– เมื่อมาโรงเรียน หยกจะไม่เข้ากิจกรรมโฮมรูมในเวลา 7.40 น.ถึง 8.10 น. ส่วนคนอื่นเข้าทุกคน และตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม เป็นต้นมา หยกไม่คุยกับอาจารย์ที่ปรึกษา ไม่ฟังกฎระเบียบ ถามครูว่า “ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญมั้ย” ใครตักเตือนก็จะพูดประเด็นนี้ และบอกอีกว่า “โรงเรียนทำอะไรเขาได้มั้ย” บางวันมาเรียนบ่ายสอง เพื่อเรียนวิชาเดียว
– ช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม ถึงวันที่ 10 มิถุนายน 66 เป็นช่วงที่โรงเรียนพยายามให้เกิดผู้ปกครองเซ็นมอบตัวหยก เพราะโรงเรียนต้องยืนยันข้อมูลในระบบบภายในที่ 10 มิถุนายน โดยครูเดินทางไปหาแม่ที่บ้านในซอยพัฒนาการไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง พร้อมกับนำเอกสารเซ็นมอบตัวไปให้แม่หยกเซ็นด้วย และอยากให้แม่หยกมาร่วมแก้ปัญหาพฤติกรรมของลูก แต่แม่หยกไม่ออกมาพบ ส่วนเพื่อนบ้านก็เตือนครูว่าอย่าไปยุ่ง ระวังเขาจะปล่อยหมากัด ซึ่งครูสังเกตพบว่ารถยนต์ในบ้านของแม่ได้นำกระดาษสีขาวมาปิดแผ่นป้ายทะเบียนและปิดเลขที่บ้านไว้ด้วย และยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่าเมื่อหยกออกจากบ้านปรานี แม่ก็หายไปเลย และทำไมไม่ออกมาพบครู ทั้งที่ วันที่ 1 เมษายน ยังมาแจ้งเลื่อนขอมอบตัวให้กับลูก
– วันที่ 2 มิถุนายน 66 ครูเดินทางไปยังจังหวัดร้อยเอ็ด หลังทราบว่าพ่อหยกย้ายไปอาศัยอยู่ที่บ้านหัวหนอง ตำบลหนองแวง อำเภอเกษตรวิสัย เมื่อไปถึงครูได้ไปพบป้าและน้องชายของพ่อหยก จากนั้นน้องชายพ่อหยก ได้พาครูไปพบพ่อหยกที่ทุ่งนา เพราะนำวัวไปเลี้ยง แต่เมื่อเดินทางไปถึง พ่อหยกกลับไล่ครูกลับไปทันที และบอกอย่ามาที่นี่อีก ตนไม่รู้เรื่อง
– 9 มิถุนายน “หยก” ได้ลาโรงเรียน ครูได้วิดีโอคอลผ่านไลน์ เพื่อย้ำเรื่องการมอบตัว แต่หยกให้คุยกับบุ้ง ครูจึงย้ำเรื่องให้ผู้ปกครองหยกมาเซ็น โดยบุ้งบอกว่า พยายามโทรศัพท์ติดดต่อแม่หยกแล้วตั้งแต่ช่วงหยกอยู่สถานพินิจ แต่ติดต่อไม่ได้ ประเด็นนี้ทำให้ครูและโรงเรียน เกิดคำถามว่า ทำไม ไม่พาน้องไปบ้าน
– มีข้อมูลว่า “บุ้ง ทะลุวัง” ได้เคยไปพบกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.เพื่อขอรับหยกเป็นลูกบุญธรรม แต่เมื่อเจ้าหน้าที่อธิบายขั้นตอนทั้งหมด บุ้งได้เดินออกจากห้องไปทันที เพราะตามกฎหมายบุ้งยังไม่สามารถรับหยกเป็นลูกบุญธรรมได้
– จันทร์ที่ 12 มิถุนายน คณะครูมีประชุมประจำเดือนในช่วงบ่าย ทำให้หยกฉวยโอกาสนี้ เข้าไปจ่ายเงินค่าบำรุงการศึกษากับเจ้าหน้าที่ในเวลา 15.57 น. โดยเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ทราบเรื่อง ได้ถามหยกว่า หยกมอบตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ หยกได้บอกว่าเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จึงให้เลขบัญชีโอนค่าบำรุงการศึกษา โดยชื่อบัญชีของผู้ที่โอนเงินเข้ามาชื่อบัญชี “ณัฐนิช” ซึ่งครูตั้งข้อสังเกตว่า เหมือนหยกรู้ช่วงเวลา และสงสัยอีกว่า บัญชีที่โอนเงินมาที่ชื่อ “ณัฐนิช” เป็นของ ใบปอ ทะลุวัง หรือไม่ เพราะชื่อเดียวกัน
– เมื่อคณะครูทราบเรื่อง ช่วงเช้าวันที่ 13 มิถุนายน จึงได้ทำบันทึกรายงานว่าโรงเรียนจะขอคืนเงิน เพราะหยกยังไม่ได้มอบตัวสมบูรณ์ และได้เรียกหยกซึ่งมาเรียนด้วยกระโปรงสีแดง ไปพูดคุยที่ห้องปกครอง พร้อมกับครูที่ปรึกษา และเพื่อนในห้อง 2 คน โดยครูจะยืนยันหยกมอบตัวไม่สมบูรณ์และจะคืนเงินค่าบำรุงการศึกษา แต่เวลาหยกพูดกลับมา อารมณ์จะขึ้น ๆ ลง ๆ และบอกว่าโรงเรียนไม่ปลอดภัย รวมทั้งเราะเวลาพูดถึงพ่อกับแม่ หยกยังอ้างกลับบ้านไม่ได้ เพราะไม่ปลอดภัย ครูถามไปทำอะไรมา แต่หยกตอบว่าครูไม่เข้าใจหนู หนูพูดไม่ได้ ก่อนสุดท้ายหยกจะมุดลอดโต๊ะออกห้อง ไม่ยอมรับการคืนเงิน
– 13 มิถุนายน ช่วงค่ำ หยกไปโพสต์ถูกโรงเรียนไล่ออก จากนั้น 14 มิถุนายน “หยก” มาสาย เอากลุ่มทะลุวังมาด่าโรงเรียน ด่ารปภ. “บุ้ง” ไปตีกล้องวงจรปิด 2 ตัว มาสร้างความวุ่นวายปั่นป่วน และที่ครูไม่ให้เข้าเพราะด่าโรงควาย และเกรงว่าถ้าเปิดประตูพวกนี้จะเข้ามา ต่อมา 15 มิถุนายน กลุ่มทะลุวังได้อาศัยจังหวะเด็กเลิกเรียน ซึ่งโรงเรียนต้องเปิดประตู บุกเข้ามามาถึง อาคาร ผอ.
– ช่วง 3 วันที่หยกต้องปีนเข้าโรงเรียนนั้น เพราะหยกมาโรงเรียนสาย มาเวลาประตูปิดไปแล้ว ส่วนเด็กคนอื่นจะมาโรงเรียนตั้งแต่ตี 5 จนถึง 7 นาฬิกา โดยโรงเรียนจะเข้าแถวเคารพธงชาติ เวลา 7.15 น. ซึ่งหากหยกมาตามเวลาปกติ ก็ไม่ต้องปีนเข้าโรงเรียน เห็นได้จากในวันนี้ที่หยกมาถึงโรงเรียนเวลาประมาณ 7.10 น.ก็สามารถเข้าโรงเรียนได้ และโรงเรียนไม่อยากห้ามปราม ไม่อยากให้เกิดการปะทะ
– หลังจากเกิดเหตุการณ์หยกปีนเข้าโรงเรียน เพื่อนร่วมห้องหยกรู้สึกไม่ปลอดภัย หวาดกลัว กลัวถูกล่าแม่มด ถึงขั้นจัดโต๊ะใหม่ในห้องเอง โดยแยกโต๊ะของหยกออกห่างจากเพื่อนคนอื่น ๆ พร้อมบอกครูที่ปรึกษาว่าไม่ไหวแล้ว และยังมีเด็กในห้องไปพบ ผอ.เพื่อถามว่าทำไมไม่จับหยก เพราะโรงเรียนออกแถลงการณ์ไปแล้ว หากมีการพกมีด ปืน เอามาทำร้ายเพื่อนในห้อง ใครจะรับผิดชอบ ซึ่งหยกยังเคยมีเพื่อนคนสนิท และได้เตือนหยก แต่หยกไม่ฟัง เพื่อนเลยตีตัวออกห่าง หยกผิดหวัง ทำให้เพื่อนคนนี้รู้สึกกลัว กลัวคนที่หยกพามาด้วยจะทำอะไรหรือไม่ วันที่ 16 มิถุนายน แม่ของเด็กคนนี้ได้ขอลาโรงเรียน
– เด็กนักเรียนคนอื่น ๆ ยังถูกคุกคามจากพวกทะลุวัง มีการตะโกนหยาบคายจากริมรั้วใส่เด็กที่กำลังกินช้าว เด็กรู้สึกไม่ปลอดภัย
– อดีตครูที่ปรึกษา ม.3 ยอมรับหยกเป็นคนละคนจากที่จบม.3 ไป
– โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ มีนักเรียน 4,073 คน ไม่รวมหยก โรงเรียนกังวลว่าเด็กจะอยู่ในสภาวะหวาดระแวงอย่างนี้ไปอีกนานนานขนาดไหน วันนี้โรงเรียนได้รับกระทบหลายอย่าง ผู้ปกครองมาส่งนักเรียนไม่สะดวก เด็กเกิดความหวาดกลัว
– เครือข่ายผู้ปกครองรู้สึกไม่มั่นใจในความปลอดภัยของลูกหลาน ได้พร้อมใจกันตั้งคณะกรรมรักษาความปลอดภัยในโรงเรียน จัดเวรยามมาดูแลเด็กทุกวัน ไม่ต่ำว่า 10 คนต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและกองร้อยน้ำหวานมาดูแลความปลอดภัยในโรงเรียน และหากยังมีการบุกรุกโรงเรียนอีก เครือข่ายผู้ปกครองจะแจ้งความเอาผิดคนที่ยุยงส่งเสริม ไม่เอาเรื่องหยก พร้อมทั้งชี้ว่าคนที่จะหยุดหยกได้คือบุ้ง เพราะหยกไลน์คุยกับบุ้งตลอด
-โรงเรียนยืนยัน หยกไม่ใช่นักเรียนของโรงเรียนแล้ว ไม่สามารถต่อรองได้อีก เขตพื้นที่การศึกษา กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจิตแพทย์ต้องร่วมหาทางออก หาที่เรียนให้กับหยก และต้องนำผู้ปกครองมาพูดคุยให้ได้ เพราะถึงแม้หยกจะยอมไปเรียนที่อื่น แต่ก็ต้องให้ผู้ปกครองตัวจริงตัดสินใจ ไม่ใช่บุ้ง อีกทั้งไม่ใช่แค่หยก แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยให้เด็ก 4 พันคนเรียนหนังสืออย่างปลอดภัยด้วย เพราะวันนี้สิทธิของเด็ก 4 พันคนถูกคุกคาม
-การหารือระหว่างนายกสมาคมผู้ปกครองกับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และนางสาวเบญจา แสงจันทร์ สองว่าที่ส.ส.พรรคก้าวไกลในวันนี้ ผู้ปกครองเสนอให้ย้ายสถานศึกษา ส่วนนายวิโรจน์ เสนอ 2 โรงเรียนคือ 1.โรงเรียนราชดำริ 2.โรงเรียนวัดธาตุทอง โดยนายวิโรจน์แจ้งว่าสามารถพูดคุยได้ แต่สุดท้ายให้หยกตัดสินใจ
– วันนี้มีนักเรียนหญิงโรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการ ชั้นม.ปลาย จำนวน 5 คน แอบนำป้ายผ้าที่มีข้อความว่า “เสรีเครื่องแต่งกาย” บนอาคารชั้นเรียน โดยคาดว่าป้ายผ้าดังกล่าวมีการนำมาให้จากบุคคลภายนอก คาดว่าเป็นกลุ่มนักเรียนเลว ซึ่งมี 1 คนเป็นศิษย์เก่า และมาชุมนุมที่หน้าโรงเรียนในวันนี้ด้วย