เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคสีฟ้า “ประชาธิปัตย์” สถาบันการเมืองเก่าแก่สุดของไทย 77 ปีบนเส้นทางการเมือง นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 6 เม.ย. 2489 สืบเนื่องมาจนถึงวันนี้ประชาธิปัตย์ หากหัวหน้าพรรคนำลูกพรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้งหรือไม่เป็นไปตามตามเป้าหมายที่วางไว้ จะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการ “ลาออก” ที่นำพรรคไม่ประสบความสำเร็จพบกับความล้มเหลว เลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 ที่ผ่านมาก็เช่นกัน “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคคนที่ 8 นำทัพสีฟ้าได้อันดับ ที่ 6 จากพรรคการเมืองทั้งหมด กวาดส.ส.มาได้แค่ 25 คน แบ่งเป็นส.ส.เขต 22 คน ( 2,231,142 คะแนน) ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3 คน ( 925,349 คะแนน) ซึ่งถือว่าน้อยกว่าการเลือกตั้ง 4 ปีที่แล้วในยุค “อ.มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคเสียอีก ที่การเลือกตั้งคราวนั้นเมื่อ 24 มี.ค.2562 ประชาธิปัตย์มาอันดับ 4 ได้ส.ส.มาแค่ 53 คน ก็ถือว่าต่ำมากแล้ว
แต่มารอบนี้จุรินทร์พาพรรคสีฟ้าตกต่ำกว่ายุคอภิสิทธิ์อีกได้น้อยลงไปกว่าครึ่ง ทำให้จุรินทร์ต้องประกาศไขก๊อกจากหัวหน้าพรรคสีฟ้าแบบเจ็บช้ำตั้งแต่ช่วงดึกวันเลือกตั้งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อส.ส.และสมาชิกทุกคน ด้วยเหตุนี้พรรคสีฟ้าจึงอยู่ในภาวะขาดหัวขาดหางเสือที่จะไปต่อ จุรินทร์กับกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันต้องทำหน้าที่รักษาการจนกว่าจะมีหัวหน้าพรรคคนใหม่และกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) ชุดใหม่มาทำหน้าที่ 77 ปีที่ผ่านมาประชาธิปัตย์มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 8 คน เลขาธิการพรรค 15 คน ในจำนวนนี้มีหัวหน้าพรรค 4 คน เท่านั้นที่สามารถผงาดขึ้นเป็นนายกฯได้สำเร็จ ประกอบด้วย คนแรก หัวหน้าพรรคคนที่ 1 พ.ต.ควง อภัยวงศ์ เป็นนายกฯคนที่ 4 คนที่สอง หัวหน้าพรรคคนที่ 2 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็น นายกฯคนที่ 6 คนที่สาม หัวหน้าพรรคคนที่ 5 ชวน หลีกภัย เป็นนายกฯคนที่ 20 คนที่สี่ หัวหน้าพรรคคนที่ 7 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯคนที่ 27
ชั่วโมงนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นยุคที่พรรคสีฟ้าตกต่ำสุดขีด ไม่ต้องไปนับความร้อนแรงของฝ่ายส้มล้มเจ้า มองตัวเองดูตัวเองก็จะพบกับความจริง ได้ส.ส.ลดลงอย่างน่าใจหาย ส.ส.เขตลดลงเหลือแค่ 22 คนเท่านั้น ในจำนวนมาจากภาคใต้ 19 คน ที่เหลืออีก 3 คนได้จากแม่ฮ่องสอน สกลนคร อุบลราชธานี ที่อนาจใจยิ่งกว่านั้นในเมืองหลวง พรรคสีฟ้าสูญพันธ์ติดต่อกันเป็นสมัยที่ 2 แปดปีเต็มๆที่พรรคไม่ได้ความไว้วางใจจากพี่น้องเมืองกรุง ทั้งๆที่แต่ก่อนเป็นพรรคขวัญใจมหาชน เป็นพรรคยอดนิยมของคนกรุงเทพเช่นเดียวกับเพื่อไทย ทั้งหมดคืองานหนักที่หัวหน้าพรรคสีฟ้าคนที่ 9 กับ กก.บห.ชุดใหม่ต้องลงมาตีโจทย์นี้ให้แตก ทำยังไงถึงจะนำพรรคสีฟ้ากลับมาเป็นพรรคขวัญใจของคนไทยให้ได้
9 ก.ค.คือวันที่พรรคกำหนดให้มีการเลือกตั้งหัวหน้าและกก.บห.ชุดใหม่ เบื้องต้นมีชื่อแคนดิเดตโผล่มา 4 ราย ได้แก่ 1. “นายกฯชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ภาคใต้ 2. “มาดามเดียร์” น.ส.วทันยา บุนนาค 3. “ตั๊น” น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร และ 4. อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ รองเลขาธิการพรรค โดยทั้งหมดเรียกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่คนในพรรคมองว่าต้องเอามากอบกู้วิกฤตพรรค อย่างไรก็ตามในส่วนของอดีต ส.ส.และ บรรผู้อาวุโสของพรรคส่วนใหญ่ ในจำนวนนี้มี นายหัวชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค ต่างเห็นตรงกันว่าผู้ที่เหมาะสมจะมากอบกู้ฟื้นฟูพรรคในตอนนี้มีเพียงหนึ่งเดียว และคนๆนั้นก็คืออภิสิทธิ์ คนอื่นไม่น่าจะมีบารมีและอำนาจพอโดยเฉพาะในช่วงที่การเมืองกำลังเชี่ยวกราก ฝ่ายส้มล้มเจ้ากำลังมาแรง กระแสประชาธิปไตยกำลังเฟื่องฟู ไม่มีใครจะเหมาะสมในการกู้พระแม่ธรณีบีบมวยผมมากกว่าเดอะมาร์คอีกแล้ว
แต่ในพรรคหลังอภิสิทธิ์ออกไป แม้ยามนี้จุรินทร์จะถอยห่างออกไปแล้ว แต่เงาของ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน แม่บ้านพรรค เจ้าพ่อ 3 อ่าวแห่งเมืองประจวบฯ ก็ยังมีบทบาทสูงยิ่งอยู่ แม้ตัวเองจะต้องอำลาวงการจะต้องออกจากตำแหน่งเลขาฯพรรค หลังจากที่เคยประกาษิตถ้าเลือกตั้งคราวนี้ได้ส.ส.น้อยกว่าคราวก่อน คือน้อยกว่า 53 คน จะลาออกจากตำแหน่งเลขาฯพรรค จะเลิกเล่นการเมือง ตอนนี้เฉลิมชัยก็พยายามหาทางลงอยู่แต่เป็นการหาทางลงในลักษณะที่ต้องการวาง “ทายาท” ทางการเมืองไว้อยู่ในพรรคสีฟ้าต่อไป จึงไม่แปลกที่จะมีข่าวแกนนำพรรคสีฟ้าเดินเกมส์คุมพรรคต่อดังกระหึ่มในหน้าสื่อ วงในระบุว่าเฉลิมชัยมีส.ส.ในมือราว 17 คน ที่พร้อมหนุนขั้วนี้ให้กุมอำนาจต่อ เบื้องต้นจะมีการชูนายกฯชาย ขาใหญ่สงขลา ขั้วใหม่ภาคใต้ขึ้นเป็นตัวชูโรงชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ส่วนเลขาธิการพรรคก็จะดันชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ขึ้นเป็นแม่บ้านพรรค อย่าลืมว่าประชาธิปัตย์ตอนนี้เหมือนคนไม่มีแรง ขั้วเก่าอำนาจเดิมก็โรยราเต็มที ขั้วใหม่ที่เป็นแกนนำพรรคอยู่ตอนนี้ก็คือก๊วนเสี่ยต่อ ที่เหลือก็เป็นพวกสอบตก เป็นสมาชิกแต่ไม่มีพลัง เงินก็น้อยคะแนนก็ไม่มีเก้าอี้ก็ไม่มา
สงครามในพรรคสีฟ้าตอนนี้ก็เหมือนหนังจีนที่เราเคยดู ผู้เฒ่าในพรรคโรยราต้องห่ำหั่นต่อสู้กับเลือดใหม่ไฟแรง ฝ่ายผู้เฒ่าก็มี “ชวน-บัญญัติ” เป็นแกนนำ ฝ่ายเลือดใหม่ก็มี 3 ประสานอย่าง “เฉลิมชัย-เดชอิศม์-ชัยชนะ” ตอนนี้ฝ่ายผู้เฒ่ามีทางเดียวที่จะรอดที่จะกู้พรรคกลับขึ้นมาผงาดในยุทธจักร คือ ต้องไปตามพระเอกหัวหน้าพรรคเก่าอย่างอภิสิทธิ์มากอบกู้พรรค ขี้หมูขี้หมาอภิสิทธิ์ก็มีคุณสมบัติ บู๊ บุ๋น ครบเครื่องเก๋าเกมส์กว่าคนอื่นเยอะ ชั่วโมงนี้ไม่มีใครที่จะทำให้พรรคการเมืองอื่นครั่นคร้ามหากขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคสีฟ้าเท่ากับอภิสิทธิ์ ไม่แปลกที่จะปรากฎภาพชุมนุมเหล่ายอดยุทธสีฟ้ากันอีกครั้ง อาทิ ชวน อภิสิทธิ์ คุณหญิงกัลยา เกียรติ พนิช ศิริโชค ฯลฯ ในงานวันเกิดของ ” ติ๊งต่าง ” นางกาญจนี วัลยะเสวี เจ้าของไฮโซสปอร์ตคลับ แกนนำกลุ่มชาวไทยหัวใจรักสงบ ที่เป็นแม่ยกเบอร์ต้นๆ ของประชาธิปัตย์ ที่งานนี้เจ้าตัวนอกจากจะอัพรูปในงานให้คนเห็นแล้ว ยังขึ้น FB แฝงนัยยะเรื่องเลือกหัวหน้าพรรคสีฟ้าคนใหม่ว่า ใกล้ถึงวันเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่แล้ว สมาชิกพรรคก็ได้แต่หวังว่า 1.จะมีการปฏิรูปพรรคให้กลับมาเป็นประชาธิปัตย์ที่มีอุดมการณ์ ทำเพื่อประชาชน 2.จะต้องไม่ไปเกาะกับพรรคการเมืองใด เพียงเพื่อให้ตำแหน่ง หากยังคิดจะไปร่วมรบ.(ทั้งๆที่พรรคมีปัญหา) นั่นแสดงว่ากลุ่มคนที่คิดอย่างนี้คิดถึงแต่ประโยชน์ตน #สมาชิกพรรคจะไม่ยอมพวกคุณอีกต่อไป 3.สมาชิกต้องการหัวหน้าพรรคที่มีคุณภาพ มีวิสัยทัศน์มาปฏิรูปพรรค #อย่าตกเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองใด
อภิสิทธิ์มีทุกอย่างครบ มันสมองหาตัวจับยาก เหลี่ยมคมทางการเมือง จุดยืนประชาธิปไตยหนักแน่น ฝีปากกล้าหน้าคม รวมพลรอบนี้ก็ชัดเจนว่าเป็นการส่งสัญญาณเปิดหน้าเปิดตัวดันอภิสิทธิ์กลับมาชิงหัวหน้าพรรคแน่นอน แต่ก็คงไม่ง่ายที่จะกลับมาคราวนี้ ตอนนี้ในพรรคสีฟ้ามีสองขั้วให้เลือก ขั้วเฉลิมชัยชูเดชอิศม์มีจุดขายเอาพรรคสีฟ้าเข้าร่วมรัฐบาลจะกับเพื่อไทยหรือกับก้าวไกลก็ไม่สน แต่จะต้องเป็นรัฐบาลต่อให้ได้ไม่ว่านายกฯจะเป็นพิธา เศรษฐา หรือพล.อ.ประวิตร ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวจะพา 15 ส.ส.ไปซบรัฐบาลส้มล้มเจ้าเป็นข่าวฮือฮามาแล้ว กับขั้วผู้เฒ่าฝ่ายลุงชวนที่ชูอภิสิทธิ์ขายแนวคิดอนุรักษ์นิยม ไม่ไปเป็นรัฐบาลขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านเอาจุดแข็งของตัวเองมาฟื้นศรัทธาจากชาวบ้าน สองฝ่ายประลองกำลังแย่งชิงอำนาจในวันพรรคตกต่ำ จากเคยมีส.ส.เป็นร้อย จากเคยเป็นเบอร์หนึ่งเบอร์สอง ผู้นำในยุทธจักร บัดนี้มีสถานะเป็นได้แค่ “ผู้ตาม” กับ “ลูกหาบ” ทางการเมือง งานใหญ่ไม่ได้อยู่ที่ใครจะถือธงนำในค่ายสีฟ้า แต่ทำยังไงถึงจะกอบกู้ฟื้นฟูพรรค ให้เติบโตท่ามกลางพายุส้มโหมกระหน่ำพายุลมสีแดงกำลังถาโถมช่วงชิงอำนาจคืน ศัตรูที่แท้จริงของประชาธิปัตย์ไม่ใช่คนใน แต่คือสายตรงข้ามไม่ว่าส้มหรือแดง สายลมสีฟ้าจะไปยืนอยู่ตรงไหนจะขายอะไรกับคนส่วนใหญ่ในวันที่การเมืองไทยเดินไปไกลแล้ว
/////////////////////////