เมื่อ 22 มิถุนายน 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “หน้าไหว้หลังหลอก” ว่า ตำแหน่งประธานสภา ไม่เกี่ยวกับการเปรียบเทียบแบบสามเณรหรือพระบวชใหม่ หากพรรคเพื่อไทยใช้วาทะด้อยค่าทางการเมืองเช่นนี้ คงถูกย้อนเช่นกันว่า แล้วพรรคตัวเองเสนอแม่ชีเพิ่งบวชมาเป็นเจ้าอาวาสได้อย่างไรกัน หนำซ้ำพระแก่พรรษาในพรรคยังโค้งหัว กราบไหว้แม่ชีบวชใหม่เสียอีก หรือพรรคสามารถทำได้ เพราะแม่ชีบวชใหม่เป็นลูกอดีตเจ้าอาวาสพรรค พระแก่พรรษาจึงต้องนั่งกราบอยู่ทุกวัน ส่วนพรรคก้าวไกลนั้น แม้เป็นพรรคของสามเณรบวชใหม่ แต่ประชาชนยอมรับเลือกมาด้วยเสียงอันดับหนึ่ง แต่วัดเก่าคร่ำครึมีพระแก่พรรษามากมาย กลับเอาแม่ชีมาเป็นเจ้าอาวาส ดังนั้นทางการเมืองจึงไม่ควรด้อยค่ากัน ถ้าอยากได้ตำแหน่งประธานสภา ก็ควรพูดกันตรงๆ ไม่จำเป็นต้องแบ่งบทกันแสดงพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอก
“จตุพร”ย้อนแสบ เฉ่งเพื่อไทยด้อยค่าก้าวไกลเป็นสามเณร ฟาดไม่ดูตัวเองยกยอแม่ชีเพิ่งบวชใหม่เป็นเจ้าอาวาสพรรค แพลมชื่อ ปธ.สภาฯ ตัวสำรอง หาก "สุชาติ" ปฏิเสธ
ข่าวที่น่าสนใจ
นายจตุพร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยแบ่งบทกันเล่นเพื่อแย่งชิงตำแหน่งประธานสภา การประชุมพรรคเพื่อไทยที่โรงแรมเอสซีปาร์คนั้น ได้ให้นายอดิศร เพียงเกษ ขึ้นพูดเป็นคนแรก แล้วสื่อมวลชนถ่ายทอดสัณญาณทางการเมืองสู่สาธารณะจนจบ จึงให้สื่อมวลชนออกจากห้องประชุม ดังนั้นพฤติกรรมการเมืองเช่นนี้ เป็นการจงใจให้เกิดขึ้น
ฉะนั้นยืนยันว่า ในเกมการเมืองที่ถูกออกแบบไว้ ตำแหน่งประธานสภาเป็นของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน คือนายสุชาติ ตันเจริญ และมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ เพราะหากเพื่อไทยจริงใจกับพรรคก้าวไกล ก็ต้องให้นายสุชาติออกมาปฏิเสธไปแล้ว อย่างไรก็ดีหากนายสุชาติปฏิเสธตำแหน่งประธานสภา ตนจะพูดถึงอีกชื่อหนึ่งที่สำรองไว้ และสำรองไว้คนเดียว ซึ่งคนนี้เป็นคนที่ถอยไม่ได้ ส่วนจะเป็นหมอชลน่าน นายภูมิธรรม นายจาตุรนต์ นายประเสริฐ หรือนายอดิศรหรือไม่นั้น มีชื่อหนึ่งในนั้น และพลเอกประวิตรก็จะเป็นนายกฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง