งงกันทั้งบางหลังจากเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.2566) ปรากฎข่าว “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำคนสำคัญของพรรคสีแดง ออกมาให้สัมภาษณ์ประกาศว่าเพื่อไทยยอมถอยยอมทิ้งตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรและขอมอบตำแหน่งนี้ให้กับพรรคอันดับ 1 ได้สิทธิ์ในการเสนอชื่อไปแทนทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เพื่อไทยกับก้าวไกลแย่งกันแทบตายเพื่อให้ได้ตำแหน่งนี้ ” พรรคเพื่อไทยจึงมีจุดยืนและข้อสรุปของพรรคต่อกรณีประธานสภาฯ ดังนี้ 1.เราเห็นชอบในหลักการว่าพรรคอันดับ 1 จะทำหน้าที่ประธานสภาฯ 2.เนื่องจากพรรคอันดับหนึ่งและสอง มีจำนวนใกล้เคียงกันมาก ดังนั้นตำแหน่งรองประธานสภาฯ ทั้งสองคน จึงควรเป็นคนของพรรคลำดับสอง และ 3.รายละเอียดการประสานงานต่างๆ ต้องรอผลจากกกต. ประกาศผลการเลือกตั้งและการประกาศรับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการก่อน” ภูมิธรรมระบุ
ขณะที่คู่ซี้อย่างประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิกาเพื่อไทยก็ออกมาให้สัมภาษณ์ในลัษณะใกล้เคียงกันทำนองคล้ายกันเลย ” จุดยืนของพรรค พท. คือ การให้พรรคที่มีเสียงส.ส.อันดับ 1 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลและให้พรรคอันดับ 1 เป็นประธานสภาฯ จะได้ตกลงกันง่ายขึ้น ส่วนตำแหน่งรองประธานสภาฯอีก 2 คน ให้เป็นของพรรคที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 2 อยากให้ยึดหลักการจุดนี้ไว้ มิเช่นนั้นกองเชียร์ 2 ฝ่าย จะถกเถียงกันไม่หยุด” เลขาฯเพื่อไทยระบุ งานนี้ทำเอาคอการเมืองงงเป็นไก่ตาแตก เพราะจู่ๆ เพื่อไทยยอมมอบในเกมชิงดำตำแหน่งสำคัญทางการเมืองอย่างประธานรัฐสภาหรือ “ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ” ให้กับฝ่ายส้มล้มเจ้าแบบง่ายๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ขบเหลี่ยมชิงดำเปิดศึกกันมาแทบตาย ก่อนหน้านั้น 1 วัน ( 17 มิ.ย. 2566) แดงกับส้มยังออกมาต่อยปากกันอยู่เลย ตัวตึงฝ่ายส้มอย่าง รังสิมันต์ โรม โฆษกก้าวไกลยังออกมาทุบโต๊ะเรื่องนี้ประมาณว่า ” พรรคก้าวไกลต้องการตำแหน่งประธานสภาฯ เพราะมีงานที่อยากผลักดัน ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่ประธานสภาฯ” วันเดียวกันเสี่ยอ้วนก็ออกมาสวนทันควัน แถมสอนมารยาทแนบท้ายมาด้วย ” เป็นการแสดงความคิดเห็นของนายรังสิมันต์ แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ควรแสดงความคิดเห็น รอให้การหารือของสองพรรคจบเรียบร้อยก่อนจะดีกว่า เพราะเมื่อการหารือยังไม่จบแล้วออกมาพูดเช่นนี้ ตามมารยาททางการเมืองเขาไม่ทำกัน”
เหตุใดจู่ๆ เพื่อไทยถึงเดินเกมถอยหลัง ยอมถอนเกียร์ออกจากการช่วงชิงตำแหน่งประธานสภาง่ายๆแบบนี้ ถึงขนาดผู้อาวุโสของพรรคอย่างอดิศร เพียงเกษ ต้องออกโรงมาตำหนิ ” นายภูมิธรรม เป็นก้าวไกลไปแล้วหรือ พรรคเพื่อไทยเคยพลาดตอนไปช่วยโหวตให้นายธนาธร ชิงตำแหน่งนายกฯตอนปี 2562 มาแล้ว ทั้งที่พรรคก็มีชื่อแคนดิเดตนายกฯของตัวเองอยู่ จะไปกลัวเขาตลอดไม่ได้ เหล็กอยู่เฉยๆจะอ่อนได้อย่างไร จะต้องมีอะไรเกิดขึ้น” อย่าลืมว่าสองคนของเพื่อไทยที่ออกมาให้ข่าวเรื่องนี้ ทั้งภูมิธรรมทั้งประเสริฐล้วนแล้วแต่เป็น “สายตรง” นายหญิง พจมาณ ณ ป้อมเพชร แห่งบ้านจันทร์ส่องล้าทั้งคู่ จู่คงไม่ออกมาพูดจาอะไรซี้ซั้วแบบนี้ถ้าไม่มี “ไฟเขียว” จากผู้ใหญ่หรือระดับเจ้าของพรรคให้ออกมาพูด อย่าลืมว่าตำแหน่งประธานสภาเป็นตำแหน่งสำคัญยิ่งยวดไม่น้อยกว่านายกฯ เผลอก้าวแรกของการเข้าสู่อำนาจต้องชิงประธานสภามาเป็นของตัวเองให้ได้ก่อน ก้าวไกลกับเพื่อไทยรู้ความสำคัญของตำแหน่งนี้ดี ไม่งั้นไม่เปิดศึกฟัดกันมาตั้งแต่ต้น ก้าวไกลอยากได้ประธานสภาจะได้มั่นใจตอนโหวตชื่อนายกฯ จะได้คุมเกมตอนแก้รัฐธรรมนูญ ขณะที่เพื่อไทยก็ต้องการตำแหน่งนี้ไปคุมเกมยาวๆในสภา ถ้าก้าวไกลได้พระเอกไปแล้วนางเอกก็จะต้องตกเป็นของเพื่อไทยเพื่อให้สมดุลย์กัน
มีการวิเคราะห์เหตุผลที่ทำให้เพื่อไทยยอมอ่อนยอมถอยกับดีลนี้ เบื้องต้นมีการมองกันว่าเพื่อไทยต้องการ “ซื้อใจ” ก้าวไกล ที่ตอนนี้วงในก้าวไกลเริ่มไม่มั่นใจว่าพิธาจะได้เป็นนายกฯจะรอดสันดอนในตอนโหวตไปได้ แถมข้อจำกัดของฝ่ายส้มถ้าพิธาถูกตีตกก็จะหมดโอกาสในการเสนอชื่อนายกฯแล้ว เพราะมีบัญชีแคนดิเดตนายกฯแค่คนเดียว เพราะฉะนั้นยังไงก็ต้องเอาตำแหน่งประธานรัฐสภาที่เป็นตำแหน่งยุทธศาตร์สำคัญทางการเมืองตรงนี้ให้ได้ก่อน ส่วนตำแหน่งนายกฯของพิธาจะได้หรือไม่ได้ค่อยไปลุ้นกันอีกที เพราะส้มเองก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะได้เสียงสนับสนุนจากส.ส.กับ ส.ว.ถึง 376 คนจาก 750 คนหรือไม่ เพราะฉะนั้นยอมกำขี้ดีกว่ากำตดได้ประธานสภาแน่ๆชัวร์ๆน่าจะเป็นการการันตีอำนาจในมือได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากมองถึงเกมยาวๆ ที่ยังมีเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แก้ม.112 แก้กฎหมายอีกหลายตัวในอนาคต การได้ถือหางเสือเป็นประธานสภาคุมแก้กฎหมาย น่าจะได้น้ำได้เนื้อมากกว่า โดยเฉพาะหากฝ่ายส้มมองว่าโอกาสจะได้เก้าอี้นายกฯคว้าตำแหน่งสร.1 ของพิธาคงยากเต็มที ทั้งเรื่องเสียงโหวตไม่พอ และเรื่องที่พิธาอาจจะเจอคดีอีกเป็นพะเรอเกวียนในอนาคต แถมการออกมาส่งสัญญาณถอยของเพื่อไทยในรอบนี้ ยังถูกมองว่าเป็นการทอดไมตรีแลกใจกันในเวลาอันใกล้ กรณีถ้าพิธาเสียงไม่ถึงไปต่อไม่ได้จริงๆ ฝ่ายก้าวไกลจะไม่เล่นเกมซื้อเวลาโหวตแล้วโหวตอีกให้กับหน้าหล่อ แต่จะให้โอกาสพรรคอันดับ 2 อย่างเพื่อไทยได้มีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลต่อทันทีโดยไม่ช้า ที่งานนี้มีการวางตัว “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน ขึ้นเป็นนายกฯส้มหล่น ผู้นำก๊อกสองเอาไว้แล้วหากพิธาเข็นไม่ขึ้นจริงๆ
ตรงนี้ไม่นับรวมถึงกรณีที่ก้าวไกลยอมแลกกระทรวงเกรดเอสำคัญๆทางเศรษฐกิจให้กับเพื่อไทยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพาณิชย์ พลังงาน เกษตรและสหกรณ์ อุตสาหกรรม ท่องเที่ยวและกีฬา ต่างประเทศ ฯลฯ ขณะที่ตัวเองจะดูแลกระทรวงด้านความมั่นคงทั้งหมด กลาโหม มหาดไทย ยุติธรรม ดิจิทัล และขอเก้าอี้ขุนคลังเพียงตัวเดียวในฝ่ายเศรษฐกิจให้กับ “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคตามที่หาเสียงไว้เท่านั้น บวกลบคูณหาร เพื่อไทยได้เก้าอี้รัฐมนตรี 14 ตัว 2 รองประธานสภา และโอกาสนายกฯก็อก 2 แบบไม่มีการถ่วงประวิงเวลาจากฝ่ายส้ม สู้ตกลงกันบนเงื่อนไขนี้กับก้าวไกลก็น่าจะโอเคที่สุดแล้ว ดีดลูกคิดรางแก้วแล้วฝ่ายแดงคงคิดว่าคุ้ม ด้วยเหตุนี้แหละจึงทำให้เพื่อไทยยอมถอยยอมเทเก้าอี้ประธานสภาให้กับก้าวไกล ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่เขี้ยวตัวพ่อแก่พรรษาการเมืองพรรคสีแดงจะยอมหรอก นี้ยังไม่นับรวมถึงกรณีถ้าเพื่อไทยถอยไม่จริง หรือมองว่ามีการวางยามีการสับขาหลอก “ลับ ลวง พราง” ให้ก้าวไกลตายใจ ว่ายินดีสนับสนุนทุกอย่างแล้วแต่ก้าวไกลไปต่อไม่ได้เอง ที่ก็ยังมีความเป็นไปได้เช่นกัน
อย่าลืมว่าสถานการณ์การเมืองงวดนี้ เกมเปลี่ยนเกมพลิกได้ทุกขณะ อย่างที่รู้ว่ารอบนี้ก้าวไกล 151 เพื่อไทย 141 มีส.ส.ห่างกันแค่ 10 คน ระหว่างส้มกับแดงอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ นับแนวร่วมว่าที่รัฐบาลใหม่ ส่วนใหญ่ก็เป็นฝ่ายแดงทั้งนั้นประชาชาติ ( 9 คน) ของ วันมูหะมัด นอร์มะทา ก็เพื่อไทยสาขาย่อยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะคนในพื้นที่ไม่เอาเพื่อไทยใครๆก็รู้ เสรีรวมไทย (1 คน) ของพล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ก็เทมาอยู่กับแดงอยู่แล้ว เพื่อไทรวมพลัง (2 คน) ก็ชัดอยู่แล้วชื่อก็บอกอยู่ฝ่ายแดงมี 153 คน ส่วนก้าวไกลก็มีพันธมิตรอย่างไทยสร้างไทย (6 คน) ของเจ๊หน่อย เป็นธรรม (2 คน) และ พลังสังคมใหม่ (1คน) รวมกันฝ่ายส้มมี 160 คน ถ้าเพื่อไทยคิดสับขาหลอกจริงๆ ทุกอย่างล้วนเป็นใจหมด ฟรีโหวตประธานรัฐสภาก้าวไกลก็ไร้พวก แถมคงไม่กล้าเสี่ยงทำแน่ๆ เพราะมีโอกาสโดนรัฐบาลปัจจุบันที่มี 186 เสียง ตลบหลังคว้าเก้าอี้ประธานสภาไปง่ายๆ หรือถ้าจะแตกหักกันจริงๆถึงขั้นพลิกขั้วการเมืองกันเลย เพื่อไทยก็ยังมีแต้มต่อมากกว่า ฝ่ายแดงมีอยู่ในมือบวกพันธมิตร 153 คน ดึงภูมิใจไทยของเสี่ยหนูมา 71 คน เอาพลังประชารัฐของลุงป้อมมาอีก 40 คน รวมกันก็เกินครึ่ง 263 คน เปลี่ยนนายกฯจากพิธาเป็นเศรษฐา ไม่มีเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ไม่เดินหน้าเรื่อง 112 ไม่ทำอะไรให้สังคมแตกแยก ส.ว.250 คนก็พร้อมยกมือโหวตให้อยู่แล้ว แค่นี้ก็เรียบร้อยโรงเรียนแม้วเสร็จแดงแบบสบายๆ ไม่ว่าจะถอยจริงหรือวางยาแกล้งสับขาหลอก ฝ่ายแดงก็มีแต้มต่อมีไพ่เหนือกว่าส้มทุกขบวน ตอนนี้ก็แค่ตีเนียนๆ เล่นละครเข้าสู่อำนาจตามบทบาทไปเรื่อยๆ รอนาทีทองของตัวเองแค่นั้นพอ
//////////////////////