รู้จัก "นิ่วทอนซิล" ปัญหากลิ่นปากร่วมเจ็บคอ เปิด 5 ลักษณะอาการชี้ชัด พร้อมแนะ 3 วิธีป้องกัน รู้ก่อนรักษาได้
ข่าวที่น่าสนใจ
“นิ่วทอนซิล” คืออะไร
- นิ่ว ทอนซิลเกิดขึ้นได้ในคนทั่วไป โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาทอนซิลอักเสบหลายครั้งมีความเสี่ยงสูง เนื่องจาก การติดเชื้อของทอนซิล ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อส่วนเกินมากขึ้น
- เนื้อเยื่อเหล่านี้อาจก่อตัวเป็นซอกและร่องในต่อมทอนซิล จึงทำให้เซลล์ที่ตายแล้ว น้ำลายและเศษอาหารต่าง ๆ ติดอยู่จนเกิดการรวมตัวของแบคทีเรียและเชื้อรา
- สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะค่อย ๆ จับตัวกันเป็นก้อนแข็งที่เรียกว่า นิ่ว
- โดยนิ่ว ทอนซิลเกิดขึ้นได้ทุกบริเวณของต่อมทอนซิล
- มีลักษณะเป็นก้อนสีเหลืองหรือสีขาวขนาดเท่ากับเมล็ดถั่ว โดยไม่ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย
5 อาการบ่งชี้
- ทำให้เกิดกลิ่นปาก
- เกิดการระคายเคือง
- เจ็บคอ
- ไอเรื้อรังหรือทำให้ต่อมทอนซิลบวม หรือเจ็บบริเวณหู
ซึ่งเป็นผลจากการอักเสบของทางเดินประสาทร่วมระหว่างหูและต่อมทอนซิลได้
การวินิจฉัย
- แพทย์จะวินิจฉัยโดยการใช้เครื่องมือตรวจที่ ช่องคอหรือบางกรณีอาจใช้ภาพเอกซเรย์หรือภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อยืนยันผลการวินิจฉัย
- ซึ่งปกติแล้วผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาใด ๆ หากอาการไม่รุนแรง
- แต่หากนิ่ว ทอนซิลมีขนาดใหญ่หรือมีอาการต่าง ๆ เช่น
- เจ็บคอ
- มีกลิ่นปากมาก
- ต่อมทอนซิลบวมอักเสบ
- หรือปัญหาในการกลืนอาหาร
- ผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษา
วิธีรักษา นิ่ว ทอนซิล
ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์และระดับความรุนแรงที่เกิดขึ้น เช่น
1. “นิ่วทอน ซิล” ขนาดเล็ก
- สามารถกลั้วคอบ้วนน้ำเกลืออุ่น ๆ
- หรือใช้คอตตอนบัดก้านสำลีเขี่ยออกได้
2. ขนาดปานกลางถึงใหญ่
- อาจจะต้องทำการผ่าตัดต่อมทอนซิล เพื่อกำจัดเนื้อเยื่อบริเวณที่มีนิ่วออกไป
วิธีป้องกัน
- ดูแลช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ บ้วนปากด้วยน้ำเกลือหรือน้ำยาบ้วนปาก วิธีนี้จะช่วยลดการก่อตัวของนิ่วและกลิ่นปาก
- ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อป้องกันการเกิดต่อมทอนซิลอักเสบ
หากพบ สิ่งผิดปกติของต่อมทอนซิลควรรีบเข้าพบแพทย์ ไม่ควรใช้เครื่องมือเอาออกเองอาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อหรือทำให้เลือดออกได้
ข้อมูล : กรมการแพทย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง