตั้งรัฐบาลประชาชน 8 พรรค 312 เสียง แต่จนถึงวันนี้ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว 1 เดือนกับ 1 วัน ( 15 มิ.ย.2566 ) ดูเหมือนความเชื่อของคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนที่อยู่ “วงใน” ยุทธจักรการเมืองกลับมองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ในการเป็นนายกฯของพิธาเป็นรัฐบาลของก้าวไกลเหลือน้อยลงทุกที
แม้ล่าสุดพิธาจะหลุกบ่วงกรรม 3 คำร้องเรื่องถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้นที่ศรีสุวรรณ เรืองไกร นพรุจ ไปยื่นร้องกับกกต.ไปแล้ว เพราะเหตุที่การยื่นเลยระยะเวลาที่กำหนดรับคำร้องไปแล้ว แต่กกต.ก็ยังรับคำร้องประเด็นเรื่องของการทำผิดกฎหมายลูก พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ม.151 ” ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000บาทถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี” งานนี้ถ้าพิธาถูกพิสูจน์ว่าผิดจริงรับรองติดคุกยาว และ จะปิดฉากอนาคตทางการเมืองไปเลย แต่คดีดังกล่าวต้องร้องกับศาลอาญาซึ่งการพิจารณาต้องใช้เวลายาวนานเหมือนคดีอาญาตามปกติ ไม่เหมือนคดีการเมืองในศาลรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ถ้าผิดจริงโทษจะหนัก พิธาจะติดคุกและกลับมาเล่นการเมืองไม่ได้อีก
ตอนนี้พอกกต.ยกคำร้อง 3 เรื่องปมหุ้นไอทีวีของพิธาไปหมด มันก็เลยไม่มีประเด็นใดจะไปหยุดการเดินหน้าเป็นนายกฯของพิธาไปได้ แถมล่าสุดก็มีข่าวว่ากกต.เตรียมปล่อยผีไฟเขียวปล่อยส.ส.95 % เพื่อให้เดินหน้าเปิดสภาได้ ล่าสุดข่าวที่หลุดออกมาก็ระบุว่า ไฟเขียว 329 เขต จาก 40 จังหวัด คงเหลือที่ยังแขวนไว้ 71 เขต จาก 37 จังหวัด เพราะถูกร้องคัดค้าน แต่ยังไงเสียดูทรงแล้วก่อนสิ้นเดือนนี้คือ 30 มิ.ย.2566 เหลือเต็มที่ภายในอาทิตย์หน้ากกต.ก็คงปล่อยผีทั้งหมด เคลียร์ทางให้เปิดสภากันไปเลย ด้านหนึ่งเพราะถูกกดดันจากด้อมส้มไม่หยุด เช้าไปเย็นไปวานก่อนกลุ่ม 24 มิถุนาของสมยศ เมื่อวานก็เป็นไอลอว์ กับ ไผ่ ดาวดิน ฯลฯ สารพัดบี้กันไม่หยุด อีกประการก็เป็นเพราะ 1 ใน กกต.คือ ฉัตรไชย จันทร์พลายศรี เตรียมครบวาระ 70 ปีในวันที่ 28 มิ.ย.2566 นี้ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าลงมติรับรองส.ส.แบบครบองค์น่าจะเป็นการดีมากกว่า
พูดแบบนี้แล้วสาวกก้าวไกลกับด้อมส้มของพิธาอย่าเพิ่งดีใจ เพราะอุปสรรคขวางหนามของหน้าหล่อ “พิธาคิโอ้” ยังไม่จบ ล่าสุดมหาเทพกฎหมาย กูรูกฎหมายสายรถถัง เนติบริกร ปรมาจารย์กฎหมายของรัฐนาวาเรือแป๊ะ อย่าง วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมายถึงขั้นออกโรงมาเล่นเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ไม่รู้ไปกิน “ดีหมี-ใจเสือ” มาจากไหน หรือโมโหที่ถูกพิธาตอกกลับ หรือมีอารมณ์ที่ถูกลิ้วล้อก้าวไกลแกนนำฝ่ายส้มล้มเจ้าออกมาแซะออกมาพาดพิง วานนี้วิษณุเลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ เปิดเกม….รุกฆาต จัดหน้าหล่อฝ่ายส้มล้มเจ้าไปหลายดอก ดอกแรกวิษณุระบุว่า การจะดูว่าพิธาต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ต้องดูจาก 1. ต้องไปดูคำร้องว่าร้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่อะไร 2. ศาลรัฐธรรมนูญออกคำสั่งมาว่าอย่างไร ” ถ้ามีการไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องไปดูว่าศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่อะไร หากเป็นหน้าที่ส.ส.ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส. แต่การเป็นว่าที่นายกฯศาลไม่ได้สั่ง เมื่อไม่ได้สั่งก็ดำเนินการโหวตนายกฯไปได้ ไม่อยากชี้ช่อง….เว้นแต่ในคำร้อง ซึ่งผู้ร้องร้องประเด็นอะไรยืดยาวมากกว่านี้ แล้วศาลสั่งให้หยุดทั้งหมดถ้าหยุดทั้งหมดก็ไปเสนอไม่ได้ เพราะเสนอไปแล้วปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ” วิษณุยืนยัน
ก่อนจะเปิดเผยต่อว่า แม้อดีตจะไม่เคยมีคำสั่งให้ว่าที่แคนดิเดตนายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่มาก่อน แต่ก็อย่าคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญก็เคยออกคำสั่งโลดโผนพิศดารมาหลายหน ” ต้องไปดูว่าคำร้องร้องว่าอย่างไร คำสั่งศาลว่าอย่างไร เราจะบอกว่าศาลไม่มีอำนาจสั่งก็ไม่ได้ ตนไม่แน่ใจ ศาลอาจจะบอกว่ามีก็ได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญเคยสั่งแปลกๆหลายครั้งแล้ว” เจอดอกแรกเข้าไปก็ถึงกับสะอึก ตอบคำถามนักข่าวไปด้วยชี้ช่องร้องเพิ่มเติ่มพิธาไปด้วย จากนั้นก็มายกตัวอย่างคำร้อง 8 ปีนายกฯของบิ๊กตู่ที่เป็นคดีใหญ่ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ตอนนั้นผู้ร้องร้องเฉพาะการตีความตำแหน่งนายกฯสิ้นสุดลงหรือไม่ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องพร้อมสั่งให้พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย แม้บิ๊กตู่หยุดทำหน้าที่นายกฯแต่ก็ยังทำงานในตำแหน่งรมว.กลาโหมได้ตามปกติ ส่วนกรณีที่พิธายกตัวอย่างคดีที่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคยถูกร้องเรื่องคุณสมบัติส.ส.ยังสามารถโหวตนายกฯได้ แต่พิธาถูกร้องทั้งการเป็นส.ส. แคนดิเดตนายกฯ และหัวหน้าพรรค รวมถึงสถานะส.ส.ปี 62 ตรงนี้จะทำให้การวินิจฉัย 2 คดีต่างกันใช่หรือไหม วิษณุยืนกรานหนักแน่น ” กรณีนายพิธา มีอันนี้พ่วงมาด้วยถึงได้เป็นปัญหา ซึ่งเราไม่มีตัวอย่างมาก่อน จึงเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้”
ขยี้ความเรื่องพิธาจบ วิษณุก็มาเปิดประเด็นเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎรอีก อย่างที่รู้ว่าตอนนี้ก้าวไกลกับเพื่อไทย ขบเหลี่ยมเฉือนคมกันเรื่องนี้จนถึงปัจจุบันยังตกลงเรื่องประมุขฝ่ายนิติบัญญัติกันไม่ได้ว่าจะให้ใคร แต่เสือกไปบี้ให้กกต.เร่งรับรองส.ส.ออกมาไวไว เรื่องของตัวเองก็ยังแก้ไม่เสร็จขี้ยังไม่สุดที ก้าวไกลอยากได้ประธานสภาเพราะต้องการการันตีว่าจะไม่มี “อุบัติเหตุ” ระหว่างทางในการเสนอชื่อพิธาเป็นนายกฯ ยังไงก็ต้องเอาเก้าอี้ประธานสภาให้ได้ ด้านหนึ่งจะได้มั่นใจเรื่องของการโหวตนายกฯจะอยู่ในการคอนโทรลของตัวเอง อีกมุมก็ถ้าโหวตได้พิธาประธานฝ่ายส้มก็จะ “กล้า” นำชื่อขึ้นทูลเกล้าแน่ๆ แม้พิธาจะมีคดีความติดตัวอยู่ ตรงนี้ยังไงก็ต้องเอาเก้าอี้ประธานให้ได้ไม่ปล่อยให้ตกไปเป็นของเพื่อไทย ที่ก้าวไกลคงไม่เชื่อแน่ๆว่าประธานสภาของเพื่อไทยจะกล้าเอาชื่อพิธาขึ้นทูลเกล้า มุมนี้วิษณุอ่านขาด เพราะเดาทางดักคอไว้เลยว่าต้องเกิดการแย่งชิงประธานสภากันดุเดือดแน่ๆ แต่ไม่ว่าไปออกฝ่ายไหนไปอยู่กับใครก็หนักใจกันทั้งคู่ เพราะเหมือนต้องรับ “เผือกร้อน” ไว้ในมือ ” ประธานสภาฯมีบทบาทสำคัญที่สุด ที่จะควบคุมเรื่องนี้ เพราะประธานสภาจะเป็นผู้กราบบังคมทูลฯแต่งตั้งนายกฯเพื่อให้บริหารราชการแผ่นดิน ขอย้ำว่า เริ่มต้นมีการเสนอชื่อ ประธานสภาฯจะรับชื่อนั่นหรือไม่ ถ้าไม่รู้ไม่ชี้รับเข้ามา เพราะต้องมีการโหวตแข่ง หากไม่ได้ก็ตกไปประธานสภาฯไม่ต้องรับผิดชอบ แต่หากได้ขึ้นมาประธานสภาฯจะคิดหนัก” วิษณุอธิบาย
ไม่ใช่แค่ตำแหน่งประธานสภาเท่านั้นที่อาจจะต้องหนาว หากทูลเกล้าเสนอชื่อพิธาไปแบบคดียังไม่จบปัญหายังไม่สะเด็ดน้ำ อย่าลืมว่าพิธามีคดีอีรุงตุงนัง อนาคตอาจถูกร้องเรื่องต่างๆตามมาอีกมาก ไม่ใช่แค่ประธานสภาเท่านั้นที่จะซวย ส.ส.และ ส.ว.ที่จะไปยกมือให้พิธาก็จะถูกหางเลขไปด้วย ” ส.ส. ส.ว. แม้ไม่มีความรับผิดชอบทางก็กฎหมาย แต่ต้องมีความรับผิดชอบทางการเมือง……เหมือนการแต่งตั้งข้าราชการทุกวันนี้ จะมาจากกระทรวงไหนก็ช่าง แต่นายกฯเป็นคนเซ็นต์ นายกฯก็ต้องรับผิดชอบ” วิษณุอธิบสายหลักการ มุมนี้แหละเชื่อว่าจะทำให้ส.ส.และส.ว.หลายคนหนาวแน่ๆ ลำพังส.ส.คงไม่เท่าไหร่ เพราะขั้วใครขั้วมัน ยอมติดคุก ยอมตายกันอยู่แล้ว แต่สำหรับส.ว. ฟังวิษณุอธิบายแบบนี้เชื่อว่า เสียงที่จะยกมือให้พิธาคงหายไปเยอะ เสียงที่จะงดออกเสียงก็คงมั่นใจขึ้นอีกมาก ลำพังข้อหาเก่าล้มล้างสถาบัน เปลี่ยนแปลงการปกครอง แก้ม.112 ปลดปล่อยปัตตานี ส่งเสริมแบ่งแยกดินแดน พิธากับก้าวไกลก็เป็นหมาหัวเน่าไม่มีใครเอาอยู่แล้ว มาเจอเรื่องคดีความต่างๆนาๆเพิ่มไปอีก ส.ว.250 คน คงตัดสินใจโหวตได้ง่ายๆ ปิดท้ายขาใหญ่ทำเนียบรัฐบาลออกโรงวานนี้ วิษณุยังแนะช่องร้องพิธาไปยังศาลรัฐธรรมได้อีกแม้กกต.จะตีตก 3 คำร้องเรื่องหุ้นไอทีวีไปแล้ว แต่รัฐธรรมนูญ ม. 82 ยังเปิดช่องให้ส.ส.กับ ส.ว. เข้าชื่อ 1 ใน 10 ของจำนวนฝ่ายตัวเอง ส่งชื่อให้ประธานสภาส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ ที่ช่องนี้ส.ส.กับส.ว.ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว แต่หลายคนเชื่อว่าคงไม่ต้องไปถึงตรงนั้น เพราะมั่นใจพันเปอร์เซ็นต์พิธาตกม้าตายตอนโหวตเลือกนายกฯแน่นอน ดิ้นให้ตายก็ไม่มีทางหาเสียงได้ถึง 376 หมดโอกาสเป็นนายกฯแน่นอน ส่วนก้าวไกลก็จะถูกถีบไปเป็นฝ่ายค้านสูงลิ่ว ตอนนี้ทั้งก้าวไกลกับเพื่อไทยก็เล่นละครว่ารักกันต่อไป แต่ข้างหลังต่างฝ่ายต่างซ่อนมีดรอจังหวะอีกฝ่ายพลาดค่อยแทงซ้ำ ระหว่างส้มกับแดงมิตรภาพกับความรักไม่มีจริง ไม่เชื่อคอยดูอีกไม่นานก็จะเผยธาตุแท้ออกมา
//////////////////